วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก หลักวิชชาใจหยุดนิ่ง และอาการตกศูนย์

ง่ายแต่ลึก เล่ม ๓ บทที่ ๑๕ หลักวิชชาใจหยุดนิ่ง และอาการตกศูนย์

ลูกก็ต้องหยุดไว้ กลางกาย
หมั่นฝึกอย่าดูดาย ลูกแก้ว
ให้ใจสนิท บ่ คลาย เคลื่อนที่
เมื่อถูกส่วนดีแล้ว เคลื่อนเข้าเร็วฉิว
ตะวันธรรม

ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิกันนะ หลับตาเบาๆ พอ
สบายๆ รวมใจไปหยุดนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ในกลาง
ท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หยุด
ใจนิ่งอย่างสบายๆ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี แล้วก็ผ่อน
คลายทุกส่วนของร่างกายเรา ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน
ของร่างกายให้สบาย ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด
บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง

ทำจุดเริ่มต้นให้เป็น

การทำใจของเราให้หยุดนิ่งๆ อยู่ภายใน ไม่ใช่เรื่องยาก
มากเกินไป ยากในระดับที่เราสามารถทำได้ เข้าถึงได้ ถ้าเรา
รู้หลักวิชชา มันสำคัญตั้งแต่จุดเริ่มต้นตรงนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ปิด
เปลือกตาในระดับที่ปรือๆ นิดๆ แล้วก็ทำความรู้สึกในกลาง
ท้องเบาๆ สบายๆ แล้วก็ผ่อนคลาย เราต้องทำตรงนี้ให้เป็น
แล้วจะง่าย

ผ่อนคลายก็ต้องผ่อนคลายจริงๆ ทั้งเนื้อทั้งตัว เปลือก
ตา หน้าผาก ศีรษะ คอ บ่า ไหล่ แขนทั้งสองถึงปลายนิ้วมือ
ลองผ่อนคลายดูนะ ผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัว ขาทั้งสองถึงปลาย
นิ้วเท้าให้ผ่อนคลาย

อย่าคาดหวัง นิ่งให้เป็นเสียก่อน

แล้วก็อย่าไปคาดหวังว่า เราจะต้องเห็นโน่น เห็นนี่ เห็น
นั่น เอาว่านั่งให้ถูกต้อง ถูกหลักวิชชาเสียก่อน แล้วก็นิ่งให้
เป็นเสียก่อน นิ่งในระดับที่ไม่ตึง ไม่เกร็ง นิ่งแบบผ่อนคลาย
นิ่ง นุ่ม เบาๆ นี่ทำตรงนี้ให้เป็นนะ เดี๋ยวเราจะเห็นว่า มันไม่
ยากหรอก ทำสองสามประโยคที่หลวงพ่อบอกไว้ให้เป็น นิ่ง
ให้เป็น นิ่งนุ่มให้เป็น นิ่งนุ่มผ่อนคลายให้เป็น ให้ใจใสๆ อยู่
เหนือความอยากได้ อยากเห็น อยากมี อยากเป็น ให้ใจเป็น
กลางๆ ลองทำตรงนี้นะ ให้เป็นกลางๆ รู้สึกสบาย
ถ้าทำสามสี่ประโยคนี้ได้ถูกหลักวิชชา ถ้าทำเป็นตัวของ
เราจะกลืนกับบรรยากาศ แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรหรอก มันจะ
กลืนอยู่ในระดับที่เราพึงพอใจ ชอบใจที่นั่งอย่างนี้ ‘เออ รู้สึก
ไม่ยาก’ ความรู้สึกว่า ไม่ยากเกิดขึ้นแล้ว แล้วก็เกิดความ
รู้สึกว่า ‘อือ ถ้าไม่เห็นภาพอะไร ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เห็นก็ดี
ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร’ ถ้าเมื่อไรเกิดความรู้สึกอย่างนี้ แสดงว่า
ถูกหลักวิชชาแล้ว
เรานั่งนิ่งเห็นได้ก็ดี เห็นได้แค่ไหนก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร
นิ่ง นุ่ม สบาย ถ้าทำตรงนี้เป็น เพียงไม่กี่นาที ใจก็รวมแล้ว

ตัวจะโล่งๆ โปร่ง เบา เราจะรู้จักคำนี้เลย เข้าถึงคำคำนี้ จาก
ประสบการณ์ภายในที่เป็นอย่างนี้ จะไปใช้คำอื่นไม่ได้ คือ
ตัวมันโล่ง กลวงๆ เป็นโพรง บางทีก็พองๆ โตๆ แล้วก็ขยาย
โดยที่เราไม่ได้คำนึงถึงว่า เราจะได้เห็นอะไร ถ้าได้อย่างนี้ก็
ยิ่งถูกหลักเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก เราทำถูกวิธีแล้ว
แล้วหลังจากนั้น เราก็ไม่ได้คิดเรื่องอะไร ไม่กังวลอะไร
เฉยๆ อยากอยู่อย่างนี้อย่างสบายๆ ทีนี้พอเราทำอย่างนี้ มัน
จะเกินกว่าที่เราคาดคิด เริ่มรู้สึกมีปีติที่เราสามารถทำได้ แล้ว
ก็จะมีความสุขน้อยๆ ขึ้นมา อยู่ในระดับที่เป็นรางวัลให้เรา
อยากทำถูกวิธี แล้วก็มีแรงจูงใจให้เราอยากนั่งอีก ไม่ใช่ไม่
อยากนั่งอีก นั่งเองโดยไม่ต้องฝืน ไม่ต้องพยายาม แล้วก็จะ
เกิดความรู้สึกว่า ‘แหม เวลาทำ ไมหมดเร็วจัง พระอาจารย์
ไม่น่าสัพเพเลย’ ถ้าถูกวิธีนะมันจะเกิดอย่างนี้ แม้ยังไม่มีแสง
สว่างให้ดู ยังไม่มีภาพอะไรให้ดูเลย ก็พึงพอใจ ถ้าใครมาถึง
ตรงนี้ เท่ากับเรากำความสำเร็จในการที่จะเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ใน
ตัวล้านเปอร์เซ็นต์เลย

หมั่นสังเกต ๒-๓ นาที ก่อนเลิกนั่ง

นี่คือ ข้อสังเกตของเราในแต่ละครั้งที่เรานั่ง ตอนที่เราเลิก
นั่งแล้วนะ อย่าไปสังเกตตอนนั่ง แต่ถ้าเลิกนั่งแล้วให้ทบทวน
ดู สมมติว่า เราจะนั่งสัก ๑ ชั่วโมง หรือกี่ชั่วโมง หรือกี่นาที
ก็แล้วแต่ พอเราอยากจะเลิกให้นิ่งๆ อีกสัก ๒-๓ นาที เพื่อ
ทบทวนว่า วันนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเราทำมาอย่างไร ทำไมรู้สึกวัน
นี้เราอยากนั่งจังเลย รู้สึกชอบจัง มีปีติ มีความเบิกบาน ให้

ทบทวนสัก ๒-๓ นาที แล้วค่อยลุกไปเปลี่ยนอิริยาบถจะไป
ทำอะไรก็ไปทำเถอะ
นี่สำคัญนะลูกนะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเรา ที่
จะแสวงหาพระรัตนตรัยในตัว ถ้าทำตรงนี้ไม่เป็นมันก็นาน
จะเสียเวลา และเวลาเราก็ไม่ควรจะเสียไปมาก เพราะเรามี
เวลาไม่มากในโลกนี้ ก็จะต้องทำให้ถูกวิธีเสียตั้งแต่ตอนนี้
ลูกทุกคนมีบุญมากอยู่แล้วที่จะเข้าถึง แล้วก็เคยเข้าถึงกัน
มาแล้ว แต่ว่าชาตินี้เราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ มัวไป
เสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารหรือเกิดประโยชน์อะไร
มากนัก เสียเวลากับสิ่งนั้นมากเกินไป และต้องมาเสียเวลา
เพิ่มอีกในการที่จะคลี่คลายตัวเองให้ผ่อนคลายจากความคิด
คำนึงต่างๆ เหล่านั้นให้หมดไป
จากนี้ไปเรามีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้วสำหรับชาตินี้
ทำให้ถูกหลักวิชชาเสีย ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วก็ให้สังเกตทบทวน
ทุกครั้งที่เลิกนั่ง แล้วก็จดจำไว้
มีข้อสังเกตอยู่ที่ลูกทุกคนจะต้องจำก็คือ วันไหนเรามี
อารมณ์ดีทั้งวัน จิตเป็นกุศล คิดแต่เรื่องความดี เรื่องบุญกุศล
หรือรู้สึกสบายใจ ใจว่างๆ ไม่ติดอะไรเลย ในคน สัตว์ สิ่งของ
ธุรกิจการงาน บ้านช่อง วันนั้นเราจะนั่งดีเป็นพิเศษ หรือเรา
ปลื้มในความดีอะไร ในบุญของเราสักบุญหนึ่ง หรือหลายๆ
บุญที่นึกแล้วปลื้มเป็นกุศลธรรม เวลาเรามานั่ง ขายังไม่ทัน
ได้คู้เข้ามาเลยนะ ใจมันก็พรึบรวมเข้าไปข้างในแล้ว

ลูกทุกคนมีบุญ บุญเก่ามีเยอะมากพอที่จะเข้าถึง ถ้า
ศึกษาวิธีการให้ถูกหลักวิชชา แล้วก็ฝึกฝน ปรับปรุงวิธีการ
ปรับใจไปเรื่อยๆ ให้ผ่อนคลายแค่นั้นแหละ เดี๋ยวก็จะเป็น
ของมันไปเอง
แต่บางครั้งเราก็ต้องยอมที่จะให้ความคิดผ่านมาในใจ
บ้างในบางครั้งบางคราว แต่ถ้าหากเราคิดว่า จะเอาไม่อยู่
แล้ว เราก็เผยอเปลือกตาขึ้นมาสักนิดนึง มันก็จะหายฟุ้งเอง
แล้วก็ค่อยๆ เริ่มต้นใหม่อย่างง่ายๆ เราต้องพร้อมที่จะเป็น
นักเรียนอนุบาลเสมอ ทุกๆ ครั้งที่ใจเริ่มไม่หยุด ไม่นิ่ง มัน
ฟุ้ง เราก็ปรับไปสบายๆ

อาการตกศูนย์ ๒ แบบ

ถ้าวิธีถูกต้อง ก็จะทำให้ถูกส่วนเอง จะโล่ง โปร่ง เบา
สบาย กายสงบ ใจสงบ ไม่ค่อยปวดเมื่อยเท่าไร แล้วก็เริ่ม
เบิกบาน ใจจะถูกตรึงให้ติดแน่นอยู่กับกลางท้อง กลางกาย
โดยที่เราไม่ได้คำนึงว่าฐานที่ ๗ หรือเปล่า แต่รู้สึกจะถูกตรึง
ตรงนั้น จากถูกตรึงก็จะถูกดึง มีอาการเหมือนถูกดูดลงไป
คล้ายๆ กับมีแม่เหล็กโลก แม่เหล็กยักษ์ที่มองไม่เห็นมันดึง
แล้วให้เคลื่อนเข้าไป ถ้าค่อยๆ ดึงเคลื่อนไปช้าๆ เหมือนน้ำ
ที่ไหลรินไปล่ะก็ รู้สึกชอบ เป็นสุข แต่ถ้าพรวดพราดเหมือน
ตกจากที่สูง ลงเหวบ้าง เหมือนตกหลุมอากาศ วูบลงไป ตรง
นี้เราจะผวา บางทีเหมือนเจียนแทบจะขาดใจตาย ซึ่งเราคิด
ไปเอง ว่า ‘โอ ท่าจะตายแล้วมั้ง’

ตรงนี้ ถ้าเราไม่มีประสบการณ์ หรือไม่ได้ผู้รู้ที่แนะนำ
บางทีเราก็มาตกม้าตาย ทั้งๆ ที่มันกำลังจะดีมากๆ เขาเรียก
ว่า อาการตกศูนย์ มันถูกดึงดูดเข้าไปอย่างนั้นแหละ เราต้อง
ทำเฉยๆ เป็นไงเป็นกันแล้วเดี๋ยวจะดีจ้ะ จะดีมากๆ เลย แต่
จะนำภาคทฤษฎีนี้ไปใช้ในภาคปฏิบัติ ในกรณีที่เรารู้แล้ว และ
เรากำลังมีประสบการณ์อย่างนี้ บางทีรู้มากก็ยากนาน พอถูก
ดึงดูดเราก็เลยช่วยเร่งโดยการดันมันลงไป พอดันลงไปเพื่อ
จะให้ไปถึงจุดที่ดีๆ ปรากฏมันเด้งขึ้นมา
เราก็ต้องย้อนกลับมาดูหลักวิชชาใหม่ว่า ให้หยุดนิ่งเฉยๆ
ในทุกๆ ประสบการณ์ แล้วเราก็จะผ่านตรงนี้ไปได้อย่างสบาย
เราต้องพร้อมที่จะเป็นนักเรียนอนุบาลทุกครั้งที่จิตมันหยาบ
หรือไม่ได้ผลตามที่เราต้องการ มาทบทวนใหม่ ฝึกใหม่ ฝึกฝน
กันไปอย่างนี้แหละ ไม่ช้าเราก็จะกำความสำเร็จได้ แล้วก็จะ
เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา เป็นรางวัลสำหรับชีวิตที่เกิดมา
ในชาตินี้ ช่วงนี้อากาศกำลังดี เราหยุดใจไปอย่างสบายๆ นิ่ง
นุ่ม เบาๆ ผ่อนคลาย นิ่ง นุ่ม เบาๆ ผ่อนคลาย ให้ใจสบาย
ลองทำกันดูนะ
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา หนังสือง่ายแต่ลึก 3 บทที่ 15 www.dhamma01.com

1 thought on “วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก หลักวิชชาใจหยุดนิ่ง และอาการตกศูนย์”

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *