โอวาทวันเข้าพรรษา
วันนี้เราได้พร้อมใจกันอธิษฐานอยู่จำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย สำหรับลูกพระลูกเณรที่บวชมาก่อนหน้านี้แล้ว พรรษาปีนี้ก็ขอให้ดียิ่งขึ้นกว่าพรรษาที่ผ่านมา ส่วนลูกพระธรรมทายาทที่เพิ่งอยู่จำพรรษาปีนี้
เป็นปีแรก ก็ให้ตั้งใจอย่างมุ่งมั่น ไม่ใช่เพียงแค่รักษาธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น แต่ให้เป็นพรรษาที่เกิดประโยชน์สุขแก่ตัวของเราให้สมกับที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา และได้มาบวชมาอยู่จำพรรษากันในครั้งนี้ ทำให้ถูกวัตถุประสงค์ของการมาบวช ในพรรษาเป็นฤดูกาลที่เหมาะสมต่อการบำเพ็ญสมณธรรมอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป
วัตถุประสงค์หลักของการบวช
วัตถุประสงค์การบวชมีเพียงประการเดียวที่เป็นหลัก คือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ หรือพูดง่ายๆ ก็เพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพาน เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้น บวชไปแล้วก็ต้องมุ่งมั่นเพื่อให้ได้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างนี้
ดังนั้น ทุกอนุวินาทีภายในพรรษานี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตบรรพชิตของลูกพระลูกเณรทุกรูป อย่าให้มันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ให้ใช้ทุกอนุวินาทีให้เป็นไปเพื่อความตั้งใจที่ดีของเรา ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาอยู่ในเพศของบรรพชิต
เพราะว่าความตายไม่มีนิมิตหมาย เราจะตายตอนไหน วันไหน ด้วยสาเหตุใด เรายังไม่ทราบ เพราะฉะนั้น ทุกอนุวินาทีมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรา เพื่อที่เราจะได้ประกอบความเพียรที่กลั่นกล้าให้ถูกหลักวิชชา เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว อย่างน้อยก็ให้ได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวซึ่งเป็นพุทธรัตนะ
เราได้รู้หลักวิชชามาพอสมควรเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้เราได้เข้าถึง เหลือแต่ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำกันอย่างจริงจัง คือฝึกหนักอย่างถูกหลักวิชชา แม้ว่าเราจะมีกิจวัตรกิจกรรมมากมายแตกต่างจากวัดอื่นๆ
ก็ไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการบำเพ็ญสมณธรรม อย่าให้เป็นข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะทำให้เราว่างเว้นจากการบำเพ็ญสมณธรรม
จำพรรษาสองชั้น
ก่อนหน้านี้ หลวงพ่อได้พูดถึงการอยู่จำพรรษาสองชั้นสำหรับชีวิตนักบวช โดยเฉพาะลูกพระธรรมทายาทที่ต้องทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง จากธุรกิจการงาน บ้านช่อง ครอบครัว เข้ามาบวช เรามีเวลาบวชช่วงสั้น แค่พรรษาเดียว อยู่รับกฐิน แล้วก็ออกเดินธุดงค์ นับเป็นเวลาช่วงสั้นมากจริงๆ สำหรับชีวิตของการเป็นนักบวช เพราะเรายังมีภาระผูกพันที่เกี่ยวกับทางโลก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทุกอนุวินาทีให้เป็นประโยชน์ด้วยการอยู่จำพรรษาสองชั้น
ภายนอกเราก็ทราบขอบเขตของการอยู่จำพรรษาแล้วว่า ขอบเขตของวัดวาอารามของเรามีอยู่แค่ไหน นั่นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกวัดได้กำหนดขอบเขตตามพระธรรมวินัย
การจำพรรษาชั้นที่สอง คือ การจำพรรษาภายใน ซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตของการบวชคราวนี้มาก เพราะยังมีสิ่งที่จะต้องศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตอีกมากมาย คือ วิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ เป็นต้น ซึ่งเรียนจากที่อื่นไม่ได้ นอกจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีความสำคัญที่เราจะต้องไม่ให้เป็นความลับของชีวิต ไม่ให้เป็นความลับของตัวเราเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้หมดแล้ว แม้พระองค์จะดับขันธปรินิพพานนานมาแล้วก็ตาม แต่คำสอนยังอยู่ ที่เราสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ แต่ว่าลูกทุกคนจะต้องหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ได้ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการศึกษาเรียนรู้วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะทำลายความสงสัยในใจของเราได้ เปลี่ยนจากผู้ไม่รู้มาเป็นผู้รู้ ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ดับทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้ วิชาทางโลกไม่มีสอน
อย่างนี้ เขาสอนเกี่ยวกับเรื่องการทำมาหากิน การทำมาค้าขาย การดำรงชีพอยู่แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้น ความลับของชีวิตก็ยังเป็นความลับของชีวิตอยู่ ทุกข์ของชีวิตก็ยังมีอยู่ แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นจะดับทุกข์ได้ จะเปิดเผยสิ่งที่บดบังความเป็นจริงของชีวิตเรา
เราจำเป็นจะต้องรู้จักตัวเราเองมากขึ้นว่า เราคือใคร เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเราเป็นอย่างไร เราจะได้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง อยู่เป็นสุขได้ มีสุขอยู่ตลอดเวลาในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นทุกข์ที่มันเป็นปัญหากับทุกคน แต่มันไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา ซึ่งจะต้องเริ่มต้นจากการนำใจกลับมาหยุดนิ่งภายใน ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างที่เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมาแล้ว
เพราะฉะนั้น พรรษานี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นปฐมเริ่มของการอยู่จำพรรษา ลูกทุกรูปจะต้องเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ ฝึกหนักให้ถูกหลักวิชชา ในทุกอิริยาบถ เราอายุมากขึ้นกันไปทุกๆวัน เพราะฉะนั้นการอยู่จำพรรษาสองชั้นมีความจำเป็นกับเราเป็นอย่างยิ่ง
พรรษานี้ เราจะต้องเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ เพราะพระธรรมกายมีอยู่ในตัวของเราทุกรูปทั้งลูกพระลูกเณร ของมีอยู่แล้ว เหมือนคนอยู่ใกล้ แต่เมื่อเรายังไม่เข้าถึงก็เหมือนคนใกล้ที่อยู่ไกล เราก็จะไม่มีที่พึ่ง
ขณะที่ทุกข์ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้เรามีชีวิตเป็นนักบวชก็ตาม
เพราะฉะนั้น สำหรับผู้บวชมาก่อน พรรษานี้ก็จะต้องแตกต่างจากพรรษาที่ผ่านมา ผู้บวชใหม่ก็เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ในพรรษานี้ ฝึกใจให้หยุดให้นิ่งในทุกอิริยาบถ อย่าไปคอยให้ว่างเลย วัดของเรามีภารกิจมากมายทั้งกิจวัตรกิจกรรม ทั้งงานศึกษา ทั้งงานเผยแผ่ ทั้งงานก่อสร้างปฏิสังขรณ์ เพราะฉะนั้นเราจะหาโอกาสว่างจริงๆ มันคงจะเป็นไปได้ยาก
ดังนั้น ในทุกอิริยาบถทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน ในทุกๆ กิจกรรม อย่าว่างเว้นในการนำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จะได้กี่เปอร์เซ็นต์ก็ช่าง อาจจะตรึกนึกถึงดวงใสๆ องค์พระใสๆ ได้ ๕ เปอร์เซ็นต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ก็ไม่เป็นไร หมั่นชำเลืองเอาไว้เรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ในทุกๆ อิริยาบถ สมาธิก็จะค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ถูกสั่งสมขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว เหมือนมดปลวกที่ขนดินก้อนเล็กๆ มาก่อเป็นรังขึ้นมา ก็ค่อยๆ ทำไป สมาธิก็จะถูกสั่งสมขึ้นทีละเล็กทีละน้อยอย่างเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย
ถ้าเราทำได้อย่างนี้ ในอิริยาบถ ยืน เดิน นอน ที่นอกเหนือจากการนั่ง เวลาเรามานั่งเจริญสมาธิภาวนา มันก็จะเป็นอุปการะกัน ทำให้การนั่งสมาธิในรอบดีขึ้น เพราะเราได้ประคับประคองใจให้อยู่ภายในตลอดเวลา แม้บางครั้งมันจะแวบไปข้างนอกบ้าง แต่ก็มีสติดึงกลับเข้ามาสู่ภายใน จากที่หลับตาแล้วมืด
มันก็จะค่อยๆ สว่างเหมือนฟ้าสางๆ ในตอนตี ๕ ไปเรื่อยๆ และความสว่างก็จะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นเอง จนถึงจุดที่สว่างที่สุดทั้งหลับตาและลืมตา ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่งสำหรับชีวิต
มนุษย์ทั่วไปในโลก เขาหลับตาแล้วมืด แต่เราหลับตาแล้วสว่าง การหลับตาแล้วสว่างเป็นความมหัศจรรย์ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ใดๆ ของโลกนี้หรือโลกอื่น เพราะความสว่างภายในนั้น คือ แสงสว่างส่องทางชีวิตที่แท้จริงที่จะทำให้เราเข้าถึงดวงธรรมภายใน เข้าถึงความบริสุทธิ์แรกที่เรายอมรับว่า ใจเราบริสุทธิ์จริงๆ
ความบริสุทธิ์นี้ จะส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ความลับของชีวิตเกี่ยวกับตัวของเราก็จะค่อยๆ ถูกเปิดเผยไป ในกลางดวงธรรมนั้นก็มีดวงธรรมต่างๆ ซ้อนกันอยู่ มีกายต่างๆ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ กันไป นั่นเป็นความลับ
ของโลก ของมนุษย์ทั่วโลก แต่ว่ามันไม่เป็นความลับสำหรับเรา
เมื่อเราเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวแล้ว คือ เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ โลกก็จะไม่มีความลับ เมื่อความลับไม่เกิดขึ้นกับเรา เรานี่แหละจะไปทำลายความลับของชีวิตเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย จากประสบการณ์ภายในของเราจะถูกถ่ายทอดอย่างสงบเสงี่ยมสง่างาม อย่างมีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจไปยังเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าเขาจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลเรา และสิ่งดีงามนี้ก็จะค่อยๆ ขยายออกไป
คำว่า “โลกในอุดมคติ” จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลกนี้ ในยุคที่เรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเราสว่าง โลกก็สว่าง ถ้าเราเข้าถึงธรรม โลกก็จะเข้าถึงธรรม ถ้าเราเข้าถึงพระรัตนตรัย ชาวโลกก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยได้ พรรษานี้จึงมีความสำคัญต่อตัวเราและชาวโลก
โดยเฉพาะในยุคนี้ พระพุทธศาสนาดูตกต่ำ เพราะความไม่เอาใจใส่ หรือไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกี่ยวกับเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะบรรพชิตไปศึกษาเรียนรู้ทางโลก กระแสของความคิดก็วนเวียนเหมือนชาวโลกทั้งหลาย จิตมันก็หยาบ เพราะฉะนั้น โอกาสพลาดพลั้งมันก็มี ก็เป็นช่องโหว่ที่ทำให้ชาวโลกเขามองเห็น และเกิดการโจมตีกัน จากเรื่องเล็กก็ค่อยๆ
ขยายเป็นเรื่องใหญ่ จนกระทบไปทั่วทั้งสังฆมณฑล ทำให้คนเริ่มไม่เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา ไม่เห็นคุณค่าของการบวช และสิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นผลสะท้อนถึงหมู่คณะของเรานี่แหละ เพราะเราจะอยู่กัน
ตามลำพังไม่ได้ ต้องอยู่กันได้ทั้งสังฆมณฑล อยู่กันได้ด้วยพุทธบริษัท ๔
ด้วยเหตุนี้ การอยู่จำพรรษาสองชั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์สุขของตัวเรา เพื่อการยอยกพระพุทธศาสนา และเพื่อเพื่อนมนุษย์ทั่วโลก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์
ถ้าวัดพระธรรมกายทำได้ วัดอื่นก็ทำได้ โดยจะเริ่มต้นจากวัดสาขาของเราก่อน และก็วัดกัลยาณมิตร กิตติศัพท์อันดีงามนี้ก็จะค่อยๆ ขจรขจายขยายไปสู่วัดวาอารามอื่น ที่ท้อแท้ก็จะมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ที่มีกำลังใจอยู่แล้วก็มีมากเป็นทับทวี พุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทยและโลกใบนี้ เริ่มจากตัวเราถึงสังฆมณฑล จากสังฆมณฑลถึงชาวโลกทั้งหลาย
โดยเฉพาะลูกพระธรรมทายาท ผู้บวชใหม่ตรงนี้มีความสำคัญมาก ถ้าลูกทำได้ในคราวนี้ การฟื้นฟูให้ผู้มีบุญมาบวชเข้าพรรษามันก็จะเกิดขึ้น และพรรษาหน้าเราจะต้องไปทำหน้าที่ไปตามผู้มีบุญมาบวช อย่างน้อย ๑ ต่อ ๑๐ เพื่อขยายการบวชไปทั่วทุกวัดทั่วไทย มันก็จะกลายเป็นความจริง
เพราะเราจะพูดอย่างอาจหาญร่าเริงเบิกบานจากประสบการณ์ภายในของเราว่า เราอยู่จำพรรษาสองชั้น ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว พระธรรมกายมีจริง ดีจริง เข้าถึงได้จริง เรากล้ายืนยัน คำพูดของเราก็จะมีพลัง ใครได้ยินได้ฟัง เขาก็อยากจะเป็นอย่างเรา พอเขาอยากเป็นอย่างเรา เขาก็ทำอย่างเรา เมื่ออยู่อารามเดียวกันไม่ได้ เพราะเสนาสนะมีจำกัดก็ขยายกันไปตามอารามต่างๆ
๑ ต่อ ๑๐ แปลว่า พรรษาหน้าจะมีพุทธบุตรมากขึ้นไปทั่วผืนแผ่นดินไทย ๓๐,๐๐๐ กว่าวัดทั่วประเทศ ชาวพุทธก็จะตื่นตัวและก็ตื่นตามกันเป็นแถว ด้วยเหตุนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ลูกฟังแล้วจะปล่อยให้ถ้อยคำนี้มันเลื่อนลอยไปไม่ได้ ต้องมุ่งมั่นทำกันจริงๆ จังๆ กันเลย ภายในพรรษานี้
แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง
การอยู่รวมกันเป็นหมู่นี้ อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะมันไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน มันต่างจิตต่างใจ มีความแตกต่างกันหลายอย่าง และมารวมกันเพื่อเข้ามาสู่ความเหมือน ก็อย่าให้สิ่งเหล่านี้
เป็นปัญหา ให้ต่างก็ช่วยกันประคับประคองเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน เกื้อกูลกัน อย่าไปถือสากัน ถ้าไม่ถือสามันก็เป็นลมเป็นแล้ง ถ้าถือสามันก็เป็นเรื่องเป็นราว
ถ้าเราขุ่นมัวกับใครสักคนหนึ่งหรือแม้กับสิ่งแวดล้อม มันก็จะมีผลต่อการปฏิบัติธรรม จะมีผลกระทบต่อใจหยุดใจนิ่งของเรา เพราะฉะนั้น อะไรที่เราพออะลุ้มอล่วยกันได้ เราก็อย่าไปถือสากัน ประคับประคองกันไป
ให้เบิกบาน ยิ้มแย้ม แจ่มใส มีความสุข
ให้โยมพ่อโยมแม่ได้ “เกาะชายผ้าเหลือง”…คำนี้ ต้องเกิดขึ้นจริงในยุคของเรา
การสุขใจของการมาบวชในครั้งนี้ แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม บวชแล้วต้องปลื้ม บวชแล้วต้องภาคภูมิใจ บวชแล้วโยมพ่อโยมแม่ต้องได้บุญเต็มที่ เราต้องเป็นลูกยอดกตัญญูที่ตอบแทนพระคุณท่านได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ
ถ้าเรามีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ โยมพ่อโยมแม่ก็มีความสุข เพราะท่านเห็นความเปลี่ยนแปลงของเราไปในทางที่ดีขึ้น ท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเราด้วย ท่านจะรักการปฏิบัติธรรมมากขึ้น มันจะมีความสุขขนาดไหนที่พระลูกชายทำให้โยมพ่อโยมแม่ได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัว หรืออย่างน้อยดวงใสๆ ท่านมีที่พึ่งที่ระลึกภายใน มีความสุขในปัจจุบัน และท่านก็จะปลื้มในสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นที่พึ่งนำท่านไปสู่เทวโลก
การบวชเพื่อให้โยมพ่อโยมแม่เกาะชายผ้าเหลืองลูกก็จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นคำขวัญที่เลื่อนลอยและไม่เป็นความจริงอย่างที่ได้ยินได้ฟังมา เพราะฉะนั้น พรรษานี้ขอให้เป็นพรรษาแห่งความสว่าง เป็นพรรษาแห่งการบรรลุธรรมยกชั้นยกรุ่นกันทุกๆ รูป
๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://www.dhamma01.com/book/15
ต้นฉบับ หนังสือ ที่นี่มีคำตอบ ๕
กลับสู่
สารบัญ หนังสือที่นี่มีคำตอบ