28 ทุกอย่าง เผลอเป็นเสร็จ! (ตอน ๑)

ทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ (ตอน ๑)

หมอปุ้ย เริ่มเข้าวัดเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ด้วยการชักชวนของพี่สาว จนเข้าใจ ความจริงของชีวิตและการสร้างบารมี ตัวเธอจึงได้ตั้งใจทำบุญทุกๆ บุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามาวัดได้ ๙ ปี เธอก็ลุยสั่งสมบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง โดยเฉพาะบุญหล่อรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ด้วยทองคำ ซึ่งตัวเธอทำด้วยชีวิตเลย คือ ขายคลินิกซึ่งเป็นที่ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพของเธอและสมาชิกในครอบครัว แต่เธอขายเพื่อนำเงิน มาร่วมบุญทองคำได้ถึง ๑ กิโลกรัม

นอกจากนั้นตัวเธอยังได้อาสามารับบุญทำฟันให้กับพระภิกษุที่สหคลินิกรัตน เวชของวัดพระธรรมกาย และก็รักษาพระภิกษุอาพาธที่มารักษาที่คลินิกของเธอฟรีอีกด้วย แต่ในขณะที่เธอกำลังสร้างบารมีอย่างสนุกสนานอย่างต่อเนื่อง อยู่ ๆ ก็มีอาการเหนื่อยหอบ พอเธอไปตรวจสุขภาพจึงได้ทราบว่า เธอเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

เมื่อทราบเช่นนั้นตัวเธอก็เร่งขวนขวายในกำรสั่งสมบุญอย่างต่อเนื่อง จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต รวมอายุ ๓๘ ปี

คำถามข้อที่ ๑ หมอปุ้ยตายแล้วไปไหนมีข้อความอะไรฝากมาถึงหรือไม่ครับ

คุณครูไม่ใหญ่
ในช่วงที่อาการป่วยของเธอเริ่มกำเริบหนักแล้วตัวเธอเองก็นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอมีความกังวลอยู่ภายในใจลึก ๆ ว่า ถ้าเธอเป็นอะไรไปจริง ๆ เธอจะได้กลับไปดุสิตบุรีหรือเปล่า นี่คือความกังวลใจลึก ๆ สำหรับช่วงสุดท้ายของชีวิตของผู้ที่รู้เป้าหมายของชีวิต และรู้ว่าควรจะไปพักกลางทางที่ไหน

ที่เธอเกิดความกังวลใจเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเธอรู้สึกว่า ตัวเธอเพิ่งเข้าวัดมาได้ไม่นาน แค่ ๙ ปี (เริ่มเข้าวัดปี พ.ศ. ๒๕๔๖) อีกทั้งกว่าที่เธอจะเข้าใจเรื่องการสั่งสมบุญสร้างบารมีเพื่อไปที่สุดแห่งธรรมแบบลึกซึ้ง ก็หลังจากที่เธอเข้าวัดมาได้สักพักใหญ่แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นผลทำให้ตัวเธอไม่มั่นใจเลยว่า กำลังบุญของเธอจะเพียงพอที่จะทำให้เธอได้กลับดุสิตบุรีหรือไม่ ด้วยความกังวลใจดังกล่าวนี้เองจึงกลายเป็นแรงผลักดันพลังบวก ที่ทำให้เธอพยายามนึกถึงบุญทุกๆ บุญ รวมทั้งนึกถึงภาพของมหาปูชนียาจารย์ที่เธอเคารพรักอย่างสูงสุด พร้อมกับอธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำ ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่เธอรู้สึกเจ็บปวด หรือยังพอมีสติรู้ตัวในทำนองที่ว่า “ถ้าหากเธอ เป็นอะไรไปจริง ๆ ขอบารมีธรรมของมหาปูชนียาจารย์ทุก ๆ ท่าน และบุญทุก ๆ บุญที่เธอทำจงช่วยให้เธอได้กลับดุสิตบุรีด้วยเถิด” และก่อนหน้าที่เธอจะหมดสติลงไปแบบถาวร เธอเหมือนจะรู้อาการของตัวเธอเองดีว่า นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้นึกถึงบุญ ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามฝืนใจสกัดกั้นข่มความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ แล้วก็นึกถึงภาพของมหาปูชนียาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งที่นึกออกก็นึกก่อน รวมถึงพยายามนึกถึงบุญทุก ๆ บุญที่เธอรู้สึก ปลื้มอย่างช้า ๆ เท่าที่สติของเธอพอจะนึกถึงได้ในตอนนั้น

ยกตัวอย่างเช่น บุญที่เธอได้ถวายการรักษาโรคทางช่องปากแก่ภิกษุผู้อาพาธที่คลินิกของเธอโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น บุญที่เธอตัดใจขายคลินิกทำฟันของตัวเอง เพื่อนำเงินมาหล่อรูปเหมือนทองคำพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นจำนวน ๑ กิโลกรัม สองบุญนี้ถือเป็นบุญหลักที่เธอนึกได้แจ่มชัดที่สุด นอกจากนั้นยังมีบุญอื่นๆ ที่เธอได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้วกับหมู่คณะ เช่น บุญจากการชวนคนบวช หรือบุญจากการเปิดบ้านกัลยาณมิตรให้คนมาปฏิบัติธรรม รวมถึงบุญบวชสามเณรลูกชาย และบุญอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น

ในระหว่างที่เธอกำลังนึกถึงบุญอยู่นั้น เธอก็จะอธิษฐานจิตตอกย้ำอยู่ภายในใจสั้น ๆ อย่างมุ่งมั่น แล้วก็แน่วแน่ว่า
“ขอให้เธอได้กลับดุสิตบุรี”
“ขอให้เธอได้กลับดุสิตบุรี” และ
“ขอให้เธอได้กลับดุสิตบุรี”

เธออธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำ ๆ เช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งสติสุดท้ายของเธอได้หมดลง คือยังไม่ถึงกับตาย แต่สภาวะร่างกายโดยเฉพาะสมองไม่ตอบสนองกับสิ่งใดแล้วเท่านั้น

ในทันทีที่สติสุดท้ายของเธอหมดลง ความรู้สึกทั้งมวลของกายหยาบก็พลันหมดลงตามไปด้วย คือในช่วงนั้น เห็น จำ คิด รู้ และช่องทางรับรู้ของกายมนุษย์หยาบซึ่งก็คืออายตนะภายในทั้ง ๖ ไม่เนื่องถึงกันแล้ว เพราะเห็น จำ คิด รู้ ของเธอถูกดวงเจ็บและดวงตาย หุ้มเคลือบจนแน่น เป็นผลทำให้อายตนะ ภายในทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เหมือนถูกฟรีซ หรือหยุดการเชื่อมต่อ แต่ทว่า ณ ศูนย์กลางกายของเธอในขณะนั้นกลับสว่างไสวผ่องใสยิ่งกว่าคนปกติหลาย ๆ คนที่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเสียอีก

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ใจของเธอผ่องใสสว่างไสวทั้งๆ ที่เธอหมดสติอย่างถาวรไปแล้วนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะนับตั้งแต่วันที่เธอรู้ตัวว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง เธอก็ได้เตรียมความ พร้อมด้วยการตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท อีกทั้งเธอยังตั้งใจสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันสวนกระแสโรคภัยไข้เจ็บที่เธอกำลังเป็นอยู่

การตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท คือ ใจของเธอจะอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่เกาะ ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้ง กับเรื่องราวอะไรต่าง ๆ ที่จะทำให้ใจเธอหมอง หรือขุ่นมัว หรือฟุ้งซ่าน หรือไร้พลังงานแห่งความบริสุทธิ์ ใจของเธอจะวนเวียนอยู่กับเรื่องบุญทุก ๆ บุญที่เธอสั่งสมมา โดยมีบุญหลัก ๒ บุญ และบุญอื่น ๆ ดังกล่าว

หรือแม้แต่ในช่วงที่สภาพร่างกายของเธอเริ่มถดถอย จนต้องมานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คือตั้งแต่อยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม เธอก็ได้ใช้ความพยายามในการอดทนอดกลั้นต่อสู้กับความเจ็บปวดอันเกิดจากโรคมะเร็งที่เธอกำลังเป็นอยู่ ด้วยอาการเอาใจเกาะเกี่ยวอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ พร้อมกับนึกถึงบุญอยู่ตลอดเวลา คือ ใจจะไม่เกาะ ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้ง เรื่องภายนอกเลย ใจจะมาอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานบวก

เธอนึกเสมอว่า เธอต้องสู้ด้วยบุญ ด้วยการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ซึ่งที่จริงก็เป็นปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา แต่ผู้ที่จะเข้าใจตรงนี้ก็ไม่ใช่ง่ายเหมือนกัน ที่จะละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ไม่เกาะ ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้งสิ่งที่ไม่ดีเลย ใจอยู่กับเนื้อกับตัวที่ตั้งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ใจหยุดนิ่งถึงจะเรียกว่า ไม่ประมาท

เมื่อวาระสุดท้ายของเธอมาถึง ด้วยความที่เธอเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นนึกถึงบุญ ทุก ๆ บุญที่เธอได้ทุ่มเททำเอาไว้อย่างเต็มที่เต็มกำลังในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยความปลื้มปีติใจ ในช่วงที่ยังแข็งแรง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นประเด็นหลัก รวมถึงนึกถึงภาพของมหาปูชนียาจารย์และอธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำ ๆ อย่างแน่วแน่อยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่สติสุดท้ายของเธอจะหมดลงว่า

“ขอให้เธอได้กลับดุสิตบุรี”
“ขอให้เธอได้กลับดุสิตบุรี” และ
“ขอให้เธอได้กลับดุสิตบุรี”

ตั้งเป้าหมายแน่วแน่ ไม่ไปที่ไหน ไม่ไปชั้น ๑ ชั้น ๒ จะไปดุสิตบุรี ชั้น ๔ อย่างเดียว จึงส่งผลทำให้ในทันทีที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอหมดลง ผลบุญที่เธอสั่งสมเอาไว้อย่างเต็ม ที่เต็มกำลังและทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ไม่ว่าจะเป็นบุญที่เธอตัดใจขายคลินิกทำฟันของตัวเองเพื่อนำเงินมาหล่อรูปเหมือนทองคำพระเดชพระคุณหลวงปู่ ๑ กิโลกรัม คือถ้าเป็นคนที่มีฐานะดี ก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่นี่หมายถึงชีวิตของเธอและของครอบครัว ถือว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเธอ ซึ่งเธอนึกเมื่อไรก็ปลื้ม หรือบุญที่เธอได้ถวายการรักษาโรคทางช่องปากแก่ภิกษุผู้อาพาธโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงบุญอื่นๆ อีกหลาย ๆ บุญที่เธอได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้วกับหมู่คณะ เช่น บุญจากการชวนคนบวช หรือบุญจากการเปิดบ้านกัลยาณมิตร หรือบุญบวชสามเณรลูกชาย เป็นต้น

บุญทุก ๆ บุญดังกล่าวก็ได้มาประมวลรวมกันส่งผลจนทำให้เธอได้กลับไปแวะพักกลางทางที่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ สมดังความปรารถนาที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้ได้ โดยเธอได้ไปบังเกิดเป็นเทพธิดาสุดสวยโสภา ด้วยอาการเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นอยู่กลางวิมานที่มีลักษณะเป็นรูปทรงดอกบัวที่ทำด้วยแก้วผลึกเหลือบรุ้ง ทองแก้ว และประดับประดาไปด้วยรัตนชาติที่สวยสดงดงามวิจิตรตระการตา อยู่ในเขตกองเสบียง โซนกลางๆ

๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://www.dhamma01.com/book/17
ต้นฉบับ หนังสือ ที่นี่มีคำตอบ ๗

กลับสู่
สารบัญ หนังสือที่นี่มีคำตอบ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *