แพทย์กับพยาบาลแม้ใกล้ชิดกับการเกิดแก่เจ็บตาย ทำไมจึงไม่มาสนใจพระพุทธศาสนาเท่าที่ควร –

คำถาม:
กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีข้อสงสัยอยากจะกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่ออยู่ 2ข้อ คือว่า แพทย์กับพยาบาลเป็นวิชาชีพที่ใกล้ชิดกับการเกิดแก่เจ็บตาย แต่ทำไมจึงไม่มาสนใจพระพุทธศาสนาเท่าที่ควรคะ แล้วจะมีวิธีชวนเชิญอย่างไร ที่จะให้ท่านเหล่านี้ได้เข้ามาศึกษาเรื่องความจริงของชีวิต อย่างไรดีเจ้าคะ

คำตอบ:
เจริญพร มีความผิดพลาดในวงการศึกษาอยู่ ไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นกันอยู่ทั่วโลกเลย คือ เมื่อเวลาตั้งแต่ชั้นอนุบาลเป็นต้นมา ครูบาอาจารย์ที่ให้การศึกษาก็ตาม รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ที่บ้าน เรื่องที่พยายามจะให้เด็กรู้กลายเป็นเรื่องนอกตัวเด็ก

ยิ่งเด็กรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนอกตัว เลยจนกระทั่งเรื่องนอกประเทศ เรื่องนอกโลก นอกจักรวาลได้เท่าไหร่ รู้สึกว่า นั่นแสดงถึงความฉลาดเฉลียวของเด็ก นี่คือสิ่งที่มันเป็นกันอยู่ขณะนี้

เมื่อเป็นอย่างนี้เข้า ยิ่งเรียนไป ยิ่งไม่รู้จักตัวเอง

ในขณะที่พระพุทธศาสนา มีหลักการ ยิ่งเรียน ยิ่งต้องรู้จักตัวเอง ตรงนี้อยากจะฝากคุณโยมเอาไว้ด้วย

ยิ่งเรียน ยิ่งรู้จักตัวเอง เป็นอย่างไร คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงสอนให้กับพวกเราที่เข้าวัด…ถ้าไม่เข้าวัดก็ไม่รู้ ได้สอนไว้ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์

ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นทุกข์นั้น คนทางโลก พอมองออก

แต่ว่า…ความเกิดเป็นทุกข์ ต้องบอกว่า ทั้งโลกนั้นมองไม่ออก…ทำไมจึงว่าอย่างนั้น

ก็ทันทีที่เด็กคลอดออกมา ทั้งๆที่เด็กร้อง “ว๊าก” ออกมาเลยจากท้องแม่ ร้องด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต นั่นแสดงว่า เด็กเป็นทุกข์ แม้คุณแม่เองก็ร้องนะ แทบตายแน่ะ

แต่ว่า…พอคุณพ่อเห็นลูกคลอดออกมาเท่านั้น คุณพ่อดีใจ คุณปู่ คุณย่า รู้ว่าหลานออกมาแข็งแรงดี น้ำหนักเท่านั้นเท่านี้ ดีอกดีใจกับการเกิดนั้น

ความจริง การเกิดก็เป็นทุกข์ แต่เรามองกลับกัน เรามองแล้วก็เกิดความคิดว่า ความเกิดนี่แหละเป็นสุข

เรามองผิดตั้งแต่วันแรกที่มนุษย์เกิดขึ้นมาในโลกแล้ว จากนั้นผิดเรื่อยไป…ทำไม…แม้แต่การเจริญเติบโตของเด็กทางร่างกาย ความจริงนั้น พอเกิดแล้วมันคือ เริ่มแก่ทันที แต่ว่าการแพทย์การพยาบาลมองว่า เด็กเริ่มเจริญเติบโต ความจริงคือ การแก่

ทำไมจึงว่าแก่ เพราะว่าอายุของคนมันจำกัด ผ่านไปวันหนึ่งตั้งแต่วินาทีที่เกิด มันคือใกล้ความตายเข้าไป 1วัน
ในเมื่อเกิดไป อายุได้ 1วัน คือ ใกล้ความตายไป 1วัน อายุ 1เดือนก็คือ ใกล้ความตายเข้าไปอีก 1เดือน แต่ว่าเราก็ถูกสั่งสอนกันมาผิดๆว่า แต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีที่ผ่านไป…มันคือความเจริญเติบโตของคน แต่ความจริงแล้ว…มันกำลังเดินเข้าไปหาความแก่ แล้วก็เดินเข้าไปหาความตาย ภาพตรงนี้ต้องชัดก่อน

แต่ว่า เมื่อความจริงตรงนี้ ถูกปิดบังอย่างไม่น่าเชื่อ อย่าว่าแต่เราถูกปิดบังเลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชายอยู่ ก่อนจะออกบวชก็ถูกปิดบังเช่นเดียวกับเรา กว่าพระองค์ท่านจะเฉลียวใจได้ เมื่ออายุ 29 แล้วทรงออกบวช

พวกเรา สติปัญญาไม่ถึงกับท่าน ไม่ถึงกับพระองค์ท่าน เพราะฉะนั้น…เราก็เลยถูกหลอก แล้วก็ระบบการศึกษาทั้งโลกก็ช่วยกันหลอกอีก คือ ให้ไปสนใจสารพัดเรื่อง แต่สิ่งที่ขาด…ไม่ได้สนใจ คือ ไม่พยายามจะสนใจรู้เรื่องความเป็นไปของชีวิตตัวเอง ไม่ค่อยจะสนใจว่า คนเรานั้นมีใจ ใจของเรารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร มีคุณสมบัติอย่างไร ไม่ค่อยจะได้สนใจ

ยิ่งไปกว่านั้น…คนเราจะดีไม่ดีนั้น มันขึ้นอยู่ที่นิสัย แทนที่จะมาให้ความสำคัญว่า นิสัยของคนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งนิสัยในฝ่ายดี และฝ่ายไม่ดี  คุณพ่อคุณแม่ คุณครู รวมกระทั่งแม้แต่นักบวช ทั้งในพุทธศาสนา และนักบวชศาสนาอื่นๆ มองข้ามเรื่องสำคัญตรงนี้ไป

เพราะฉะนั้น เมื่อท่านเหล่านี้เจริญเติบโตขึ้นมาแล้วมาจบการศึกษา ไม่ว่าแพทย์ไม่ว่าพยาบาล อาจจะมองเรื่องโรคภัยไข้เจ็บถูก แต่มองผิดในเรื่องความแก่ ความเจ็บ ความตาย ตั้งแต่เริ่มต้นมาแล้ว

เพราะฉะนั้น แม้มาเป็นแพทย์แล้ว ตัวเองก็เลยไม่ค่อยได้คิดถึงความตาย ไม่ได้คิดถึงความแก่ และไม่ได้คิดว่า…ตายแล้วจะไปไหน

สิ่งเหล่านี้มันเป็นความผิดพลาดในการเรียน การสอน การอบรม ตั้งแต่พ่อแม่ ตั้งแต่โรงเรียน ตั้งแต่สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึ่งจะส่งคนออกมาประกอบอาชีพในสังคม เราผิดกันอย่างนี้

ถามว่า…แล้วจะทำไงให้มันถูก…จะมีทางเดียว…เริ่มตั้งแต่คุณแม่ก็แล้วกันนะ และคุณพ่อด้วย หันมาจับพระไตรปิฎกดูบ้าง ศึกษาธรรมะดูบ้างว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่าอะไรบ้าง

แล้วจากนั้น คุณครูด้วย ไปชวนคุณครูมา มาหาหลวงพ่อก็ได้ เดี๋ยวพระจะเทศน์ให้ฟังเองว่าอะไร ทั้งพ่อแม่ทั้งครูบาอาจารย์ หัดเข้าวัดกันหน่อยนะ ไม่รู้จะไปหาพระองค์ไหน…มาหาพระองค์นี้ก็ได้ เดี๋ยวจะเทศน์ให้ฟังว่า มันควรจะปรับการศึกษาของชาติ และของโลกอย่างไร แล้วทั้งโลกจะได้รู้จักตัวเองกันตั้งแต่อ้อนแต่ออก…เจริญพร

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *