คำถาม:
หลวงพ่อเจ้าคะ เคยเห็นคนท่องหัวใจเศรษฐีคือ “อุ อา กะ สะ” เพราะเชื่อว่าจะทำให้รวยได้ อยากกราบเรียนถามว่า คาถานี้จะช่วยคนเราเป็นเศรษฐีได้จริงหรือไม่เจ้าคะ
คำตอบ:
คาถานี้หรือคาถาไหนก็ตาม หากไม่ทำตามอย่างจริงจัง คือไม่ทำความเข้าใจ และทำตามอย่างจริงจังแล้ว คาถานี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน แม้ทำตามคาถาอย่างเคร่งครัดแล้ว ก็ยังมีข้อแม้อีกคือ
๑. หากมีความขยันทุ่มเทไปเท่าไหร่ก็ตาม นั่นเป็นเพียงความเพียร พยายามในปัจจุบันเท่านั้น แต่มีอีกองค์ประกอบหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ไม่รู้คือ บุญเก่าที่มีติดตัวข้ามชาติมา ถ้าความเพียรในปัจจุบันมีมากพอ แต่ว่าบุญเก่าไม่พอ คือทุนเก่ามันน้อยไป บางทีติดลบข้ามชาติมาเสียอีก ในกรณีนี้ให้ทำความเพียรทุ่มเททำตามคาถาเข้าไป ผลที่ได้จะไม่ได้เท่าที่หวัง
ในทางตรงกันข้าม พวกหนึ่งทุ่มเทความเพียรลงไป แล้วก็มีบุญเก่าด้วย พวกนี้อย่างไรก็ประสบความสำเร็จ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีความสำเร็จตามคาถานั้น
แต่มีพวกหนึ่ง ไม่ค่อยจะมีความเพียร แต่ว่าบุญเก่าของเขามันดี ทำอะไรไม่ค่อยมากแต่ก็สำเร็จเพราะบุญเก่ามาส่ง พูดง่ายๆ คือไม่เก่งแต่ว่า “เฮง”
แต่ที่เราอยากได้จริงๆ เลย คือทั้งเก่งทั้งเฮง คือความเพียรก็มาก บุญเก่าก็เยอะ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ทำอะไรนอกจากสำเร็จหมดแล้ว ยังเอาความสำเร็จไปต่อให้เกิดความสำเร็จใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้อีกมากเลย ตรงนี้เป็นหลัก
คาถา “อุ อา กะ สะ” นั้นย่อมาจากภาษาบาลี ๔ คำด้วยกัน ถ้าแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ หัวใจเศรษฐี ๔ ข้อก็คือ
๑. หาเป็น ถ้าหาไม่เป็น สมบัติมันจะไม่มาให้เป็นเศรษฐีได้
๒. เก็บรักษาเป็น
๓. เลือกคบแต่คนดี เอามาเป็นที่ปรึกษา มาเป็นรั้วบ้านได้
๔. ใช้เป็น
คำว่าหาเป็น ในที่นี้หมายถึง ประกอบอาชีพที่เป็นสัมมาอาชีวะ คืออาชีพที่ไม่ผิดศีลธรรม แล้วก็ขยันด้วย ฉลาดด้วย อย่างนี้คือหาเป็น
ประการที่ ๒. เมื่อได้มาแล้ว เก็บรักษาเป็นด้วย ถ้าได้แล้วไม่เก็บให้ดี ก็ไม่ต่างกับเอาชะลอมตักน้ำแล้วก็ไม่ได้อะไร
ประการที่ ๓. เลือกคบแต่คนดี ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องหัวใจเศรษฐี แต่จริงๆ แล้วเกี่ยวกันมากเลย เลือกคบคนดีเข้าไว้ เราจะได้คนดี เพื่อนดี มาเป็นที่ปรึกษา มาเป็นรั้วบ้านให้ รั้วอะไรไม่สู้เท่ากับรั้วคน แต่รั้วเดินได้แบบนี้วิเศษนัก ถ้าเป็นรั้วของคนดี
ยิ่งกว่านั้น วันหนึ่งนอกจากเป็นที่ปรึกษา มาเป็นรั้วบ้านให้แล้ว ยังอาจมาเป็นผู้ร่วมงาน กลายเป็นเครือข่ายคนดีเกิดขึ้นในสังคมอีกด้วย มันทำให้ในระหว่างที่ทำมาหากินอยู่นั้น มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย มีเพื่อนดีๆ เพิ่มขึ้นด้วย แล้วเราก็สามารถจะซึมซับเอาความดีจากคนเหล่านั้นมาไว้ในตัวได้อีกด้วย ก็เลยกลายเป็นว่า เรามีทั้งอริยทรัพย์กับโลกียทรัพย์ คือทรัพย์ทางธรรมกับทรัพย์ทางโลก เกิดขึ้นพร้อมๆ กันด้วย ตรงนี้สำคัญ
จากนั้นจึงใช้เป็น คือไม่ใช้ในทางผิดศีลธรรมนั่นเอง เมื่อหาเป็นก็เก็บเป็น สร้างเครือข่ายคนดีก็เป็น แล้วยังใช้เป็นอีกด้วย แน่นอนมันน่ารวย เพราะความรวยของมนุษย์มีองค์ประกอบ ๒ อย่างคือ
๑. ความเพียร
๒. บุญเก่าหนุน
สี่ข้อในหัวใจเศรษฐีที่ว่านั้น เป็นเรื่องของความเพียรในปัจจุบัน ยังไม่ได้พูดถึงบุญเก่า เพราะฉะนั้นเมื่อเพียรไปถึง ๔ ประการที่ว่านี้ ทำครบเครื่องดีแล้ว แน่นอนถ้ามีบุญเก่าอยู่ด้วย ต้องรวยแน่ๆ แต่ว่าถ้าบุญเก่ามันน้อยไปหน่อย มันไม่รวยหรอก แต่ถึงไม่รวยก็ตั้งตัวได้ มีกินมีใช้ ไม่ต้องไปแบมือขอใครให้เป็นภัยเป็นปัญหาของสังคม แม้เท่านี้ก็ถือว่า คาถา ๔ คำนี้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา