อานิสงส์การเป็นศรีภรรยาที่ดี
วันเวลาที่ผ่านไปได้นำเอาความชรามาสู่ตัวเรา ชีวิตมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็เสื่อมสลายไป สิ่งต่างๆ ในโลกไม่ว่าจะเป็นบุตร ธิดา ทรัพย์สินเงินทอง ญาติพี่น้อง ก็ไม่อาจติดตามตัวเราไปสู่ปรโลกได้ มีแต่กุศลผลบุญที่เราสั่งสมไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นประดุจเงาติดตามตัวเราไป ดังนั้นเราต้องตระหนักและแสวงหาหลักของชีวิต ด้วยการสั่งสมบุญบารมีให้เต็มที่ เพราะโอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ได้รู้จักหนทางแห่งความหลุดพ้น เพราะฉะนั้น อย่าได้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่ไร้สาระ ให้รีบประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกภายใน คือพระรัตนตรัย ที่จะทำให้ชีวิตเราปลอดภัยและมีความสุขไปทุกภพทุกชาติ
มีวาระพระบาลีกล่าวไว้ใน อภิสันทาสูตร ว่า
“มโหทธึ อปริมิตํ มหาสรํ
พหุเภรวํ รตนคณานมาลยํ
นชฺโช ยถา มจฺฉคณสงฺฆเสวิตา
ปุถู สวนฺตี อุปยนฺติ สาครํ
เอวํ นรํ อนฺนทปานวตฺถทํ
เสยฺยานิสชฺชตฺถรณสฺส ทายกํ
ปุญฺญสฺส ธารา อุปยนฺติ ปณฺฑิตํ
นชฺโช ยถา วาริวหาว สาครํ
แม่น้ำเป็นที่อยู่แห่งฝูงปลา ย่อมหลั่งไหลไปสู่สาครท้องทะเลหลวง ซึ่งจะประมาณมิได้ มีสิ่งที่น่ากลัวอาศัยอยู่มาก และเป็นที่อยู่แห่งรัตนะหลายชนิด ฉันใด ห้วงบุญย่อมหลั่งไหลไปสู่นรชนผู้เป็นบัณฑิต ให้ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ที่นอน ที่นั่ง เครื่องปูลาด เหมือนห้วงน้ำหลั่งไหล เข้าไปสู่สาคร ฉันนั้น”
แม่น้ำทุกสายเป็นบ่อเกิดของรัตนชาติหลายชนิด แล้วยังมีความลี้ลับอีกมากมายที่นักสำรวจยังค้นหากันไม่พบ เพราะมหาสมุทรมีความลึกมาก ยังเป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำ ทั้งที่ดุร้ายและที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนก็มากมาย และธรรมชาติของมหาสมุทร จะอยู่ต่ำกว่าห้วย หนอง คลอง บึง แม่น้ำ ลำธาร เพราะฉะนั้น มหาสมุทรจึงเป็นศูนย์รวมของสายน้ำที่ไหลมาจากยอดเขาที่ไกลแสนไกล ห้วงน้ำคือบุญก็เช่นกัน จะหลั่งไหลมาสู่ใจของผู้มีปกติสั่งสมบุญกุศลอยู่เป็นนิตย์ ไม่ว่าบุญที่เกิดจากการถวายปัจจัยไทยธรรม เสื้อผ้าอาภรณ์ หรือข้าวน้ำที่เราได้ทำบุญมิเคยขาด จะกลั่นกลายมาเป็นบารมีหนุนนำ ให้ได้ประสบความสุขสมหวังในสิ่งที่เราปรารถนาเอาไว้อย่างดีแล้ว
บุญนี้เป็นชื่อของความสุข มีกระแสเป็นความใสเย็น มีผลเป็นความชุ่มชื่นใจ เอิบอิ่มใจ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ มีแต่ความสุขกายสบายใจในทุกหนทุกแห่ง เมื่อหวังความสุขความสำเร็จในชีวิตทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ท่านผู้รู้ทั้งหลายถึงได้สอนให้เราทำแต่บุญกุศลล้วนๆ อย่าได้ไปทำในสิ่งที่เป็นบาปอกุศล ให้เอาความถูกต้องถูกธรรม มากกว่าความถูกใจ เพราะใจของเราส่วนใหญ่มักจะถูกดึงไปในฝ่ายต่ำ แต่ถ้าฝึกใจให้สูงขึ้นให้มุ่งตรงต่อหนทางสวรรค์นิพพานได้ ชีวิตหลังความตายก็จะพบแต่ความสุขสวัสดี
* เหมือนในเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหาโมคคัลลานเถระ ที่ท่านขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นต่างๆ อยู่เป็นประจำ ท่านได้พบเทพธิดาตนหนึ่ง ได้สอบถามบุพกรรมของนางว่า “ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านอยู่บนที่นอนใหญ่เป็นบัลลังก์อันประเสริฐ ที่บุญกรรมตกแต่งให้วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ โรยดอกไม้ไว้เกลื่อนกล่น ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นอีก คือรอบๆ ตัวท่าน เหล่านางเทพอัปสรก็มีรูปงดงาม สามารถแผลงฤทธิ์ได้ตามใจปรารถนา ฟ้อนรำขับร้องให้ท่านร่าเริงบันเทิงใจอยู่เป็นนิจ ท่านเทพธิดาผู้มีฤทธานุภาพมาก ครั้งเมื่อท่านยังเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านเป็นผู้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรมอะไร”
นางเทพธิดานั้นตอบว่า “ดิฉันเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลอันมั่งคั่งตระกูลหนึ่ง ดิฉันเป็นผู้ไม่โกรธ ไม่ประมาทในวันอุโบสถ เมื่อดิฉันยังเป็นสาวอยู่ ดิฉันเป็นผู้ภักดีด้วยการไม่ประพฤตินอกใจสามี ดิฉันเป็นที่รักของสามีเป็นอย่างยิ่ง ก็เพราะดิฉัน มีน้ำใจงาม เป็นผู้มีศีล เป็นผู้บำเพ็ญในสิกขาบททั้งหลายอย่างครบถ้วน คือเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ มีการงานทางกายบริสุทธิ์ ประพฤติธรรมได้สะอาดบริสุทธิ์ ไม่กล่าวคำเท็จ และเว้นขาดจากการดื่มน้ำเมา ดิฉันมีใจเลื่อมใส ประพฤติตามธรรม ปลาบปลื้มใจ เข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์
ดิฉันได้เป็นสาวิกาของพระตถาคตเจ้า ได้เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามีเป็นอย่างดี ไม่เคยคิดนอกใจ ด้วยกุศลกรรมนี้ เมื่อดิฉันสิ้นชีพลงแล้วจึงถึงความเป็นนางเทพธิดาผู้มีฤทธิ์ในสวรรค์ ห้อมล้อมด้วยหมู่นางเทพอัปสรในวิมาน มีปราสาทใหญ่โตมโหฬาร น่ารื่นรมย์ คณะเทพเจ้าและเหล่านางเทพธิดาทั้งหลาย ซึ่งมีรัศมีซ่านออกจากกายตน ต่างก็พากันมาชื่นชมยินดีกับดิฉันผู้มีอายุยืนมาสู่เทพวิมานแห่งนี้”
เราจะเห็นว่า อานิสงส์ในการดำรงตนอยู่ในศีลอยู่ในธรรม เป็นหญิงก็ไม่ประพฤตินอกใจสามี มีอานิสงส์ใหญ่ให้ได้เป็นเจ้าของบัลลังก์ทองบนสรวงสวรรค์ทีเดียว ปัจจุบันนี้กิเลสได้ลุกท่วมใจ โดยเข้าไปครอบงำจิตใจให้เรามีโอกาสทำบาปอกุศลได้อย่างง่ายๆ ถ้าไม่รู้จักหักห้ามใจตนเองให้ดี โอกาสที่จะตกไปในอบายภูมิมันง่ายนิดเดียว แต่ถ้ารู้จักอดทนข่มใจได้ ยกใจของเราให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมสยบต่อกิเลส เราจะเป็นผู้ชนะ ละโลกแล้วก็ได้ทิพยสมบัติเป็นเครื่องตอบแทน
ฝ่ายพระมหาโมคคัลลานเถระก็เที่ยวตรวจดูวิมานต่างๆ ไปเรื่อยๆ ได้ไต่ถามถึงผลกรรมแต่ปางก่อนของเหล่าเทพบุตรเทพธิดาเอาไว้มากมายทีเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระเถระได้ถามเทพธิดาตนหนึ่งว่า “ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านขึ้นวิมานมีเสาที่สำเร็จด้วยแก้วไพฑูรย์งดงาม มีรัศมีประกายงดงามมาก เทพอัปสรก็ฟ้อนรำขับร้องให้ท่านร่าเริงอยู่รอบข้าง ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านก็บรรลุเทวฤทธิ์แล้ว ครั้งเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไร เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้”
เทพธิดาได้ตอบพระเถระไปว่า “ครั้งเป็นมนุษย์ ดิฉันได้อุบาสิกาของพระผู้มีจักษุ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์ ยินดีเฉพาะสามีของตน ไม่กล่าวคำเท็จ และไม่ดื่มน้ำเมา นอกจากนี้ดิฉันมีใจเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เมื่อบริจาคข้าวและน้ำ ก็ทำด้วยความตั้งใจ ได้ถวายไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ถวายด้วยมือของตนเอง เพราะบุญนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะที่งดงาม มีรัศมีกายที่สว่างไสวอย่างนี้”
เมื่อเหาะผ่านไปพบวิมานของเทพบุตรบ้าง พระมหาโมคคัลลานะก็ถามว่า “พระจันทร์ส่องแสงสว่าง อยู่ในนภากาศที่ปราศจากเมฆหมอกฉันใด วิมานของท่านนี้ก็ฉันนั้น ส่องแสงสว่างอยู่ในอากาศ ท่านเข้าถึงความเป็นทิพย์ มีอานุภาพมาก ครั้งเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้” เทพบุตรได้ยินพระเถระถามก็ดีใจ แล้วเรียนให้ท่านทราบว่า “ข้าพเจ้าและภรรยา เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้ไม่นอกใจกัน ได้ถวายที่อยู่แก่พระสงฆ์ ได้ต้อนรับปฏิสันถารด้วยจิตเลื่อมใส บำรุงเลี้ยงท่านด้วยข้าวปลาอาหารอย่างดี สนับสนุนให้ท่านบำเพ็ญสมณธรรมอย่างมีความสุข เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงได้มีวิมานที่สวยงามสว่างไสว”
จากนั้นพระเถระก็เหาะต่อไปอีกเรื่อยๆ เมื่อพบเห็นวิมานของเทพบุตรเทพธิดาแต่ละท่าน ที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน เพราะเกิดจากบุญที่ปรุงแต่ง ทำให้เกิดความแตกต่างกันออกไป ใครทำกรรมในอดีตอะไรเอาไว้ ก็ส่งผลไปถึงอนาคตอย่างนี้ บางท่านก็ตอบพระเถระว่า ดิฉันได้นำของหอม ๕ อย่าง ไปประพรมที่องค์พระสถูปทองคำ สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งทอง มีวิมานทอง อีกทั้งกลิ่นทิพย์ก็หอมทุกทิวาราตรี ดิฉันได้เห็นภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย ที่กำลังเดินธุดงค์ ได้ฟังธรรมเทศนา ของท่านเหล่านั้น ก็เข้ารักษาอุโบสถอยู่วันหนึ่งคืนหนึ่ง เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะที่งดงามเช่นนี้
บางท่านก็บอกว่า ดิฉันยืนอยู่ที่ท่าน้ำ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายน้ำใช้และน้ำฉัน แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันเป็นหญิงรับใช้ รับจ้างทำกิจการงานของคนอื่น ไม่เกียจคร้าน ไม่เป็นคนโกรธง่าย ไม่ถือตัว ชอบแบ่งปันสิ่งของอันเป็นส่วนของตนที่ได้มาแก่ชนเหล่าอื่นที่ต้องการ เพราะบุญนี้ จึงส่งผลให้มามีสุขในสุคติโลกสวรรค์ เมื่อพระมหาโมคคัลลานะถามก็ได้รับคำตอบจากทวยเทพเหล่านั้นอย่างมากมายทีเดียว เพราะเทพบุตรเทพธิดาที่เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ มีมากจนนับไม่ถ้วน บุญที่ทำนั้นก็แตกต่างกันไป จึงทำให้วิมานมีลักษณะที่พิเศษแตกต่างกันออกไป
เหล่าเทพบุตรเทพธิดาในสวรรค์สามารถระลึกถึงบุพกรรมที่ตนเคยทำมาได้ นี่ก็เป็นคุณสมบัติพิเศษ เป็นเทวฤทธิ์ที่เกิดขึ้นมาเอง เหมือนนกที่มีฤทธิ์สามารถบินไปมาในอากาศได้อย่างนั้น หลวงพ่ออุปมาให้เข้าใจง่ายๆ อย่างนี้ เอาไว้เมื่อทุกคนตั้งใจฝึกสมาธิกันให้ดีแล้ว จะได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวของเราเอง ว่านรกสวรรค์เป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นความลี้ลับเลย เป็นสิ่งที่ผู้รู้ทั้งหลาย ท่านไปพิสูจน์พบเห็นกันมาแล้ว และก็นำมาถ่ายทอดเปิดเผยให้เราได้รับรู้รับทราบกัน เพราะฉะนั้น ให้พวกเราทุกๆ คน หมั่นสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ บุญที่เราทำมาทั้งหมดนั้น จะส่งผลให้ไปเกิดในวิมานที่สว่างไสวเรืองรอง มีทิพยสมบัติเกิดขึ้นมากมายที่พิเศษอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเราเห็นแล้วจะเกิดความปีติปราโมทย์ใจ ใครได้ไปพบเห็นก็มีกำลังใจที่จะสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปทีเดียว ดังนั้น ให้สั่งสมบุญและหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดให้นิ่งเป็นประจำสม่ำเสมอ จะได้มีที่พึ่งที่ระลึกภายในคือพระรัตนตรัยกันทุกๆ คน
* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๒๓๐
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11676
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
✨น้อมกราบหลวงพ่อธัมมชโย #คุณครู
ไม่ใหญ่ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ
🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧