๒๓. ทบทวนตัวเองเรามาบวชเพื่ออะไร

ทบทวนตัวเอง เรามาบวชเพื่ออะไร

“เรามาบวช เรามีความปรารถนาอะไร”

ลูกทุกรูปต้องย้อนกลับไปทบทวนในวันแรกที่เราได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา วันนั้นเรามีความตั้งใจอะไร ถึงได้สละทิ้งทุกอย่าง เครื่องกังวลทั้งปวง ตั้งแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินทางโลก การทำมาหากิน ครอบครัว และหมู่ญาติของเรา

เราสละทุกสิ่งทุกอย่างมาบวช โดยมองเห็นว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกของเรา ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเราสมบูรณ์ พ้นจากความทุกข์ทรมาน ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เรารู้แจ้งเห็นแจ้งในชีวิต เพราะฉะนั้นเราจึงได้ตัดสินใจบวช

วันนั้น ในท่ามกลางผู้มีบุญทั้งหลาย ท่ามกลางคณะสงฆ์ในพระอุโบสถ เฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราตั้งใจว่า “บวชคราวนี้ เราต้องการแสวงหาหนทางพระนิพพาน หรือทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน” นั่นคือสิ่งที่เราได้ตั้งใจในวันนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะทำความปรารถนาของเราให้สมหวัง

ในที่นี้หลายๆ รูปบวชมาหลายพรรษาแล้ว ก็จะต้องมาทบทวนว่า ความปรารถนาของเราสมหวังแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็จะต้องตั้งใจทำความเพียรของเราต่อไปตามพุทธวิธี เดินตามศีล สมาธิ ปัญญากันเรื่อยไป

สำหรับผู้บวชใหม่ ยังไม่มีภารกิจเครื่องกังวลในการคณะสงฆ์ ไม่มีเครื่องกังวลเรื่องการบริหารหมู่คณะ หรือภารกิจที่หมู่คณะมอบหมายให้ เป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการแสวงหาหนทางพระนิพพาน

สำหรับผู้ที่มีภารกิจมาก ก็ต้องบริหารเวลาให้เป็น จัดสรรเวลาให้ลงตัว ให้มีเวลาว่างสำหรับแสวงหาหนทางพระนิพพานของตนเองให้ได้ อย่างน้อยวันละ ๒ ชั่วโมงก็ยังดี

ส่วนเวลาอื่นที่เรามีภารกิจประจำวัน ก็พยายามฝึกฝนทำควบคู่กับภารกิจนั้นไป เพราะภารกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ใครทำ ๒ อย่างนี้ไปพร้อมๆ กันได้ ถึงจะเรียกว่า บริหารเวลาเป็น มีความรักพระนิพพาน รักเพศนักบวชอย่างแท้จริง มีความตั้งใจที่จะทำความปรารถนาของเราให้สมหวัง ได้ชื่อว่า เป็นผู้สืบอายุพระพุทธศาสนา อีกทั้งจะเป็นเนื้อนาบุญแก่มนุษย์และเทวาด้วย

เพราะฉะนั้น ภารกิจกับจิตใจควรไปด้วยกัน ไม่ควรเป็นสิ่งที่แย้งกัน หรือเป็นข้ออ้างว่า เราติดภารกิจจะต้องบริหารกิจการงานสงฆ์ จะต้องเรียนหนังสือ หรือจะต้องทำภารกิจที่หมู่คณะมอบหมายให้ จึงทำให้ไม่มีเวลา

บางคนก็อ้างว่า สุขภาพไม่แข็งแรง ยังป่วยไข้อยู่ คอยให้หายป่วยก่อนแล้วค่อยแสวงหาหนทางพระนิพพาน คิดอย่างนี้ไม่ถูกนะลูกนะ เพราะเรามีเวลาของชีวิตที่จำกัด

ถ้าคิดให้ละเอียด เวลาเรามีแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เวลาในชีวิตเรามีแค่นี้ หายใจเข้าแล้วไม่ออก เราก็ตาย หายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตายอีก หรือหายใจทั้งไม่ออกไม่เข้าก็ตาย ความตายรอคอยเราอยู่ทุกอนุวินาที เวลาที่เหลืออยู่จำกัดจริงๆ เป็นสิ่งที่ลูกทุกรูปควรจะนึกคิดอย่างนี้บ่อยๆ
๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๓

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92
ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร

กลับสู่
สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *