อานิสงส์ถวายดอกบัวและธงชัย (พระปทุมเถรเจ้า)
วัตถุประสงค์หลีกในการเกิดมาของมวลมนุษย์ชาติทั้งหลาย ก็เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง มุ่งทำใจหยุดในหยุดบนเส้นทางสายกลางภายในเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสิ้นอาสวกิเลส เข้าถึงกายธรรมอรหัต ตัดการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ต้องกลับมาเกิดในภพสามอีกต่อไป นี่เป็นวัตถุประสงค์หลักที่มนุษย์ส่วนใหญ่ต่างก็ลืมเลือนไป ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่ เมื่อเกิดมาในโลกมนุษย์ ท่านก็สร้างบารมีตลอดจนกระทั่งหมดอายุขัย เพื่อวัตถุประสงค์หลักนี้ เพื่อนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลาย เข้าถึงฝั่งแห่งความหลุดพ้น เราทั้งหลายก็ควรหันมายึดเอาท่านเป็นแบบอย่าง และก้าวเดินตามรอยบาทพระบรมศาสดาให้ได้กันทุกๆ คน
* มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน ปทุมเถราปทาน ความว่า
“พระศาสดาทรงรับดอกปทุมอันอุดมด้วยพระหัตถ์อันประเสริฐแล้วประทับยืนในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดโยนดอกปทุมนี้มาบูชาพระสัพพัญญูผู้เป็นนายกของโลก เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นจักเป็นจอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติตลอด ๓๐ กัป จักได้เป็นพระราชาในแผ่นดิน ครอบครองพสุธาอยู่ ๗๐๐ กัป จักถือเอาอัตภาพในภพนั้นแล้ว จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิในกาลนั้น สายฝนดอกปทุม จักตกจากอากาศมากมาย”
ในการทำบุญให้ทานที่เราชาวพุทธทั้งหลายมักปฎิบัติเป็นธรรมเนียมกัน จะมีสิ่งหนึ่ง คือเวลาที่เราทุกคนไปไหว้พระพุทธปฏิมากร หรือถวายปัจจัยไทยธรรม เราก็มักจะมีดอกไม้แนบติดไปกับปัจจัยไทยธรรมด้วย ดอกไม้ที่เรานำไปบูชาพระ ส่วนใหญ่แล้วก็คือ ดอกบัว เพราะเราถือกันว่า ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่สูงค่า เป็นดอกไม้ที่คู่มากับพระพุทธศาสนา เป็นดอกไม้ต้นกัป และยังบ่งบอกถึงจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะลงมาตรัสรู้ในกัปนั้นๆ ได้อีกด้วย แม้บนพระเศียรขององค์พระธรรมกายก็ยังมีลักษณะ เป็นรูปเกตุดอกบัวตูม
เพราะฉะนั้นในครั้งนี้ หลวงพ่อขอนำชีวประวัติของนักสร้างบารมีท่านหนึ่ง ที่ได้สร้างบุญพิเศษด้วยการนำเอาดอกบัวมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเถระรูปนี้มีนามว่า ปทุมเถรเจ้า ท่านได้เป็นพระอรหันตสาวกรูปหนึ่งในสมัยพุทธกาล ในอดีตที่ท่านยังเกิดมาสร้างบารมีก็ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาหลายพระองค์ ท่านได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาเรื่อยๆ ตามวาระโอกาสของตนเอง
จนมาถึงในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้มาเกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงดีงามในยุคนั้น เป็นตระกูลใหญ่ที่ใครๆ ก็รู้จัก เพราะเป็นตระกูลที่สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์สมบัติที่เรียกได้ว่า กินใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด แม้จะรวยล้นฟ้าอย่างนั้น ก็ไม่ได้เป็นผู้ที่ประมาทแต่อย่างใด ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับพระสัทธรรมของพระพุทธองค์ตั้งมั่น
วันหนึ่งเศรษฐีหนุ่มผู้มีบุญท่านนี้มีโอกาสไปฟังธรรมจากสำนักของพระบรมศาสดา พุทธบริษัทที่เดินทางไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาก็มีมากมาย ชนิดที่ว่า ต้องเบียดเสียดกันเข้าไปทีเดียว เศรษฐีหนุ่มผู้นี้ ได้ตระเตรียมเพียงดอกบัวและธงถือติดมือไป ด้วยหมายใจเพียงแค่ว่า หากมีโอกาส ก็จะได้ถวายดอกบัวกับธงเพื่อบูชาธรรม ในขณะที่ฟังธรรมพร้อมกับสาธุชนทั้งหลายอยู่นั้น ท่านได้ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ก็เกิดความรู้สึกประหนึ่งว่า พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมกับตนเพียงผู้เดียวเท่านั้น พระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดาละเอียดลึกซึ้งกินใจ มีความลุ่มลึกไปตามลำดับ ทรงชี้ให้เห็นถึงกรรมและผลของกรรมอย่างแจ่มแจ้งจึงคิดได้ว่า
เราเป็นผู้ที่มีความโชดดีอย่างมากที่ได้เกิดมาพบพระสัมมามสัมพุทธเจ้า มีโอกาสฟังธรรมของพระพุทธองค์ หากเราไม่ได้มาฟังธรรมในวันนี้แล้ว ก็คงเป็นผู้ที่ประมาทอยู่ เพราะฉะนั้นการเกิดมาในชาตินี้มีความหมายมาก หากเราสร้างบารมีอย่างเต็มที่ก็จะเป็นกุศลใหญ่ ดังนั้น เราไม่ควรประมาทในการสั่งสมบุญ แต่ในวันนี้ ในมือของเราก็มีเพียงแค่ดอกบัวและธงเท่านั้น ที่พอจะบูชาพระศาสดาได้และที่ที่เรายืนอยู่นี้ก็อยู่ไกลเหลือเกิน เราจะทำอย่างไรดีหนอ ถึงจะได้ถวายดอกบัวบูชาพระองค์ท่าน
ฟังธรรมไป ก็คิดหาวิธีการที่จะเข้าไปถวายดอกไม้กับธงแด่พระพุทธองค์ให้ได้ แล้วท่านก็มองเห็นพระวรกายที่ผ่องใส มีฉัพพรรณรังสีสว่าง เปล่งออกมาจากพระวรกายของพระพุทธองค์ เศรษฐีหนุ่มนี้ก็ยิ่งมีความปีติเพิ่มพูนทับทวีขึ้น ตั้งใจมั่นทีเดียวว่า ในวันนี้ เป็นไงก็เป็นกัน เราจะต้องบูชาพระพุทธองค์ด้วยดอกไม้ของเราให้ได้ ในขณะพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังประกาศสัจจะ ๔ ทรงยังธรรมอันประเสริฐให้เป็นไป และทรงยังสายฝนแห่งอมฤตธรรมให้ตกดับความเร่าร้อนของมหาชนอยู่ เศรษฐีหนุ่มก็ยืนถือดอกปทุมพร้อมด้วยธงอยู่ที่ไกลถึง ๒๕๐ ชั่วธนู แม้จะไกลลิบอย่างนั้น แต่มีใจผูกพันอยู่กับพระบรมศาสดาอย่างไม่หวั่นไหว มีความปีติโสมนัส ได้อธิษฐานขื้นว่า ตัวข้าพระองค์นี้ ไม่สามารถเข้าไปถวายพระองค์กับมือได้ แต่ไม่ปรารถนาที่จะพลาดจากบุญในวันนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดรับบรรณาการของข้าพระองค์ด้วยเถิด
ครั้นพออธิษฐานจบเท่านั้น ก็โยนดอกบัวพร้อมกับธงขึ้นไปบนอากาศ ด้วยหมายจะบูชาพระมุนีปทุมุตตระ แล้วความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในขณะนั้น ดอกบัวและธง ไม่ได้ตกลงมาเลย ได้ลอยไปในอากาศจนถึงที่ประทับของพระศาสดา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความดำริของเศรษฐีนั้น จึงทรงเหยียดพระหัตถ์รับไว้ พระศาสดาทรงรับดอกปทุมอันอุดมด้วยพระหัตถ์อันประเสริฐแล้ว ประทับยืนในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ปรารถนาจะให้พุทธบริษัทและเจ้าของบุญ ทราบอานิสงส์ที่จะบังเกิดขึ้น จึงได้ตรัสพยากรณ์ว่า
“ผู้ใดมีจิตเลื่อมใส ตั้งมั่นในเราตถาคต ได้โยนดอกปทุมนี้มาเพื่อบูชาเรา ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด เราขอพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายพึงทราบอานิสงส์ ที่เขาจะได้รับ ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นจักเป็นจอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติตลอด ๓๐ กัป จักได้เป็นพระราชาในแผ่นดินครอบครองพสุธาอยู่ ๗๐๐ กัป จักถือเอาอัตภาพในภพนั้นแล้ว จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ สมบูรณ์ด้วยสมบัติจักรพรรดิ ในกาลนั้นสายฝนดอกปทุมจักตกลงมาจากอากาศมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ เพื่อบูชาผู้มีบุญนั้น ในแสนกัป พระศาสดาพระนามว่า โคดม จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นจำนวนมาก มีดวงตาเห็นธรรม จักได้ดื่มรสพระธรรม ผู้นั้นจักเป็นโอรสผู้เป็นทายาทในธรรมของพระศาสดาพระองค์นั้น อันธรรมเนรมิต กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วจักไม่มีอาสวะ และได้บรรลุพระนิพพาน จักถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษทั้งหลาย นี้เป็นผลบุญที่ได้นำดอกปทุมพร้อมกับธง บูชาเราตถาคต”
เศรษฐีหนุ่มได้ฟังพุทธพยากรณ์อย่างนั้นแล้วก็เกิดมหาปีติอย่างไม่มีที่เปรียบ ความปีติได้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย และตั้งใจมั่นในใจทีเดียวว่า ต่อแต่นี้ไป เราจะต้องสร้างบุญใหญ่ให้ต่อเนื่องสมํ่าเสมอ นับจากวันนั้น เขาก็ได้บำเพ็ญบุญกุศลจนตลอดชีวิต ท้ายที่สุดของชีวิตท่านก็ได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ และไม่ว่าท่านจะอยู่ชั้นใดในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ก็จะเป็นที่เคารพบูชายกย่องของเหล่าเทวาทั้งหลาย เหมือนธงที่โบกสะบัด ในวิมานดอกบัวที่สวยงาม เมื่อเป็นมนุษย์ก็ได้เสวยจักรพรรดิสมบัตินับชาติกันไม่ถ้วนทีเดียว จนมาถึงสมัยพุทธกาลนี้ ท่านได้บังเกิดในตระกูลที่สมบูรณ์ ด้วยสมบัติทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง ถึงพร้อมด้วยศรัทธา พอเจริญวัยมีอายุเพียง ๕ ขวบเท่านั้น ก็ออกบวช แล้วท่านบำเพ็ญเพียรได้ไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ สมดังพุทธพยากรณ์ทุกประการ
เราจะเห็นว่า อานิสงส์แห่งการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีทรงอานุภาพไม่มีประมาณ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เราชาวพุทธทั้งหลาย ได้บำเพ็ญบุญกันมายาวนานนั้น ล้วนทำถูกต้องแล้วและควรทำต่อไปให้ยิ่งขื้น เพราะจะเกิดอานิสงส์ใหญ่ที่จะได้รับในอนาคตกาล การที่เราได้ทำตามอริยประเพณี สร้างบารมีเยี่ยงพระอรหันตเถรเจ้าในครั้งก่อนนั้น จึงเป็นสิ่งที่ดีงามและถูกต้องแล้ว ดังนั้น เราควรต้องหมั่นสร้างบุญกันอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อย่าได้ขาดกันเลยแม้เพียงวันเดียว เมื่อบุญส่งผล ก็จะได้ส่งให้เรามีความสุขทุกวัน
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๒๓๓
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/12011
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article