พระบรมพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้า ที่ท่านได้เข้าสู่พระนิพพานเป็นองค์แรกๆ พระพุทธเจ้าท่านมีมากมายก่ายกองทีเดียวนับกันไม่ถ้วน เพราะว่าโลกนี้กัปนี้ มันตั้งกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่มีใครทราบ แต่ว่ามีกันมายาวนานทีเดียว บางกัปก็มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้พระองค์หนึ่ง บางกัปก็ 2 พระองค์ 3 พระองค์ กัปของเรามีถึง 5 พระองค์ เรียกว่า ภัทรกัป คือกัปที่มีความเจริญ คือมีผู้มีบุญ มีบารมี มีใจแน่วแน่ ปรารถนาจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายอสงไขยชาติ มาตรัสรู้ถึง 5 พระองค์ กัปไหนไม่มีพระสัมมาพระเจ้าบังเกิดขึ้น ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าน่ะมีมากมายก่ายกอง ที่ท่านดับขันธปรินิพพาน เข้าไปสู่อายตนะนิพพาน นับไม่ถ้วนกันทีเดียว เพราะนับไม่ถ้วน จึงได้อุปมาเทียบเอาไว้กับเมล็ดทราย ทราย 1 กำมือเนี่ย ถ้าเรามานับดู กว่าจะนับให้ครบทุกเม็ดได้ ก็ใช้เวลานาน นับกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แต่ทรายในมหาสมุทรทั้งหลาย มากมายก่ายกองขนาดนั้นน่ะ ที่เรานับกันไม่ไหวในแต่ละเม็ด ยังน้อยกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ที่ท่านดับขันธปรินิพพาน ไปสู่อายตนะนิพพาน นับกันไม่ถ้วนทีเดียว พระบรมพุทธเจ้า บรมแปลว่่า ยิ่งใหญ่ บรมพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่มีบารมีแก่ๆ ใหญ่ด้วยบารมี ใหญ่ด้วยพระวรกาย กายท่านโตใหญ่ ใหญ่ด้วยความรอบรู้ ความบริสุทธิ์ทุกอย่าง พระบรมเจ้าเข้านิพพานไปเก่าแก่ๆนู่น ซึ่งเราจะรู้เห็นได้ก็ต่อเมื่อ เราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ทำวิชชาธรรมกายเป็น พระธรรมกายท่านมีธรรมจักขุ มีฌานทัศนะ ธรรมจักขุหรือดวงตาของท่านนั้นน่ะ มองเห็นเป็นไปได้รอบทิศ มีความบริสุทธิ์ เห็นได้ทะลุปรุโปร่งไม่มีอะไรกำบังได้ ญาณทัศนะ เครื่องรู้ คือเห็นไปถึงไหน ก็รู้ไปถึงนั่น มีอยู่ในพระธรรมกาย ถ้าเรามี ถ้าเราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ทำวิชชาเป็นแล้ว ก็จะเกิดธรรมจักขุและญาณทัศนะ จะไปเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานแล้วเนี่ย ที่ว่ามากมายกว่าเมล็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง 4 ได้ วันที่ 1 กุมพาพันธ์ 2541
โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)