2. พรรษาแห่งความสมปรารถนา
ลูกๆ ที่รักทั้งหลาย
เราได้อธิษฐานจิตอยู่จำพรรษา ที่วัดพระธรรมกายโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว ได้อธิษฐานจิตด้วยความตั้งใจมั่นว่าจะรักษาพระธรรมวินัยให้สมบูรณ์ และตั้งใจจริงที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เป็นนักบวชที่สมบูรณ์ ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ให้เป็นอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของพระภิกษุที่บวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนา
จะเห็นได้ว่า วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเราเพิ่งจะอธิษฐานพรรษาผ่านไปไม่นานเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เราก็มาอธิษฐานกันใหม่อีกครั้ง
หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกรูป ใช้เวลาที่อยู่ร่วมกันในระหว่างพรรษานี้ให้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ให้ตลอดระยะเวลา ๓ เดือนนี้ผ่านไปอย่างมีคุณค่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เปี่ยมไปด้วยบุญบารมี เพื่อให้เราได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการบวชกันทุกรูป
ตอกย้ำเป้าหมาย
ถ้าเราจำได้ ตั้งแต่เริ่มบวชเข้ามา ในวันแรกของการเปลี่ยนเพศจากคฤหัสถ์มาเป็นบรรพชิต วันนั้นเราได้บอกความตั้งใจจริงของเราต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ ต่อหน้าคณะสงฆ์ ต่อหน้าพระประธานว่าอย่างไร หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกรูปหมั่นตอกย้ำความตั้งใจดั้งเดิมของเรา ที่ได้ปฏิญาณตนในวันบวชต่อท่านเหล่านั้นว่า
สพฺพทุกฺขนิสฺสรณนิพฺพานสจฺฉิกรณตฺถาย
บวชเพื่อการสลัดออกจากทุกข์ทั้งปวง และทำพระนิพพานให้แจ้ง
เพราะฉะนั้น การบวชครั้งนี้ เราทิ้งความสะดวกสบาย ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทางโลก โดยไม่อาลัยอาวรณ์ เพราะหวังจะสลัดออกจากกองทุกข์ เพื่อมุ่งทำพระนิพพานให้แจ้ง นิพพานนั้นเป็นเอกันตบรมสุข สะอาด บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ฉะนั้นผู้ที่จะไปถึงได้ก็จะต้องสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากอาสวกิเลสด้วย
กรณียกิจที่แท้จริง
เพราะเราเล็งเห็นว่า ชีวิตของฆราวาสมีสุขน้อยมีทุกข์มาก มีปัญหาร้อยแปด ถ้าเราอยู่ทางโลกจะแสวงหาหนทางไปนิพพานก็ยาก เพราะมีเครื่องกังวลมาก ทำให้ขาดเวลา และอารมณ์ในการปฏิบัติธรรม ซึ่งหลวงพ่อมองว่า การปฏิบัติธรรมเป็นกรณียกิจ คือ กิจที่เราจะต้องทำอย่างแท้จริง เป็นงานที่แท้จริงของเรา เพื่อแสวงหาหนทางพระนิพพาน เราจึงได้สละทิ้งทุกอย่างมาบวช
ชีวิตนักบวชเป็นชีวิตที่ประเสริฐที่สุด เป็นชีวิตที่เอื้ออำนวยต่อการบรรลุธรรมมากกว่าชีวิตทางโลก เพราะปลอดจากเครื่องกังวลต่างๆ ทางโลก จึงมีเวลาทำความเพียรมากกว่าฆราวาส และได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีหมู่คณะที่คิด พูด และทำเหมือนกัน มีเป้าหมายที่จะไปนิพพานเหมือนกัน
กล้าพิจารณาตนเอง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จาก ๑ พรรษา ๒ พรรษา กลายเป็น ๑๐ พรรษา จากพระนวกะมาเป็นพระเถระ เราจะรู้ตัวเองดีว่า ปีที่ผ่านๆ มา เราได้ทำในสิ่งที่เราปรารถนาแล้วหรือยัง สมหวังแล้วหรือยัง ใกล้จะสมหวังหรือยัง หรืออย่างน้อยผลการปฏิบัติธรรมของเราดีขึ้นหรือเปล่า
ภายนอกเราสามารถพรางตากันได้ จะแสร้งทำเป็นเบิกบาน ร่าเริง มีความสุขอย่างไรก็ตาม เราพรางตาคนอื่นได้ แต่พรางตาตัวเองไม่ได้ เพราะเราอยู่กับตัวเองตลอดเวลา
พรรษานี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าหาญ หันมาพิจารณาตัวเองนะลูกนะ ว่าพรรษาที่ผ่านๆ มา เราได้ทำความตั้งใจของเราที่จะทำพระนิพพานให้แจ้งมากน้อยเพียงไร
พรรษานี้ เราจะเริ่มต้นเอาจริงเอาจัง ตั้งใจกันให้ดีทีเดียวว่า จะประพฤติปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
จำพรรษาในวงกาย
สำหรับขอบเขตการจำพรรษา ทิศตะวันออก ตก เหนือ ใต้ ภายในวัด ลูกๆ ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ขอบเขตแห่งการจำพรรษาในระดับที่ลึกลงไปอีก คือ จำพรรษาอยู่ภายในวงกายของเรา กายยาววา หนาคืบ กว้างศอกนี้ให้เป็นปริมณฑลของใจ เป็นสถานที่จำพรรษาของเรา
โดยเอาใจมาหยุดอยู่ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องในการเดินทางไปสู่อายตนนิพพาน ถ้าเอาใจมาหยุดอยู่ตรงนี้ตลอดวัน ตลอดคืน ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นการจำพรรษาอย่างแท้จริง
การทำอย่างนี้จะเป็นเครื่องควบคุมใจเราให้อยู่ในเส้นทางของพระอริยเจ้า เกาะเกี่ยวอยู่กับความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัย เมื่อทำได้บ่อยเข้า ใจจะบริสุทธิ์เข้าไปเรื่อยๆ
พอหยุดถูกส่วน ใจจะแล่นสู่ภายใน เข้าถึงสภาวธรรมต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในเส้นทางสายกลาง ซึ่งเป็นเครื่องขจัดกิเลส เข้าไปถึงชีวิตภายในที่นิ่งสงบอยู่ในอิริยาบถเดียวกัน ซ้อนๆ กันไปตามลำดับในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นชีวิตที่ละเอียด ประณีต ชีวิตที่บริสุทธิ์กว่าก็ซ้อนอยู่ในชีวิตที่หยาบกว่า กายธรรมนั่นแหละจะทำให้เราเข้าสู่พระนิพพานได้
เพราะฉะนั้น ลูกทุกรูปจะต้องเอาใจใส่ เอาใจมาใส่ไว้ที่ศูนย์กลางกาย จนกระทั่งเข้าถึงทางไปสู่อายตนนิพพาน ไม่ว่าจะมีภารกิจใดๆ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางสู่ภายใน
กิจวัตรกิจกรรม คือ ทางมาแห่งบุญ
หาใช่ข้อแม้ ข้ออ้าง เงื่อนไข
กิจวัตรกิจกรรมของเรา คือ เครื่องส่งเสริมให้ไปสู่อายตนนิพพาน ต่างเป็นไปเพื่อการสั่งสมบุญบารมี หากเราคิดอย่างนี้ก็จะไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง เงื่อนไขใดๆ ที่ทำให้ใจเราห่างจากศูนย์กลางกายได้ แม้บางภารกิจจะทำให้เราเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็ตาม หลวงพ่อเชื่อมั่นว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เพราะกิจวัตรทุกอย่างที่ทำ ล้วนเป็นทางมาแห่งบุญ ที่คอยเกื้อหนุนให้เราได้เข้าถึงธรรมกายภายในทั้งนั้น
หลวงพ่อได้เคยยกตัวอย่างของญาติโยมทางโลก เหล่าผู้นำบุญทั้งหลาย แม้เขาจะมีหน้าที่มากมาย ทั้งเครียดและเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน การทำมาหากิน แต่เขาสามารถจัดสรรวันเวลาได้เป็นอย่างดี สามารถปฏิบัติธรรมควบคู่กับการทำงานในอาชีพ จนประสบความสำเร็จ
หลวงพ่อชื่นชมกัลยาณมิตรหญิงท่านหนึ่งที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอาชีพขับสามล้อเครื่อง มีชีวิตอยู่ไปวันๆ คือ วันไหนได้เงิน วันนั้นก็มีชีวิตอยู่ แล้วก็หมดในวันนั้น วันรุ่งขึ้นก็ต้องหาเงินใหม่
แม้เธอจะมีวิถีชีวิตแบบนี้ แต่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ กลางวันทำมาหากินเพื่อรวบรวมปัจจัย เมื่อตรวจตราดูว่า เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในวันนั้นแล้ว ก็กลับมาบ้าน อาบน้ำอาบท่า สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทำอย่างนี้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ จนใจรวมเข้าสู่ภายใน มีประสบการณ์ภายใน เข้าถึงความสุขจากสมาธิ มีกำลังใจเข้มแข็ง ที่จะสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ได้เจียดเงินในแต่ละวัน จนกระทั่งครบ ๑๐,๐๐๐ บาท นำมาทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว และได้ทำบุญถวายทุนการศึกษา แด่พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศอีกด้วย
ถ้าเขามีข้ออ้างว่า ต้องทำมาหากิน เหนื่อย กลับมาบ้านต้องรีบพักผ่อน เพื่อเก็บเรี่ยวแรงไว้ทำมาหากิน ถ้าเขามีข้ออ้าง เขาก็คงทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่นี่เขาเป็นบัณฑิตหญิงจริงๆ ได้นำสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาปฏิบัติ จนสมหวังได้ในระดับหนึ่งทีเดียว
เมื่อเทียบกับเรา ที่ตัดเครื่องกังวลต่างๆ ออกหมดแล้ว เหลือแต่เพียงงานที่นำมาซึ่งความบริสุทธิ์ของใจ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาธรรมะ กิจวัตรกิจกรรมของสงฆ์ การสวดมนต์ ไหว้พระ ทำภาวนา รับผิดชอบงานที่หมู่คณะมอบหมาย ใครถนัดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น สิ่งที่เราทำล้วนเป็นทางมาแห่งบุญตลอดเวลา เพราะฉะนั้นต้องไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
พรรษานี้ให้ตั้งใจจำพรรษา ทั้งข้างนอกข้างในให้ดี ข้างนอกก็รักษาขอบเขตเอาไว้ ข้างในก็เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ มีวงกายเป็นเขตปริมณฑลของใจ ฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
หากทำได้อย่างนี้แล้ว พรรษานี้จะเป็นพรรษาแห่งความสมปรารถนาของลูกๆ ทุกรูป
วันพุธที่ ๒๘ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา
หนังสือ พรรษาวิสุทธิ์
www.dhamma01.com/book/02
๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒