อานิสงส์ถวายหม้อน้ำหอม

อานิสงส์ถวายหม้อน้ำหอม (พระคันโธทกทายกเถรเจ้า)

     การปฏิบัติธรรม ถือเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ามากที่สุด และมีความหมายอย่างยิ่ง ต่อตัวของเราเองและต่อโลกของเรา เพราะการปฏิบัติธรรมจะทำให้เราและชาวโลกได้เข้าถึงสันติสุขภายใน สันติภาพภายนอกต้องเริ่มต้นที่สันติสุขภายในเท่านั้น การที่จะทำให้โลกของเรา เข้าถึงยุคแห่งสันติสุขที่แท้จริงได้ ต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติธรรม นั่นก็คือ การทำใจหยุดใจนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดในกลางตัวของเรา ซึ่งเป็นวิธีเดียวและเป็นทางเอกสายเดียวที่จะทำให้เราสามารถดำเนินจิตเข้าสู่ภายในได้  มวลมนุษย์ทุกๆ คน ต่างมีธรรมกายอยู่ภายในตัว หากเรามีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าถึงพระธรรมกายและเริ่มลงมือปฏิบัติธรรมด้วยความสมัครใจ และทำด้วยความเพียรต่อเนื่องอย่างถูกวิธี ก็จะเข้าถึงพระธรรมกายได้อย่างแน่นอน

     มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ในคันโธทกทายกเถราปทานความว่า
     “เรารื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ภพของเรา ๗ ชั้น สูงสุดน่าหวาดเสียว นางเทพกัญญา ๑ แสน แวดล้อมเราเสมอ ความป่วยไข้ไม่มีแก่เรา ความเศร้าโศกไม่มีแก่เรา เราไม่เห็นความเดือดร้อนเลย นี้เป็นผลของการสร้างบุญกรรมที่ดี ในกัปที่ ๒,๘๐๐ เราได้เป็น พระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่า สังวสิตะ ผู้ประเสริฐ ทรงสมบูรณ์ด้วยสมบัติจักรพรรดิ คือแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก ในภพชาติสุดท้าย คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฎิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว”

     การถวายทานในพระพุทธศาสนา เป็นบุญเบื้องต้นที่ทำได้ง่ายที่สุด และชาวพุทธทั้งหลาย จะรู้จักมักคุ้นกันดี ในเวลาที่เกิดความไม่สบายอกสบายใจ ขื้นมาหรือปรารถนาจะทำบุญในวาระโอกาสต่างๆ สิ่งแรกที่ชาวพุทธเรามักจะเรียกกันติดปากก็คือ วันนี้จะไปทำบุญ ไปถวายสังฆทานที่วัดนั้นวัดนี้ แล้วพากันไปชักชวนกันไปทำบุญ การทำบุญถวายสังฆทาน ที่เรียกกันอย่างนี้ ก็เพราะได้ทำบุญกับหมู่สงฆ์ผู้ทรงศีล โดยไม่เจาะจงจำเพราะว่าเป็นภิกษุรูปหนึ่งรูปใด ซึ่งจัดเป็นมหากุศลใหญ่

     ผู้มีบุญทั้งหลายที่ท่านได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ทุกๆ ท่านล้วนเคยถวายสังฆทานมาแล้วกันทั้งนั้น  แต่ละท่านต่างก็มีประวัติการสร้างทานบารมีมากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่โอกาสและความโชคดีของตนที่มาถึง  หากเราได้ศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะพบว่า นักสร้างบารมีในสมัยก่อนๆ นั้น ท่านมักจะมีโอกาสได้ถวายทานกับเนื้อนาบุญที่ประเสริฐทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันตเจ้า  ด้วยอานุภาพที่ถวายทานถูกเนื้อนาบุญนั้น  ทำให้ท่านได้บุญใหญ่เกินควรเกินคาด เสวยผลบุญในเทวโลกและมนุษยโลกอย่างสะดวกสบาย

     ดังถ้อยคำที่หลวงพ่อได้กล่าวเมื่อข้างต้นนั้น เป็นถ้อยคำที่พระอรหันต์ องค์หนึ่งในอดีต พอท่านได้บรรลุธรรม มีดวงตาเห็นธรรม หมดสิ้นกิเลสอาสวะแล้ว จึงได้ย้อนกลับไปตรวจดูประวัติการสร้างบารมีของตนเองในอดีต ได้พบเห็นบุพกรรมอันน่าปีติของตนที่ได้สั่งสมบุญเอาไว้ในภพชาตินั้นๆ  ทำให้ท่านรู้ชัดอย่างแน่แก่ใจว่า ที่ท่านมีวันนี้ ได้เข้าถึงอริยสุขเช่นนี้ได้ ก็ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เคยทำในครั้งนั้น จึงได้เปล่งวาจาที่เป็นสุภาษิต เป็นการยืนยันในผลแห่งการสั่งสมบุญว่า “ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย หากทุกๆ คนได้บูชาเนื้อนาบุญผู้เลิศก็จะได้อานิสงส์ใหญ่เช่นนี้เหมือนกัน”
 
     * เรื่องที่จะนำมาเล่าในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคของพระปทุมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในยุคนั้น เป็นยุคที่มีผู้มีบุญทั้งหลาย เกิดมาสร้างบารมีกันมาก  แทบทุกองค์เลยก็ว่าได้ ล้วนมีประวัติการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ นับเป็นความโชคดีของท่านเหล่านั้นที่ได้เนื้อนาบุญที่เลิศ ที่ประเสริฐสุด ทำให้ท่านได้สร้างบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา และได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ถูกทักขิไณยบุคคล

     เหมือนการสร้างบุญของพระคันโธทกทายกเถรเจ้านี้ ซึ่งคำว่า คันโธทกทายกเถระนี้ เมื่อแปลเป็นไทยได้ใจความว่า พระเถระผู้ถวายหม้อน้ำหอม ในประวัติของท่านน่าสนใจมาก  เพราะในภพชาติที่ท่านเกิดมานั้น ไม่มีโอกาสดีดังเช่นคนอื่นๆ แต่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ทำให้ท่านไม่มองข้ามการสร้างบุญของตนเอง ท่านได้ขวนขวายในบุญอย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะเป็นการสร้างบุญที่เล็กน้อยในสายตาคนอื่นก็ตาม  ชาติก่อนๆ ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่นั้น  ก็มีโอกาสได้บำเพ็ญบุญกุศลกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ท่านได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพชาตินั้นๆ มาตลอด

     ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้สั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้ว ทำให้ยังคงได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสองภพภูมิ คือมนุษย์และเทวโลก มีโอกาสได้สร้างบารมีต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีภพชาติใดที่ท่านได้สร้างบุญกับเนื้อนาบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลังของตน

     จนมาถึงสมัยแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ที่หลวงพ่อได้กล่าวเกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า ในยุคของพระองค์ท่าน มีนักสร้างบารมีลงมาเกิดอย่างมากมายทีเดียว  ท่านเหล่านั้นได้สร้างบุญใหญ่กันเต็มที่  ตัวของพระเถระเองก็เช่นกัน ได้บังเกิดในเรือนมีสกุลแห่งหนึ่ง ฐานะทางครอบครัวจัดได้ว่า เป็นตระกูลที่มั่งคั่งมีหน้ามีตา แถมยังเป็นสัมมาทิฏฐิกันทั้งตระกูล  แต่ตอนที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนน์อยู่ ท่านไม่มีโอกาสได้สร้างบุญกับพระพุทธเจ้ากับด้วยมือของตนเอง นับเป็นการปล่อยโอกาสทองของชีวิตให้ผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย

     เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านเห็นชาวเมืองกระทำการบูชาต้นโพธิ์ ก็คิดว่า เราเคยปล่อยโอกาสที่ดีให้ผ่านไป ครั้งนี้โอกาสแห่งบุญอย่างนี้ อย่าได้ผ่านไปเลย เราควรจะเอาบุญใหญ่ ด้วยการบูชาพระองค์ท่าน จึงจัดเตรียมหม้ออันวิจิตร บรรจุด้วยน้ำหอมเจือด้วยจันทน์ การบูรและกลัมพักเป็นต้นให้เต็ม นำน้ำหอมรดต้นโพธิ์ที่ตรัสรู้ แต่ใจนั้นนึกน้อมบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ขณะเดียวกันนั้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกลงมามืดฟ้ามัวดิน  เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น อสนีบาตได้ผ่าลงมาโดนท่าน  ทำให้ท่านเสียชีวิตอยู่ที่นั้นเอง ด้วยบุญกรรมนั้น ทำให้ท่านไปบังเกิดในเทวโลกเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นใหม่ในวิมานอันวิจิตร

     เทพบุตรนั้นได้เสวยมหาสมบัติใหญ่ในหมู่เทวดา  เมื่อถึงเวลากลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็มีสมบัติยิ่งใหญ่ประณีตกว่าผู้อื่น  และท่านได้อานิสงส์ที่พิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ ชีวิตจะมีแต่ความสงบร่มเย็น เป็นผู้ปราศจากความเร่าร้อนทั้งปวง  เกิดภพชาติใดก็อยู่เย็นเป็นสุข  แม้บริวารรอบข้างก็พลอยได้เกิดความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน นี่เป็นบุญพิเศษที่ได้เอาน้ำหอมรดต้นโพธิ์ บูชาพระบรมศาสดา  จนมาถึงสมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้ ท่านได้บังเกิดในเรือนมีสกุล บุญเก่าก็หนุนส่งอย่างเต็มที่  เมื่อมีโอกาสได้ฟังธรรม ก็เกิดความเลื่อมใสจึงสละความสบายทางโลกแล้วออกบวช ครั้นเมื่อเริ่มบำเพ็ญเพียรได้ไม่นานนัก ก็บรรลุพระอรหัตผล  ด้วยบุญกรรมที่บำเพ็ญไว้ในกาลก่อน ท่านจึงปรากฏนามว่า คันโธทกทายกเถระ  

     วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตนก็เกิดปีติโสมนัสเปล่งอุทานว่า “ในภพอดีต บุญที่เราทำ ส่งผลให้เรารื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ภพของเราสูงถึง ๗ ชั้นน่าหวาดเสียว มีนางเทพกัญญา ๑ แสนแวดล้อมเราอยู่เสมอ  ความเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีแก่เรา ความเศร้าโศกไม่มีแก่เรา เราไม่เห็นความเดือดร้อนเลย นี้เป็นผลแห่งการสร้างบุญนั้น ในกัปที่ ๒,๘๐๐ เราก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระนามว่า สังวสิตะ ผู้ประเสริฐ สมบูรณ์ด้วยสมบัติจักรพรรดิ คือแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก ในภพชาติสุดท้าย ก็ได้บรรลุคุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฎิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว มหาสมบัติทั้งหลาย เราได้มาด้วยบุญที่ได้ถือหม้อน้ำอันวิจิตร บรรจุด้วยน้ำหอม แล้วได้ถวายเป็นพุทธบูชา ในเวลาสรงน้ำไม้โพธิ์”
 
     ดังนั้นจะเห็นได้ว่า อานิสงส์พิเศษของผู้ที่ได้สร้างบุญพิเศษนั้น ย่อมประสบในสิ่งที่แตกต่างกัน  เราทำกรรมอย่างไรไว้ ก็จะได้ผลอย่างนั้น ปลูกถั่วก็ย่อมได้ถั่ว ปลูกงาย่อมได้งา  มหานิสงส์อันพิเศษจึงบังเกิดขึ้น แม้เป็นเพียงการบูชาด้วยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ  แต่ด้วยจิตใจที่ยิ่งใหญ่ตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย จึงทำให้เป็นบุญใหญ่อย่างไม่มีประมาณ การที่เราได้บูชาบุคคลผู้ที่ควรบูชา จึงเป็นสิ่งที่เราได้ทำถูกต้องแล้ว  เราต้องตระหนักและต้องทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอย่างที่พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านได้ทำไว้ให้เป็นแบบอย่าง

* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๒๑๘

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11487
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

1 thought on “อานิสงส์ถวายหม้อน้ำหอม”

  1. ✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🌿🌷🏵️🌺🌸💮🌷💮🌸🌺🏵️🌷🌿

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *