คำถาม:
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ วันนี้กระผมมีปัญหาบางประการ เกี่ยวกับความหมายของคำในพระพุทธศาสนาครับ คือ คำว่า ศีล ซึ่งมีมากมาย ทั้งศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด กระผมจึงอยากทราบว่าจริงๆแล้วคำว่า ศีล มีความหมายอย่างไรครับ
คำตอบ:
คุณโยม ในฐานะที่คุณโยมเป็นนักกฎหมาย ในทางโลกประเทศชาติจะอยู่กันได้ ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะกฎหมายจะเป็นตัวบอกให้เรารู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ที่ต้องมีกฎหมายก็เพราะว่า เพื่อป้องกันไม่ให้แต่ละคนน่ะล้ำเส้นกัน ถ้าล้ำเส้นกันด้วยเรื่องอะไรก็ตามทีเถอะ เดี๋ยวได้กระทบกระทั่งกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในทางโลก ก็เลยต้องมีกฎหมายเอามาควบคุม จะเป็นกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา หรืออะไรก็ตามทีล่ะนะ
แต่ว่าในศาสนาพุทธของเรานั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกำหนดศีลเอาไว้ ก็คล้ายๆกัน พอจะเทียบกันได้ว่า ศีล เป็นเครื่องควบคุมทางกายทางวาจาของเรา ให้ประพฤติอยู่ในกรอบ เพื่อว่าบาปจะได้ไม่รั่วรดเข้าไปในใจเราได้ แล้วก็ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย
เรามาดูถึงคำแปลของคำว่าศีลก่อน ศีลไม่ใช่ภาษาไทยของเราเป็นภาษาอินเดีย ภาษาแขก ศีล แปลว่า ปกติ คำว่าปกตินี่เราพูดกันจนกระทั่ง ต้องมาถามอีก…ปกติ แปลว่าอะไร
สิ่งที่มันเป็นอยู่แล้วโดยธรรมชาติของมัน เราเรียกว่า ปกติ เช่นร่างกายของเรานั้น ปกติมีความอบอุ่นหรือมีอุณหภูมิอยู่ในตัวประมาณ 37องศาเซลเซียส ถ้าสูงกว่านั้นหรือต่ำกว่านั้นล่ะก็ แสดงว่าป่วยแล้ว มันผิดปกติ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงให้มาตรฐานแห่งความประพฤติปกติทางกายกับวาจาของคนเราเอาไว้ว่ามีอยู่ 5ข้อ ถ้าปกติล่ะก็ เป็นอย่างไร…
ปกติทางกายน่ะ ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่ประพฤติผิดในกามหรือว่าไม่เจ้าชู้ ใครไปล่วงเกินจากสามสิ่งนี้ไปล่ะก็ เจ้ามนุษย์คนนี้ความประพฤติทางกายมันผิดปกติ นี่ผิดปกติทางด้านศีลธรรมทางด้านจิตใจไปด้วยในตัว ทีนี้ เมื่อมันผิดปกติไปอย่างนั้น นั่นแหละมันกำลังหาบาปใส่ตัว…เพราะอะไร เพราะมันกำลังทำให้ใจของมันขุ่นไปด้วยในตัว
ในเวลาเดียวกัน คนเรานั้นมันก็พูดกันด้วยเรื่องจริงๆ ไม่ใช่พูดเรื่องเท็จ ไปพูดเท็จกันเมื่อไหร่ หลอกลวงโกหกกันเมื่อไหร่ มันก็ผิดปกติคน ทีนี้พอไปหลอกไปลวงกันเข้า ใจมันก็ขุ่น ใจมันก็มัว แล้วกรรมแห่งใจขุ่นใจมัวนี้ มันก็จะบีบคั้นใจของเราให้เสียหายไปต่างๆนานา อีกเยอะแยะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เลยทรงสอนเอาไว้ให้ ลูกเอ๊ย…รักษาความปกติของคนเราไว้ให้ดีนะ คือ ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่เจ้าชู้ แล้วก็ไม่พูดเท็จ
แต่ทั้งสี่ประการนี้ มันจะคงอยู่ได้ ต่อเมื่อเรามีสติ ถ้าขาดสติเมื่อไหร่ล่ะก็ ความปกติสี่ประการนี้ไม่อยู่หรอก
ทีนี้ สติ…มันแพ้อยู่เรื่องหนึ่ง แพ้อะไร…แพ้เหล้า แพ้ยาเสพติด มาเจอเหล้าเจอยาเสพติดเข้า สติมันจะขาดไป แล้วความประพฤติสี่อย่างนั้นก็จะผิดปกติขึ้นมา ก็เลยกลายเป็นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บวกข้อที่5 เข้าไป
ความสำคัญที่เราจะต้องรักษาศีลทั้ง 5ข้อ มันอยู่ตรงไหน
มันอยู่ที่ว่า ทำให้เราไม่ไปก่อบาปก่อกรรมกับใคร ไม่ไปก่อความเดือดร้อนเสียหายให้กับตัวเอง นี้เป็นขั้นต้น เพราะว่าใครที่จะคิดฆ่าคนอื่นหรือฆ่าสัตว์ ความจริงแค่คิดใจก็เดือดร้อนแล้ว ไปลงมือฆ่าเข้า เดี๋ยวเถอะเดือดร้อนหนัก เพราะว่าอะไร…เดี๋ยวเขาจะฆ่าเอาบ้างแน่ะ ไปขโมย ไปโกงเขา ไปลักเขา ระวังเดี๋ยวเขาก็จะโต้ตอบเอาเข้าให้ ไปยุ่งกับลูกเขา เมียเขา ผัวเขา เดี๋ยวเถอะๆของรักของเขา เขาหวงนะ เดี๋ยวก็เกิดเรื่อง หรือแม้ไม่เกิดเรื่อง บางทีก็เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เช่น เอดส์ มันก็มาได้อีกเหมือนกัน
การที่เราควบคุมตัวเองด้วยศีลได้นั้น มันก็เท่ากับว่าเราควบคุมตัวเองไม่ให้วิกฤต ไม่ไปก่อความเดือดร้อนให้ตัวเองเป็นคนแรก
แล้วก็ทำให้ไม่ไปก่อความเดือดร้อนให้คนอื่นเป็นประการที่สอง
ที่แน่ๆ จากการที่มีศีลทั้ง 5ข้อนี้อย่างบริบูรณ์ เป็นผลให้เราพร้อมจะทำความดีรูปแบบอื่นๆอีกเยอะแยะเลย
เมื่อศีลทั้ง 5ข้อบวกเข้ากับกฎหมายทางโลก สองอย่างนี้รวมเข้าด้วยกัน ก็กลายเป็นความมั่นคงของประเทศชาติไปด้วยในตัวเสร็จ
แต่ว่าศีลห้านั้น รักษาตัวเองไม่ให้ผิดไม่ให้พลาด ยังมีศีลที่ยิ่งขึ้นไป คือ ศีลแปด ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด ยิ่งขึ้นไปอีก ท่านเรียกว่า ศีลพรต เป็นอย่างไร…เป็นการรุกคืบกำจัดกิเลสให้มันวอดกันไป
ดังนั้น จึงแบ่งได้เป็นสองขั้นด้วยกัน
ศีลห้า รักษาความดีขั้นพื้นฐาน คือ ไม่ยอมให้ชั่ว ไม่ให้กิเลสกำเริบ
ศีลแปด ศีลสิบ ศีลที่ยิ่งกว่านั้นขึ้นไป เป็นการรุกคืบกำจัดกิเลสให้หมดไป หมดไปตามลำดับๆ ขึ้นอยู่กับความมานะพยายามของผู้นั้น
เพราะฉะนั้น คุณโยม พรรษานี้อย่าปล่อยให้พระเข้าพรรษาเพียงลำพัง คุณโยมเข้าพรรษาด้วยนะ สำหรับพวกเราที่เข้าวัดเป็นประจำ ศีลห้าจะน้อยไป เอาศีลแปดบ้างเถอะนะ แล้วมีโอกาสมาบวชอยู่กับหลวงพ่อนี่ก็เข้าท่านะ เอาพรรษาหน้าก็แล้วกันนะคุณโยมนะ
โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา