เพียรเถิดจะเกิดผล (วิสุทธิวาจา ๓ ความเพียร)
ในการบำเพ็ญภาวนา ความเพียรเป็นข้อสำคัญยิ่ง ต้องทำเสมอทำเนืองๆ ในทุกอิริยาบถ ไม่ว่านั่ง นอน เดิน ยืน และทำเรื่อยไปอย่าหยุด อย่าละ อย่าทอดทิ้ง อย่าท้อแท้ มุ่งรุดหน้าเรื่อยไป ผลจะเกิดวันหนึ่งไม่ต้องสงสัย
ผลเกิดอย่างไร ท่านรู้ได้ด้วยตัวของท่านเอง
.
ตนเป็นที่พึ่งของตน นี่หมายความว่ากระไร อะไรเป็นตน ตนคืออะไร นามรูปํ อนตฺตา ก็แปลกันว่า นามและรูปไม่ใช่ตน ถ้ากระนั้นอะไรเล่าจะเป็นตน ซึ่งจะได้ทำให้เป็นที่พึ่งแก่ตน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เรียกว่า ขันธ์ ๕ เมื่อย่อเข้าเรียกอย่างสั้น ก็เรียกว่า นามรูป โดยเอากองรูปคงไว้ ส่วนกองเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รวมกันสี่กอง นี้เรียกว่า นาม ฉะนั้นที่ว่า นามรูป ก็คือขันธ์ ๕ นั่นเอง เมื่อขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตน จึงต้องถามว่า อะไรเล่าเป็นตน ถ้าค้นหาตนไม่พบก็ไม่รู้ที่ว่าจะทำอะไรให้เป็นที่พึ่งแก่อะไร พระพุทธวจนะ ที่มีอยู่ว่า อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ซึ่งแปลว่า ตนเป็นที่พึ่งแก่ตน จะมิได้มีทางออกหรือ ย่อมเป็นไปไม่ได้
.
ได้เคยกล่าวมาข้างต้นบ้างแล้วว่า พระองค์ทรงสอน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ด้วยพระปรีชาญาณอันสุขุมคัมภีรภาพ เพื่อให้คิดค้น พระองค์เน้นสอนทางอนัตตา ก็เพื่อให้เห็นอัตตาเอาเอง สมในคำ สนฺทิฏฺฐิโก ซึ่งแปลว่า ธรรมของพระองค์นั้นผู้ที่ปฏิบัติย่อมเห็นเอง อกฺขาตาโรพระองค์เป็นแต่ผู้ทรงบอกแนวทางให้เท่านั้น
. (วิสุทธิวาจา ๑ อัตตาสมมุติกับอัตตาแท้ )
ฉะนั้น เมื่อมีเรื่อง อนัตตา กับ อัตตา ยันกันอยู่ จึงต้องคิดค้นต่อไป ธรรมของพระองค์จะขัดกันเองไม่ได้ เพื่อที่จะไม่ให้ขัดแย้งกัน จึงต้องแบ่ง อัตตา ออกเป็น ๒ อย่างคือ อัตตาสมมุติ กับอัตตาแท้ อัตตาสมมุติ ได้แก่ กายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม เพราะกายเหล่านี้ ยังมีเกิด มีตาย เป็นกายส่วนโลกีย์ ยังมีกายอีกกายหนึ่ง ซึ่งเป็นกายโลกุตระ คือ ธรรมกาย ธรรมกายนี้แหละ เป็นอัตตาแท้หรือตนแท้
.
ที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแก่ตนนั้น ก็คือเพิ่งยึดอาศัยกัน ดำเนินเข้าไปเป็นชั้นๆ คือเพ่งกายมนุษย์ส่งให้ถึงกายทิพย์ เพ่งกายทิพย์ส่งให้ถึงกายรูปพรหม เพ่งกายรูปพรหมส่งให้ถึงกายอรูปพรหม เพ่งกายอรูปพรหมส่งให้ถึงธรรมกายกาย คือตนอาศัยพึ่งกันเป็นชั้นๆเข้าไป เช่นนี้จึงได้ชื่อว่า ตนเป็นที่พึ่งแก่ตนในด้านภาวนา ตามนัยที่กล่าวไว้แล้วโดยละเอียดข้างต้น นั้นยังมีคำว่า กาเย กายานุปสฺสี ในมหาสติปัฏฐานสูตร เป็นหลักฐานสนับสนุนอีก กายานุปสฺสี แปลว่า เห็นตาม หรือตามเห็นซึ่งกาย กาเย แปลว่า ในกาย รูปศัพท์มีวิภัตติตรึงอยู่ชัดเช่นนั้น แปลตรงตามศัพท์ และย่นคำให้สั้น ก็ว่าตามเห็นกายในกาย คือตามเห็นเรื่อยเข้าไป เป็นชั้นๆ เห็นกายมนุษย์ แล้วตามเข้าไปเห็นกายทิพย์ ตามเข้าไปเห็นกายรูปพรหม ตามเข้าไปเห็นกายอรูปพรหม ตามเข้าไปเห็นกายธรรม ดังนี้เป็นหลักฐานรับสมกันอยู่ กายมนุษย์รูปร่างหน้าตาอย่างไร กายมนุษย์รูปร่างหน้าตาก็เป็นมนุษย์ ใช่อื่นไกล คือ กายเรา นี้เอง กายทิพย์ก็เป็นรูปเป็นร่างเช่นกัน แต่สวยกว่า กายรูปพรหมสวยกว่างามกว่านั้นอีก กายอรูปพรหมสวยงามยิ่งกว่ารูปพรหมขึ้นไปอีก ธรรมกายนั้นมีสีใสเหมือนแก้ว สัณฐานดังรูปพระพุทธปฏิมากรนั่งสมาธิ เกตุเป็นดอกบัวตูม ดังได้กล่าวมาแล้ว
.
การรักษาไตรทวาร
ไตรทวาร แปลว่า ประตูทั้ง ๓ คือ กาย วาจา ใจ ที่เรียกว่า ทวาร ก็เพราะความชั่วและความดีจะลอดเข้าไปถึงจิตนั้น เข้าทางนี้ ความชั่วเรียกว่าทุจริต ความดีเรียกว่าสุจริต วิธีที่จะเข้าไป มีอาการไหวก่อน ซึ่งเขาจะเรียกว่า วิญญัติ ไหวทางกายเรียกว่า กายวิญญัติ ทางวาจาเรียกว่า วจีวิญญัติ ทางใจเรียกว่า มโนวิญญัติ
อะไรทำให้เกิดอาการไหว หรือบังคับให้ไหว ไม่ใช่อื่นไกล สังขารนั่นเอง บังคับให้ไหว บังคับทางกายได้แก่ กายสังขาร ทางวาจาได้แก่ วจีสังขาร ทางใจได้แก่ จิตตสังขาร สังขารคือความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง และมีทางเกิดเป็น ๒ ฝ่าย
ฝ่ายทุจริตเกิดจากอวิชชาและอาสวะ
ฝ่ายสุจริตเกิดจากวิชชาและอนาสวะ
ฝ่ายเหตุทุจริต เป็นดวงดำมืดมน
ฝ่ายเหตุสุจริตเป็นดวงขาวใส ซ้อนอยู่ในดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์
เป็นคู่ปราบกันอยู่
ฝ่ายชั่วเป็นภาคมาร
ฝ่ายดีเป็นภาคพระ
ต่างมีเจ้าของด้วยกัน
ฝ่ายชั่วอำนวยการให้มืด ฝ่ายดีอำนวยการให้สว่าง คล้ายโรงงานทำหมอกควันพวกหนึ่ง โรงงานทำไฟฟ้าพวกหนึ่ง เมื่อเราไม่คอยระวัง ฝ่ายชั่วสอดเข้าไปได้ ย่อมเป็นเหตุให้เราตกไปทางชั่ว คือจะทำอะไรก็ทำในทางชั่ว จะพูดอะไรออกมา ก็เป็นทางชั่ว จะคิดทำอะไรก็เป็นไปทางชั่วหมด
.
ถ้าเราคอยระวังรักษาไว้ให้ดี บำเพ็ญสมาธิให้ดวงขาวใสปรากฏอยู่ในศูนย์กลาง เราจะทำอะไรก็เป็นไปในทางดี พูดอะไรก็พูดไปทางดี คิดอะไรก็คิดไปทางดี
.
เพราะฉะนั้น จึงควรบำเพ็ญตนให้เป็นฝ่ายขาวเสมอ
เวลาจะตาย
ถ้าปล่อยให้ไปตกอยู่ฝ่ายดำ เรียกว่า หลงตาย จะไปสู่ทุคติ
ถ้าอยู่ในฝ่ายขาวเรียกว่า ไม่หลงตาย จะไปสู่สุคติแน่แท้
จึงเป็นการจำเป็นยิ่ง ที่จะระวังให้อยู่ฝ่ายขาว
.
วรญฺญํ สรณํ นตฺถิ สิ่งอื่นจะเป็นที่พึ่งของเราได้ไม่มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๓ รัตนะนี้เท่านั้น เป็นที่พึ่งอันประเสริฐสูงสุดของเรา ด้วยสัจวาจาภาษิตนี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่สาธุชนทั้งหลายทั่วกันฯ
โอวาท พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
อ้างอิงเนื้อหา หนังสือ รวมพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
เพื่อการศึกษาและดำรงไว้ซึ่งคำสอน