วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก หลักสูตรชีวิต

วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก ๒ บทที่ ๕ : หลักสูตรชีวิต

หยุด เป็นตัวสำเร็จให้ จำไว้
หยุด นิ่งดิ่งภายใน กายแก้ว
หยุด ในหยุดต่อไป เรื่อยเรื่อย
หยุด อย่างนี้คลาดแคล้ว บ่วงแร้วพญามาร
ตะวันธรรม

       ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ พอ
สบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ให้มีความรู้สึก
ว่าสบาย ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ปล่อย วาง ทำใจ
ให้ว่างๆ

นึกถึงบุญที่ทำผ่านมา

       แล้วก็นึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำผ่านมาให้ติดเป็นนิสัยเลย
บุญบารมีความดีที่เราทำผ่านมาตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็น
มนุษย์ เราสร้างบุญบารมีความดีเรื่อยมาเลยในทุกๆ บุญ ทุกๆ
บารมี ทุกๆ ความดี มารวมเป็นดวงบุญใสๆ ติดอยู่ใน
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างสบายๆ
       ดวงบุญนั้นกลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสบริสุทธิ์ เหมือน
เพชรที่เจียระไนแล้วไม่มีตำหนิเลย หรือใสยิ่งกว่านี้ ใสเกินใส
เกินความใสใดๆ ทั้งสิ้น ที่เราเคยเห็นในโลก แล้วก็สว่างยิ่งกว่า
ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่าไม่แสบตา ไม่เคืองตา ไม่จ้าตา
คล้ายๆ กับเรามองดูพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ จะเป็นแสงที่ใส
เย็น สบาย ฝึกให้ติดเป็นนิสัยเลยนะ เพราะเราจะต้องใช้ดวง
บุญนี้ไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เราจะไปนึกในตอน
นั้น เดี๋ยวมันจะไม่ทันกัน
       ต้องหมั่นฝึก หมั่นนึก หมั่นคิดถึงบุญที่เราได้ทำผ่านมา
จนถึงปัจจุบันชาติที่ล่าสุด มารวมเป็นดวงบุญใสๆ ติดอยู่ใน
กลางกาย เพราะที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นั้น เป็นที่มาเกิด ไป
เกิด ที่หลับ ที่ตื่น ไปสู่อายตนนิพพาน ดังที่เราได้ศึกษาเรียนรู้
กันมาแล้ว

หลักสูตรชีวิตก่อนเดินทางไปสู่ปรโลก

       ตอนนี้เรามาเกิดแล้ว สั่งสมบุญเอาไว้แล้ว แต่ตอนจะไป
เกิด ก็ต้องทำให้เป็น ถ้าทำไม่เป็น ไม่รู้หลักวิชชา อันตราย
มีผู้มีบุญหลายท่านทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชนระดับไหนก็ตาม
ชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ถ้าไม่เคยหมั่นนึกถึงบุญ หรือไม่รู้จัก
หลักสูตรของชีวิตก่อนเดินทางไปสู่ปรโลกว่า
       ใจใสไปดี ใจหมองไปไม่ดี (ไปอบาย) ถ้าไม่รู้ตรงนี้ก็
จะทำไม่เป็น
       ใจใส คือ การนึกถึงความดีที่เราทำ
       ใจหมอง เพราะนึกถึงสิ่งที่เราดำเนินชีวิตผิดพลาดที่เรา
ทำไม่ดีในอดีตมาฉายให้เห็น ไม่ว่าเราจะมีความรู้หรือ
ไม่มีก็ตาม

       ถ้าไม่รู้หลักสูตรของชีวิตก่อนเดินทางไปสู่
ปรโลก จะทำไม่เป็น ยิ่งโดยเฉพาะช่วงสุดท้าย
ของชีวิต มันมีโรคภัยไข้เจ็บ บางคนก็ทุกข์ทรมาน
มาก บางคนก็ปานกลาง บางคนก็น้อย ไม่เหมือน
กัน แต่จะทุกข์ทรมานน้อย มาก ปานกลาง หรือ
อะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องรู้จักหลักวิชชา ถ้าไม่รู้ก็ทำ
ไม่เป็น ถ้าทำไม่เป็นอันตราย

      อันตรายอย่างไร…แม้สั่งสมบุญมามาก ถ้าเราไม่หมั่นนึก
เพราะไม่เข้าใจ ตอนตายใหม่ๆ เมื่อความทุกขเวทนาครอบงำ
ใจก็จะพัวพันอยู่กับความทุกข์ ความเจ็บป่วย ตอนนั้นมันจะ
ขาดสติ เวลากายละเอียดหลุดไปจากกายหยาบ ก็จะอยู่ที่บ้าน
บ้าง หรือนึกถึงใครก็จะไปตรงนั้น วนเวียนอยู่ ๗ วัน แล้วก็จะ
มีเจ้าหน้าที่จากยมโลกมาพาไปตามกำลังแห่งวิบากกรรมที่เรา
ทำเอาไว้
       ตรงนี้แหละสิ่งที่เราทำเป็นอาจิณก็จะได้ช่องก่อน ถ้าดื่ม
เหล้าสูบบุหรี่เป็นอาจิณกรรม เจ้าหน้าที่เขาจะพาไปในยมโลก
ของมหานรกขุม ๕ ก่อน อันนี้ในกรณีที่ถ้าเราทำบุญกับบาป
ควบคู่กันไป โดยไม่รู้ว่าบาปเป็นอย่างไร หรือทำบุญก็ทำไปอย่าง
นั้นเอง หรือทำไปตามหน้าที่บ้าง หรือนานๆ ก็จะมีศรัทธาสัก
ทีหนึ่ง หรือทำบุญสงเคราะห์โลกเป็นส่วนใหญ่ ตายใหม่ๆ ก็
จะไปอย่างนี้
       ทีนี้เวลาไปนี่ มันไปด้วยลักษณะที่ไม่มีเสื้อผ้า มีแต่เครื่อง
พันธนาการ และถูกควบคุมตัวไป ตอนนั้นก็จะตกอกตกใจ อกสั่น
ขวัญแขวน ถูกนำตัวมาอยู่ที่หน้าลานพิพากษา ตรงนั้นมีสิ่ง
แวดล้อมที่เห็นแล้วน่าสยอง น่าสะพรึงกลัว ใจยิ่งหมอง หดหู่
หนักเข้าไปอีก
       พอถึงคราวประกาศชื่อ ตัวก็เดินตามเขาไปในสภาพที่
เปลือยเปล่า มีคนคุม มีเครื่องพันธนาการ ไปหวาดเสียวอีก
ไปนั่งอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ ถ้าโชคดีเขาฉายเรื่องบุญมาให้ดูก่อน
พอระลึกได้เป็นภาพขึ้นมา บุญถึงจะส่งผลนำเราหลุดออกมา
ก่อน จึงจะมารับบุญที่เขาอุทิศไปให้ ซึ่งมันมีที่เก็บอยู่ ที่ว่าบุญ
ไปคอยอยู่ที่ยมโลก แล้วถึงจะมีขั้นตอนกันออกมา
       กว่าจะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้ เพราะบุญส่งผลในภาย
หลัง มันก๊อกสั่นขวัญแขวน กว่าจะเดินทางไปสู่เทวโลกตาม
กำลังแห่งบุญ ก็ต้องผ่านขั้นตอนตรงนั้นก่อน ซึ่งเราไม่ควรจะ
เป็นอย่างนั้น
       จะเห็นว่านรกสวรรค์นี่ มันเกี่ยวข้องกับตัวเรา ไม่
ใช่เรื่องไกลตัว จนละเลยไม่ศึกษา แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว
มาศึกษาบ้าง แต่มันเกี่ยวกับตัว ต้องศึกษา เพราะฉะนั้น
หมั่นนึกถึงบุญเอาไว้ทุกวันให้สม่ำเสมอจนติดเป็นนิสัย
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกทุกๆ คน เพราะมันเกี่ยวข้อง
กับตัวของเรา
       ดังนั้นในตอนนี้ก็ต้องนึกถึงบุญให้เห็นเป็นดวงใสๆ แม้
ยังเห็นไม่ชัด ก็ให้มีความรู้สึกว่ามีอยู่ไปก่อนว่า เป็นดวงกลมๆ
ใสๆ เหมือนกับเพชร เหมือนกระจก หรือเหมือนน้ำแข็งใสๆ
ซึ่งเรานึกง่าย เพราะเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกับการนึกการเห็น นึก
ง่ายๆ อย่างนั้นไปก่อน ไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร ให้คุ้นเคย นึกบ่อยๆ
มันก็คุ้นเคย แล้วก็จะชัดเจนขึ้นมาเอง จากการนึกเห็นก็จะเห็น
ได้จริงๆ ในภายหลังเมื่อใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วน
       นี่คือสิ่งที่ลูกทุกคนต้องฝึกฝนด้วยตนเอง เพราะทำแทนกัน
ไม่ได้ เราต้องหายใจเอง เราต้องรับประทานเอง ปฏิบัติธรรมะ
ก็ต้องปฏิบัติเอง นึกถึงดวงบุญก็ต้องนึกเอง จนกระทั่งคุ้นเคย
แล้วก็ชินติดเป็นอุปนิสัย กระทั่งกลายเป็นขันธสันดาน ติดอยู่
กับตัวเราเป็นอัตโนมัติ เหมือนเราอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน
หรือเหมือนลมหายใจเข้าออกที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมี
ใครมาตักเตือนเรา
       ตอนนี้ก็ให้ตามระลึกนึกถึงบุญโดยนึกเป็นภาพรวมไปก่อน
ว่า บุญทั้งหมดมารวมเป็นดวงอย่างนี้ หรือจะเริ่มต้นจากบุญที่เรา
นึกได้ง่าย ประทับใจในบุญใดก่อน ที่นึกทีไรแล้วปลื้มทุกที นึกถึง
บุญนั้น หรือการกระทำที่ประทับใจนั้นก่อน พอความปลื้มเกิดขึ้น
มันก็จะไปดึงดูดบุญอื่นๆ ทุกๆ บุญที่เราระลึกไม่ได้ ให้มารวม
เป็นดวงบุญใสๆ ติดอยู่ในกลางกาย ซึ่งจะเป็นหลักยึดของใจเรา
       เมื่อใจมีความปลื้มปีติในบุญในความดีที่เราทำ ความ
สงบกายสงบใจก็จะเกิดขึ้นเอง ซึ่งจะนำมาซึ่งการหยุดนิ่ง ใจก็
จะหยุดนิ่งอยู่ภายใน ก็จะหยุดไปเรื่อยๆ อยู่กับเนื้อกับตัวใน
ตำแหน่งที่ถูกต้อง ตำแหน่งที่เป็นแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ ความ
สุข ความสำเร็จในชีวิต ความรอบรู้ในเรื่องราวความเป็นจริง
ของชีวิตเป็นต้น
       ตอนนี้เราก็นึกถึงดวงบุญอย่างสบายๆ คล้ายๆ กับ
เรานึกถึงสิ่งที่เราชอบ นึกเพลินๆ เมื่อใจเราเพลิดเพลิน
อยู่ในบุญใจก็จะใสๆ และยิ่งเราประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา
สัมมา อะระหัง ไปด้วย ใจก็จะยิ่งอยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งหยุด
ยิ่งนิ่ง อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ไปเอง ต่างคนต่างประคับ
ประคองใจกันไปนิ่งๆ ให้ใจใสๆ ใจสบาย
วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ .๒๕๕๑

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา หนังสือง่ายแต่ลึก 2 บทที่ 5 www.dhamma01.com

1 thought on “วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก หลักสูตรชีวิต”

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *