มหาสมบัติจักรพรรดิ (๑) (สมบัติของพระจักรพรรดินามว่าสุทัสสะ)

มหาสมบัติจักรพรรดิ (๑) (สมบัติของพระจักรพรรดินามว่าสุทัสสะ)

การเกิดและการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ทุกคน ล้วนเกี่ยวข้องกับบุญทั้งนั้น แต่น้อยคนนักที่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะส่วนใหญ่ความรู้ความเห็นยังไม่สมบูรณ์ จึงปล่อยชีวิตให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า สนุกสนานเพลิดเพลินกันไปวันๆ โดยไม่ได้สั่งสมบุญบารมีให้กับตัวเอง เช่นนี้ชื่อว่าเป็นผู้ประมาท ส่วนผู้รู้ที่ประกอบด้วยดวงปัญญาบริสุทธิ์ ทุกลมหายใจจะเป็นไปเพื่อการสร้างบารมีเพียงอย่างเดียว ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วยการฝึกฝน ทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นประจำสม่ำเสมอ การทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความไม่ประมาท เพราะเป็นการนำใจเข้าไปสู่แหล่งแห่งความบริสุทธิ์ภายใน ชีวิตของเราย่อมจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และความสำเร็จอย่างแท้จริง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน นิธิกัณฑสูตร ความว่า

“ปเทสรชฺชํ อิสฺสริยํ จกฺกวตฺติสุขํ ปิยํ
เทวรชฺชมฺปิ ทิพฺเพสุ สพฺพเมเตน ลพฺภติ

ความเป็นพระราชาประเทศราช ความเป็นใหญ่ สุขของพระเจ้าจักรพรรดิที่น่าปรารถนา แม้ความเป็นราชาแห่งเทวดาในทิพยวิมาน อิฐผลทั้งหมดนั้นอันเทวดาและมนุษย์ ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้”

บุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุข และความสำเร็จทั้งหมด เป็นเครื่องสนับสนุนให้เราเจริญรุ่งเรือง หากใครมีบุญมาก ความสุขความสำเร็จก็มีมาก เราเคยได้ยินอานุภาพแห่งบุญของพระเจ้าจักรพรรดิกันมาบ้างแล้ว พระองค์เป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยมหาสมบัติ คือรัตนะ ๗ ประการ หลวงพ่อจะนำเรื่องราวอานุภาพแห่งบุญที่ก่อให้เกิดสมบัติจักรพรรดิมาเล่าให้พวกเราได้ศึกษากัน เพื่อจะได้เกิดความเชื่อมั่นในอานุภาพแห่งบุญยิ่งๆ ขึ้นไป เราจะได้สร้างบารมีให้เต็มที่ และประพฤติปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

* ดังเรื่องของ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ท่านเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองทวีปทั้งสี่ มีมหาราชธานีที่บังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญ ราชธานีนั้นชื่อว่า กุสาวดี ขอบเขตของพระนครทางด้านทิศตะวันออกและทางทิศตะวันตกยาวเท่าๆ กัน คือ ๑๒ โยชน์ ทางทิศเหนือและทิศใต้กว้างด้านละ ๗ โยชน์ เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง ทั้งทรัพยากรธรรมชาติข้าวปลาอาหาร ผู้คนอาศัยกันเนืองแน่น เป็นราชธานีที่ไม่เคยว่างเว้นจากเสียง ๑๐ อย่าง คือ เสียงม้า เสียงช้าง เสียงรถ เสียงกลอง เสียงตะโพน เสียงพิณ เสียงขับร้อง เสียงกังสดาล เสียงประโคมและเสียงของการเชื้อเชิญ เช่น เชิญให้มาดื่มกิน ผู้คนในเมืองมีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน พูดจาไพเราะหู ฟังแล้วทำให้จิตใจปลอดโปร่งเบาสบาย ความสมบูรณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ก็ด้วยอานุภาพบุญของพระเจ้าจักรพรรดิ และของผู้คนในยุคสมัยนั้น ที่มีศีลมีธรรม คือ มีศีล ๕ เป็นปกติ

ราชธานีนี้ล้อมรอบด้วยกำแพง ๗ ชั้น แต่ละชั้นมีความวิจิตรพิสดารน่าอัศจรรย์ กำแพงทั้ง ๗ ชั้น ล้วนสร้างด้วยรัตนะหลากหลาย ดังนี้ กำแพงชั้นที่ ๑ สร้างด้วยทองคำ มีรัศมีสีเหลืองอร่ามสวยงาม ฉาบทาไปทั่วอาณาบริเวณ ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างเกิดความปีติเบิกบานใจ กำแพงชั้นที่ถัดออกมาสร้างด้วยเงิน แสงเงินส่องประกายแวววับจับตาจับใจ รัศมีสีเงินเปล่งประกายออกมา แม้กระทั่งใบไม้ใบหญ้าก็พลอยเป็นสีเงินไปด้วย

ถัดจากกำแพงเงินเป็นกำแพงที่สร้างด้วยแก้วไพฑูรย์ มีรัศมีระยิบระยับจับตา ยังความเบิกบานใจให้เกิดขึ้น กำแพงชั้นที่ ๔ เป็นกำแพงที่สร้างด้วยแก้วผลึกใสสว่างมาก เมื่อมหาชนแลดูกำแพงนี้แล้ว ใจจะเบิกบานเกลี้ยงจากบาปอกุศล เพราะความใสสว่างของกำแพง ซึ่งเมื่อเห็นแล้วจะยังใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ไปด้วย กำแพงชั้นที่ ๕ สร้างด้วยแก้วทับทิม มีสีแดงระเรื่อเหมือนพระอาทิตย์ยามอัสดง ดูแล้วเพลินตาเพลินใจ ทำให้คลายจากความทุกข์โศก กำแพงชั้นที่ ๖ สร้างด้วยแก้วบุษราคัม มีสีเหลืองลออนวลตาเย็นใจ ใครได้เห็นแล้วใจจะสงบเยือกเย็น และกำแพงชั้นสุดท้าย คือชั้นที่ ๗ สร้างด้วยแก้วทุกอย่างมารวมกัน ผสมผสานกันได้อย่างวิจิตรพิสดารสวยงามมาก ใครได้เห็นต่างพากันทึ่ง ในอานุภาพแห่งบุญของพระเจ้าจักรพรรดิทีเดียว

มหานครของพระเจ้าจักรพรรดิ มีประตูทั้งสี่ทิศ ได้แก่ ประตูที่สร้างด้วยทองคำ ประตูเงิน ประตูแก้วไพฑูรย์ และประตูแก้วผลึก แต่ละประตูนี้น่าอัศจรรย์มาก เพราะทุกประตูจะมีเสาระเนียด ๗ ต้น แต่ละต้นปักลึกถึงประมาณ ๓ ชั่วคน เหนือแผ่นดินขึ้นมาอีก ๑๒ ชั่วคน เสาแต่ละต้นเป็นรัตนะ ๗ ชนิด เหมือนกำแพงที่ได้เล่าไว้ในตอนต้น มีความงดงามและอลังการมาก นอกจากนี้ยังมีดุริยางทิพย์ประจำพระนครอีก เมื่อปรารถนาเสียงดนตรี ดนตรีก็จะบรรเลงขึ้นมาทันที

ราชธานีจะถูกแวดล้อมด้วยต้นตาลที่เป็นรัตนะ ๗ แถว เหมือนกำแพง ๗ ชั้น แถวตาลทองคำ ลำต้นจะเป็นทองคำ ใบและผลเป็นเงิน แถวตาลเงิน ต้นเป็นเงิน แต่ใบกับผลเป็นทองคำ แถวตาลที่เป็นแก้วไพฑูรย์ ต้นเป็นแก้วไพฑูรย์ แต่ใบกับผลจะเป็นแก้วผลึก แถวตาลแก้วผลึก ต้นเป็นแก้วผลึก ใบกับผลจะเป็นแก้วไพฑูรย์ แถวตาลแก้วทับทิม ต้นเป็นแก้วทับทิม แต่ใบกับผลจะเป็นบุษราคัมที่เหลืองอร่าม และแถวตาลที่เป็นแก้วบุษราคัม ต้นเป็นแก้วบุษราคัม ใบกับผลเป็นแก้วทับทิม สลับกันสวยงามมาก

ส่วนแถวตาลแถวสุดท้ายจะรวมรัตนะทุกอย่าง คือ ทั้งต้น ผล ใบ จะเป็นแก้วสลับกันทุกชนิด สวยงามมาก ดูรุ่งโรจน์ตระการตาตระการใจ นี่เป็นมหาสมบัติส่วนหนึ่งเท่านั้น ยามที่ต้นตาลถูกลมพัดจะเกิดเสียงไพเราะ ชวนให้เคลิบเคลิ้มเหมือนดุริยางค์ทิพย์ แม้หมู่วิหคที่โผบินกลางนภากาศก็ยังต้องชะลอปีกหยุดฟัง มันน่าอัศจรรย์ในอานุภาพแห่งบุญว่า บุญนี้ทำให้ได้สมบัติอันน่าใคร่ เป็นบุญที่ทำให้เราสมบูรณ์ด้วยมหาสมบัติที่ไม่มีวันพร่อง

มหาสมบัติประจำตัวของพระเจ้าจักรพรรดิที่พวกเรารู้จักกันดี คือ รัตนะ ๗ ประการ ในรัตนะ ๗ ประการนี้ เวลาที่จักรรัตนะจะบังเกิดขึ้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะจอมราชาจะทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจในวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งตรงกับวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ ด้วยการรักษาอุโบสถศีลอยู่บนปราสาทชั้นบน ระลึกนึกถึงมหากุศลที่พระองค์ได้บำเพ็ญมา ด้วยความปีติในมหากุศล

ในขณะนั้นเอง จักรรัตนะจะอุบัติขึ้นทางทิศปราจีน ลอยมาในอากาศ พร้อมกับเปล่งรัศมีเจิดจ้าสว่างไสวมาก เหล่าพสกนิกรที่ยืนมองอยู่บนพื้นแผ่นดิน ต่างเข้าใจผิดว่า “ทำไมหนอ ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้มีถึงสองดวง” ผู้รู้จริงจึงชี้แจงว่า “ที่ลอยอยู่นั้นเป็นมหาจักรรัตนะ ที่อุบัติขึ้นมาเพื่อพระเจ้าจักรพรรดิเท่านั้น” เมื่อฟังดังนั้น ทุกคนพากันเปล่งเสียงอนุโมทนาสาธุการกันดั่งลั่น เมื่อจักรรัตนะลอยมาเวียนประทักษิณรอบพระนคร ๗ รอบแล้ว ก็ประดิษฐานที่ซุ้มประตูด้านทิศอุดร

พระเจ้ามหาสุทัสสนะ รู้ว่าจักรแก้วบังเกิดขึ้นเฉพาะพระองค์ ทรงเสด็จลุกจากที่ประทับนั่ง ทรงผ้าสไบเฉวียงบ่าเสด็จลงมาถึงที่จักรรัตนะประดิษฐาน ใช้พระหัตถ์ซ้ายจับพระเต้าทอง พระหัตถ์ขวาประคองจักรแก้วขึ้น ทรงหลั่งน้ำจากพระเต้าทองต้อนรับ แล้วใช้พระหัตถ์ขวาชูจักรขึ้นพร้อมกับตรัสว่า “จักรแก้วจงหมุนไปเถิด จักรแก้วจงพิชิตเถิด” จบพระดำรัส จักรแก้วจะหมุนไปทางทิศตะวันออก พระเจ้ามหาสุทัสสนะพร้อมทั้งจาตุรงคเสนาจะเหาะขึ้นสู่อากาศ ด้วยอานุภาพแห่งจักรแก้ว ระยะที่อยู่บนอากาศก็ไม่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะสูงกว่ายอดไม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือ ไม่ว่าใครยืนอยู่บนแผ่นดิน ก็สามารถแยกแยะได้ว่า ผู้นี้เป็นพระราชา ผู้นี้เป็นมหาอำมาตย์

ครั้นพระราชาอยากร่อนลงตรงไหน จักรแก้วก็จะร่อนลงตามใจปรารถนา เมื่อตรวจภาคพื้นเสร็จแล้ว จักรแก้วก็พาเหาะขึ้นไปอีก แล้วร่อนลงทะเล ทะเลก็จะแหวกเป็นช่อง ให้เห็นรัตนะต่างๆ ที่อยู่ใต้มหาสมุทร ซึ่งมีอยู่มากมาย ถ้าปรารถนาจะนำมาใช้ ขุนคลังแก้วก็จะนำมาให้ในทันที สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพสกนิกรผู้มีบุญเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นจักรแก้วจะพาไปในทิศทั้งสี่ พระราชาที่อยู่ตามแคว้นต่างๆ จะยอมศิโรราบด้วยอานุภาพแห่งจักรแก้ว จักรแก้วนี้จะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อรินทมะ ซึ่งแปลว่า ฝึกข้าศึกนั่นเอง คือ ด้วยอานุภาพแห่งจักรแก้วจะไม่มีข้าศึกใดสู้ได้ ต้องยอมแพ้อย่างเดียว พระเจ้าสุทัสสนะก็จะเสด็จไปให้โอวาททุกแว่นแคว้น โดยให้นโยบายของการปกครองประเทศว่า ให้ทุกคนดำรงอยู่ในศีล ๕ อย่าฆ่าสัตว์ อย่าลักทรัพย์ อย่าประพฤติผิดในกาม อย่าพูดเท็จ และอย่าดื่มน้ำเมา อีกทั้งให้เจ้าเมืองนั้นๆ ปกครองแว่นแคว้นตามเดิม พระองค์จะตรัสเช่นนี้ไปทั่วทุกทวีป เมื่อเสด็จไปจนครบทวีปทั้งสี่ก็เสด็จกลับราชธานี

เราจะเห็นว่า อานุภาพของมหาสมบัติจักรพรรดิ สามารถยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นได้ สมบัตินี้บังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพบุญของพระเจ้าจักรพรรดิและมหาชน ความดีที่เราทำมาจะกลั่นเป็นบุญบารมี ทำให้เราได้สมบัติจักรพรรดิ ไว้ใช้สร้างบารมีอย่างไม่รู้หมดสิ้น เรื่องสมบัติจักรพรรดินี้ ยังมีสาระที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ให้ติดตามศึกษากันในครั้งต่อไป ครั้งนี้ขอให้ทุกคนตั้งใจสั่งสมบุญกันให้เต็มที่เถิด สักวันหนึ่งสมบัติจักรพรรดิจะเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน

* มก. เล่ม ๑๓ หน้า ๔๗๓

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/14563
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “มหาสมบัติจักรพรรดิ (๑) (สมบัติของพระจักรพรรดินามว่าสุทัสสะ)”

  1. ✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🏵️🌼🌺🌸💮🌟🌷🌟💮🌸🌺🌼🏵️

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *