๔๒. ยิ่งอยาก ยิ่งยาก

ยิ่งอยาก ยิ่งยาก

ไม่อยากอะไรทั้งหมดเลย
ต้องเลิกอยาก ลาหยอกนะ

การติดใจในอารมณ์ที่สมหวัง อารมณ์ที่นั่งแล้วได้ผลดี เป็นกันทุกคน เพราะว่าเรารอคอยอารมณ์ที่ดีๆ อย่างนี้มา
หลายปี แล้วพอได้สักครั้งมันติดใจ ติดใจก็อยากได้อีก พออยากได้อีกก็แสวงหา ใจมันก็ดิ้นทุรนทุราย

จำไว้ให้ดีนะ ตลอดเส้นทางสายกลางต้องสบายตลอดเส้นทาง ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งถึงปริโยสาน (เบื้องปลายในที่สุด) ต้องเริ่มต้นอย่างง่ายๆ ไม่มีกด ไม่มีบังคับ ไม่มีเครียด ไม่มีอึดอัด มีแต่อึดออก สบาย เบิกบาน สดชื่น แจ่มใส

อย่าลืมนะ ให้เอาตัวเราเป็นครู
ถ้ารู้สึกไม่สบาย ให้รู้เลยว่า ไปบังคับใจแล้ว
ตั้งใจมาก ไม่สบาย ต้องปรับนะ

ฟุ้งก็ไม่สบายนะ แต่มันเพลิน บางทีก็ไม่เพลิน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จะไม่สบายตอนที่บังคับไม่ให้ฟุ้ง รำคาญมันเหลือเกิน ไม่น่าฟุ้ง แต่ถ้าไม่สบาย นี่เครียด ตั้งใจมาก อยากมาก

ความอยาก แม้แต่พระอนุรุทธะยังเจอเลย สมัยเป็นพระอนาคามี ติดอยู่ขั้นนั้นตั้งนาน เข้าไปกราบพระสารีบุตร เรียนถามท่านว่า กระผมมีความชำนาญเรื่องทิพยจักษุ สอดส่องดูสัตวโลกตลอดเวลาด้วยทิพยจักษุ ยกเว้นเวลาฉันเท่านั้น ทำความเพียรตลอด แต่ทำไมยังไม่บรรลุพระอรหันต์สักที

พระสารีบุตรบอกว่า ก็มันติดตรงนี้ ตรงความอยาก คล้ายๆ มันจะคว้า จะคว้า แล้วมันคว้าไม่ได้ มีความอยากได้ แม้พระอริยบุคคลยังติดอยู่ตรงนี้ ความอยากนี่สำคัญนะ ถ้า “หยุด” ถึงจะดี

เอาตัวเราเป็นครู หมั่นสังเกต ถ้าไม่สบาย ต้องปรับ

ถ้าเริ่มรู้สึกท้อใจ หมดกำลังใจจะทำความดี หมดกำลังใจจะนิ่ง แล้วรู้สึกน้อยใจตัวเองว่า คนอื่นเขานั่งมีประสบการณ์ภายใน ทำไมเราไม่มี ให้รู้เลยนะ ความอยากเข้าไปครอบงำแล้ว ยิ่งอยาก ยิ่งยาก ไม่สมหวัง

พอนั่งไม่ค่อยได้ผล มันเบื่อ ท้อใจ หมดกำลังใจ หมดหวัง แล้วก็มานั่งคิดวนๆ ว่า ชาตินี้จะได้หรือเปล่า

เหมือนรุ่นที่แล้วเขียนมาในประสบการณ์ “หลวงพ่อครับ ผมจะมีหวังได้ธรรมกายกับเขาไหม” โถ น่าสงสารจัง

บอกท่านทำไมจะไม่ได้ ธรรมกายอยู่ในตัวท่าน มีอยู่แล้ว ศูนย์กลางกายท่านก็มีอยู่ ใจท่านก็มี วิธีการหลวงพ่อก็บอกแล้ว ให้เอาใจหยุดตรงศูนย์กลางกาย ท่านทำแค่นี้ไม่ได้หรือ ถ้าท่านทำแค่นี้ มันก็ได้ ไม่ใช่ว่าเราไปหาสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลก ไม่มีอยู่ในกายเรา ถ้าอย่างนั้นละก็หมดปัญญา ทำอย่างไรก็ไม่ไหว แต่นี่ของมันมีอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงยังไม่ถูกวิธี

นี่คือข้อสังเกต ท้อเมื่อไร เริ่มมีคำถามขึ้นมาในใจ เมื่อไรเราจะมีหวังได้กับเขาบ้าง หรือเริ่มเปรียบเทียบกับเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน มาด้วยกันแท้ๆ ทำไมเขาถึงก่อน ทำไมเขาเห็นก่อน ทำไมเราไม่ได้ นี่แสดงว่าปฏิบัติยังไม่ถูกวิธี มันเลยไม่มีรางวัลตอบแทนการปฏิบัติ

ถ้าเราปฏิบัติถูกวิธี ให้ใจหยุด ใจนิ่ง ใจใส ใจสบาย พออารมณ์ปลอดโปร่งขึ้น รู้สึกมีกำลังใจ นั่นละเป็นรางวัลที่ผู้รู้ภายในจะตอบแทนเรา เรามีความรู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกสบาย พอใจกับอารมณ์นี้ ไม่อิ่มไม่เบื่อหน่ายในการนั่ง รู้สึกปรารถนาจะนั่งโดยไม่ฝืนนั่งอย่างนี้ถูกวิธี จะได้รางวัลอย่างนี้ มีมากเข้าๆ ปีติก็เกิด อิ่มอกอิ่มใจ เบิกบาน กายก็สงบระงับ สงบนิ่ง ไม่ปวด ไม่เมื่อย

ถ้าปวดเมื่อยถามหา ให้รู้เลยว่า วางใจยังไม่เป็น ยังไม่สงบ ถ้ากายสงบระงับ สบาย นั่งนานเท่าไรก็ได้ รู้สึกเวลาหมดไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แล้วก็ไม่มีความรู้สึกกับดินอากาศฟ้า บรรยากาศจะร้อน จะหนาว จะอบอ้าว รู้สึกไม่ค่อยสนใจ ใจจะสนอยู่ตรงกลาง ตรงหยุด ตรงนิ่ง สังเกตนะ แล้วเราก็ปรับ

ถ้านั่งดีๆ แล้ว จะรู้สึกสบาย เบิกบาน ต้นไม้ก็ยิ้มกับเรา ตึกรามบ้านช่อง ก้อนอิฐ ก้อนหิน ยิ้มกับเรา เพราะเรายิ้มกับมัน ยิ้มลึกๆ ยิ้มจากหัวใจ ยิ้มมาจากภายใน แล้วส่งกันต่อๆ มาถึงยิ้มภายนอก ขยายออกมาอย่างนั้น นี่คืออานิสงส์ของการปฏิบัติอย่างถูกต้อง คือหยุดกับนิ่งสบายๆ วางอารมณ์สบายๆ มันก็มีอานิสงส์อย่างนี้ สังเกตนะ
๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92
ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร

กลับสู่
สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *