คำถาม:
พระพุทธรูปบางองค์นั่งวางมือไว้บนตักข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งไว้ที่เข่า คว่ำบ้าง หงายบ้าง และบางองค์ก็เอามือไว้ที่อกท่าทางต่างๆ กันอย่างนี้ หมายถึงอะไรคะ?
คำตอบ:
จริงๆ แล้วการสร้างพระพุทธรูปในยุคต้นๆ หลังพุทธปรินิพพานไม่นานนัก ก็คือการจำลองเอาพระธรรมกายในตัวออกมา แต่มายุคหลังเขาเรียกว่าปั้นเอาไว้เล่น คือประดิษฐ์ท่าโน้นท่านี้ ว่ากันไป ในลีลาต่างๆ เรียกตามภาษาช่างศิลป์ว่า “ปาง” เช่น ปางสมาธิ(Meditation)จะคว่ำมือหงายมือก็ปั้นกันไปต่างๆ นานาตามที่พุทธประวัติกล่าวไว้ เช่นนั่งเอามือซ้ายไว้บนตัก มือขวาไว้ที่เข่า หรือนั่งขัดสมาธิ
ตามธรรมดาพระพุทธรูปนั่งสมาธิ ก็ต้องวางมือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้มือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือซ้าย เท้าขวาทับเท้าซ้าย พระนั่งสมาธิจะทำลักษณะนี้เป็นเครื่องบอกให้รู้ว่า พระธรรมกายในตัวของเราที่อยู่ในตัวจริงๆ ท่านนั่งขัดสมาธิท่านี้ เพราะฉะนั้นเวลาเรานั่งสมาธิเราจึงควรนั่งตามแบบพระธรรมกายในตัวของเรา
คราวนี้จากการที่มีเรียนพุทธประวัติกัน ผู้เรียนก็เกิดนึกถึงอิริยาบถต่างๆ ของพระพุทธองค์เมื่อทรงกระทำกิจต่างๆ แล้วก็ปั้นพระพุทธรูปในอิริยาบถนั้นๆ ขึ้นมา พระพุทธรูปที่มีอิริยาบถมือขวาวางบนหัวเข่า แล้วนิ้วชี้ให้ชี้ลงที่แผ่นดิน ส่วนมือซ้ายวางไว้ที่หน้าตักเขาเรียกว่าพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปาง แปลว่า เมื่อ
ที่มาของปางนี้ก็มีเรื่องเล่าว่า เวลามารมาผจญ มันจะมาไล่ที่ให้พระพุทธองค์ลุกจากรัตนบัลลังก์ ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ก็บอกว่ารัตนบัลลังก์นี้เป็นของพระองค์ แต่พญามารก็บอกว่าเป็นของมัน แล้วก็ถามว่าพระองค์มีพยานไหม พญามารก็ชี้ว่านี่ไงพยาน พรรคพวกที่มานี่เป็นพยานของมันทั้งหมด
มันถามว่า “พระสมณโคดมพยานมีไหม?” ก็ทรงนั่งอยู่องค์เดียวจะไปเอาพยานที่ไหน พระองค์จึงตอบว่ามีแต่แผ่นดินเป็นพยาน แล้วก็ทรงชี้ลงไปที่พื้นดิน พญามารก็เลยทำอะไรพระองค์ไม่ได้
ในที่สุด มันก็แพ้ไปด้วยอำนาจบารมีของท่าน เพราะเหตุนี้ จึงเกิดพระพุทธรูป ปางมารวิชัยขึ้นมา นั่งอยู่ในท่าดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่มีปางอะไรมากมายนั่นน่ะ เป็นเรื่องของความคิด หรือจินตนาการในเชิงศิลปะของศิลปินช่างปั้นในยุคหลังทั้งนั้น คือ อ่านประวัติว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ ทรงทำอะไรๆ บ้าง บ้างเขาก็นึกคิดประดิษฐ์เอา ก็ตามแต่อัธยาศัยของเขา
โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา