อาศัยมานะเพื่อละมานะ (อุปกาชีวกผู้โชคดีที่ได้มาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปฐมก่อนใคร)
ในการอยู่ร่วมกันนั้น เราอาจหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ขึ้นอยู่กับว่าใครจะฝึกตัวมาได้ดีกว่ากัน สามารถระงับอารมณ์โกรธหรือความไม่พอใจได้ ความโกรธอาจไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป บางครั้งอาจเป็นแรงขับดันให้คนเราทำงานบางอย่างที่ยากให้สำเร็จโดยง่าย เพราะอาศัยความมุมานะพยายาม ความสำเร็จจึงบังเกิดขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง ยิ่งใจมุ่งมั่นเป็นสมาธิความสำเร็จยิ่งเกิดขึ้นเร็ว อย่างไรก็ดีอารมณ์ทั้งหลายที่ไม่ดี สามารถขจัดได้ด้วยสมาธิ อีกทั้งสามารถเปลี่ยนความหงุดหงิดให้มาเป็นความสุข และความสำเร็จได้ด้วย
มีพระพุทธดำรัสที่ตรัสไว้ใน มานะสูตร ความว่า
“หมู่สัตว์ประกอบด้วยมานะ มีมานะเป็นเครื่องร้อยรัด ยินดีแล้วในภพ จึงต้องเป็นผู้กลับมาสู่ภพอีก ส่วนผู้ใดอาศัยมานะละมานะได้แล้ว น้อมไปในธรรม ย่อมก้าวล่วงซึ่งกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย”
มานะคือความถือตัว กระด้างกระเดื่อง เกิดขึ้นจากความคิดที่เกี่ยวข้องด้วยการอ้างถึงชาติ ตระกูล วุฒิ การศึกษา หรือความรู้ความสามารถเป็นต้น มานะจะเกิดขึ้นได้ง่ายมากเมื่อเกิดการเปรียบเทียบ เช่นเทียบว่าใครดีกว่ากัน ใครเสมอกับตน หรือต่ำกว่าตน สิ่งเหล่านี้อาจบันดาลอารมณ์โกรธให้เกิดขึ้นได้ สำหรับผู้มีปัญญาจะอาศัยความมุมานะสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อจะได้ละมานะออกจากใจ ดังเรื่องของอุปกาชีวกะ ดังนี้
* ในสมัยพุทธกาล มีนักบวชนอกพระพุทธศาสนานามว่า อุปกาชีวก เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์แสวงหาทางพ้นทุกข์ เผอิญครั้งนั้นได้เดินทางไปพบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในระหว่างทางอันเป็นเขตเมืองคยากับมหาโพธิสถาน อุปกาชีวกะเห็นข่ายแห่งพระฉัพพรรณรังสีของพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดความฉงนใจจึงเดินเข้าไปใกล้ แล้วเพ่งพิศดูพระพุทธรัศมีด้วยความสนเทห์ยิ่งนัก
พระบรมศาสดาทรงโชติช่วงด้วยพระเกตุมาลา ทรงสบงจีวรน่าเลื่อมใส พระพักตร์แลผ่องใสดุจดอกโกมุทบริสุทธิ์สิริวรรณะ อุปกาชีวกจึงมีจิตคิดคารวะยำเกรงพระเดชแห่งพระบรมศาสดา มีขนชูชันทั่วสรรพางค์กาย ถึงกับออกปากชื่นชมว่า “อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ฉวีวรรณผ่องผุดงามบริสุทธิ์ ท่านมีนามว่าอย่างไร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือว่าท่านได้เล่าเรียนธรรมะในสำนักอาจารย์ใด เหตุไฉนท่านจึงรุ่งเรืองด้วยรัศมี ประหนึ่งมีฉัตรกางกั้นไว้เบื้องบน”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารถนาจะยังศรัทธาปสาทะของอุปกาชีวก จึงทรงเปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะว่า “ดูก่อนอาชีวก ตถาคตเป็นผู้ไม่ระคนด้วยกิเลส ละแล้วซึ่งบาปกรรมทั้งหลาย ดับสูญซึ่งตัณหาอุปาทาน ตรัสรู้ธรรมเองโดยชอบ ไฉนเลยจะมีครูอาจารย์ ศาสดาของตถาคตไม่มี เพราะได้ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณด้วยตนเอง บุคคลใดในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ที่จะประเสริฐกว่าตถาคตไม่มี”
อุปกาชีวกเป็นผู้โชคดีที่ได้มาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปฐมก่อนใคร เมื่อได้ฟังพระพุทธวาทีเช่นนี้ บังเกิดความเลื่อมใส จึงกล่าวชื่นชมว่า “เราไม่มีความสงสัยในถ้อยวาทีของท่านแต่ประการใด เราใคร่จักถวายนามแด่ท่านผู้มีปรีชาสามารถในการผจญมารว่า พระอนันตชิน ”
พระบรมศาสดาผู้ทรงพระมหากรุณายิ่งใหญ่ มีพระประสงค์จะให้พระนามนี้ติดแน่นในใจของอาชีวก จึงตรัสสำทับว่า “บุคคลในโลกนี้ ที่ผจญมารจนได้รับชัยชนะไม่มีเลย การที่ได้นามบัญญัติจากท่านว่าพระอนันตชิน เป็นการสมควรแท้”
อุปกาชีวกได้ฟังคำตรัสรับรองเช่นนั้นก็ดีใจ มีความโสมนัสปรีดา ดวงตาแจ่มใส ดวงใจเบิกบาน แสดงอาการเคารพแล้วลาจากไป มุ่งหน้าไปทางอังคชนบท จนถึงหมู่บ้านนายพรานเนื้อ เมื่อนายพรานเห็นก็เกิดความเลื่อมใส เข้าใจว่า เป็นพระอรหันต์ จึงเข้าดูแลอุปัฏฐากรับใช้ตลอดมา
วันหนึ่ง นายพรานจะต้องเข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึกเป็นเวลาหลายวัน จึงให้ลูกสาวคอยจัดเตรียมเรื่องโภชนาหารถวายแทน ธิดาสาวของนายพรานซึ่งมีชื่อว่า จาปากุมารี ได้จัดแจงอาหารถวายและคอยปฏิบัติรับใช้ตามที่บิดาสั่ง แต่ครั้นอุปกาชีวกเห็นโฉมงามกุมารีเท่านั้น ราคะกิเลสที่ฝังแน่นอยู่ในขันธสันดานพลันฟุ้งขึ้น เพราะความพอใจยินดีในสาวน้อย จึงได้แต่ถือเอาโภชนาหารกลับไปนอนพร่ำเพ้อคิดถึงนางเป็นที่สุด
จนล่วงไป ๗ วัน พรานเนื้อกลับมาถึงบ้าน ได้ถามหาพระอรหันต์ของตน ธิดาสาวตอบว่า “ตอนพ่อไม่อยู่ พระคุณเจ้ามาที่บ้านเราเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย” นายพรานฟังดังนั้นก็ร้อนใจ รีบเดินมุ่งหน้าไปยังบรรณศาลาของอาชีวก เห็นท่านนอนทอดถอนใจหมดอาลัยในชีวิต จึงถามถึงอาพาธที่เกิดขึ้น อุปกาชีวกใคร่จะปิดบังความในใจ แต่เมื่อถูกรบเร้าหนักเข้า ด้วยความที่ตนเป็นผู้มีศีลไม่เคยโกหก จึงตอบไปตามตรงว่า “เราไม่ได้อาพาธอะไร แต่เรามีความรักใคร่ในธิดาของท่าน ถ้าไม่ได้สมดังใจปรารถนา เราคงจะตายอยู่ ณ ที่นี้”
พรานไพรฟังดังนั้น จึงคิดแก้ไขสถานการณ์ผ่อนหนักให้เป็นเบา ด้วยการยกลูกสาวให้ อุปกาชีวกจึงสละเพศนักบวชมาครองเรือน แต่ด้วยความที่ยังผูกพันอาลัยในเพศนักบวช จึงยังคงเก็บบริขารทุกอย่างไว้ และเนื่องจากท่านเป็นผู้มีศีล แม้อยู่ในแวดวงพวกพรานไพร ก็ไม่ฆ่าสัตว์ ทำหน้าที่เพียงแค่หาบเนื้อไปขายในเมือง
หลังจากนั้นไม่นาน ภรรยาของท่านได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่า สุภัททะ วันหนึ่ง หลังจากกลับจากขายเนื้อ ได้ยินภรรยาร้องเพลงกล่อมลูกน้อยในทำนองกระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่า “ลูกเอ๋ยเจ้าจงหลับเสียเถิด อย่ากวนใจแม่เลย ทุกวันนี้แม่ก็ตรอมตรมระทมทุกข์อยู่แล้วที่ได้สามีเป็นนักบวช ไปไหนก็อายเขา พ่อเจ้าเป็นคนหาบเนื้อเหมือนทาสกรรมกร ตอนเป็นนักบวชก็ทำกิจของนักบวชไม่สำเร็จ แล้วมาเป็นพ่อเจ้า จะทำกิจของฆราวาสให้ดีได้อย่างไร”
อุปกาชีวกได้ยินดังนั้น เกิดทิฐิมานะขึ้นในใจ โพล่งออกไปว่า “เจ้าอย่ามาดูหมิ่นดูแคลนเรา ครั้งเมื่อเราเป็นนักบวช เรามีแต่ความบริสุทธิ์บริบูรณ์ และเรายังมีมหาสมณะรูปหนึ่งที่น่าเลื่อมใสเป็นสหาย เจ้าดูหมิ่นเราเช่นนี้ เราไม่อยู่กับเจ้าแล้ว เราจะไปหาสหายของเรา” แล้วท่านก็เดินไปหยิบบริขารนักบวชที่เก็บไว้ ตั้งใจมั่นที่จะออกบวช โดยไม่เยื่อใยในชีวิตการครองเรือนอีก ออกเดินทางมุ่งหน้าไปหาพระบรมศาสดา เที่ยวถามหาแต่พระอนันตชิน
พระบรมศาสดาทรงรอคอยการกลับมาของอุปกาชีวก จึงตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายว่า ถ้ามีอาชีวกท่านหนึ่งมาถามหาพระอนันตชิน จงพามาพบพระองค์ เมื่ออาชีวกมาถึงวัดพระเชตวัน และถามหาพระอนันตชิน พระภิกษุจึงพาท่านเข้าพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเห็นอัธยาศัยแห่งอริยมรรคญาณของอุปกาชีวก ผู้เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาสวิสัย จึงทรงพระกรุณาปราศรัยให้เบาใจ และตรัสสอนกัมมัฏฐาน ไม่ช้าอุปกาชีวกก็บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล เพราะอาศัยมานะละมานะจึงได้พบพระในตัว ได้เป็นพระอริยบุคคล มีพรหมโลกเป็นที่ไป และจะได้บรรลุอรหัตผลนิพพานในพรหมโลก
เราจะเห็นว่า ผู้มีบุญมีปัญญาที่ได้สั่งสมอบรมมาดี แม้บางครั้งชีวิตอาจจะพลาดพล้ำบ้าง แต่เมื่อเกิดแรงบันดาลใจ อาศัยมานะเป็นจุดหักเหในชีวิต มุ่งมั่นที่จะทำความดี ย่อมสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ โดยอาศัยมานะที่เกิดขึ้นในใจละมานะที่มีอยู่ในตน จนได้บรรลุธรรมสมปรารถนาในชีวิต มีพระนิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้า เพราะฉะนั้น ให้เราเป็นผู้ฉลาดในความคิดตรงนี้ ให้มีโยนิโสมนสิการ คิดให้เป็น ถ้าคิดเป็น ก็จะเห็นธรรมภายใน นักปฏิบัติธรรมต้องฉลาดในกุศลธรรมทุกอย่าง ฉลาดคิด ฉลาดทำ แล้วเราจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวกันทุกคน
* มก. เล่ม ๕๔ หน้า ๓๘๖
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/15977
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๓
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน
✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
🌿🌺🌸🌼💮🏵️🌷🏵️💮🌼🌸🌺🌿