ว่าด้วยวิธีใช้เงิน

คำถาม:
มีคนรู้จักบางคนที่มีเงินเดือนมาก แต่ว่าพอใกล้สิ้นเดือนทีไร มักจะบอกว่าเงินเดือนไม่ค่อยพอใช้ อยากขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อแนะนำวิธีการใช้เงินให้กับเขาด้วยครับ
 
คำตอบ:
ปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้…เงินเดือนมากก็ยังไม่พอใช้…ลูกเอ๊ย…ถ้าไม่รู้จักใช้ เท่าไหร่มันก็ไม่พอ อย่าว่าแต่ทำเงินเดือนใช้เลย เขายกโรงกษาปณ์มาให้เราพิมพ์แบงก์ ปั๊มแบงก์เอง พิมพ์เหรียญ ปั๊มเหรียญเอง ถ้าไม่รู้จักใช้ล่ะก็ เดี๋ยวเถอะ โรงกษาปณ์ก็ยังเจ๊งเลย

ปู่ย่าตาทวดเคยสอนเอาไว้ ในเรื่องการของใช้เงิน…เรื่องหาเงินไม่ต้องพูดกัน เพราะว่ายังไงๆถ้ามันได้น้อยละก็ โอกาสจะไม่พอใช้ มันก็เป็นไปได้อยู่แล้ว

แต่ว่าที่ถามมานี้ เท่าไหร่ๆก็ไม่พอใช้ อย่างนี้ โรคประเภทนี้ต้องแก้ไขด้วยตะพดเสียล่ะมั๊ง…ปู่ย่าตาทวดสอนไว้ว่า จะกินจะใช้อะไรนั้น  

ประการแรก ท่านว่าเอาไว้ จะกินจะใช้อะไร ท่านก็บอกว่า ลูก…กินอีตอนหิว อย่าไปกินอีตอนอยาก ฟังชัดๆนะ เพราะว่า ถ้าจะไปกินอีตอนอยากล่ะก็ มันก็อยากอยู่เรื่อย ถ้าไปกินอีตอนหิวละก็ เออ…มันจำเป็น มันจะต้องกิน พูดง่ายๆหลักการตรงนี้ก็คือ

แยกให้ออกนะลูกนะ Need กับ Want ความอยาก กับ ความจำเป็น แยกให้ออก ความอยากไม่ใช่ความจำเป็น ความจำเป็นไม่ใช่ความอยาก
 
แต่ว่าคนส่วนมาก พออยาก อยากได้อะไรขึ้นมา อยากกินอะไรขึ้นมา เกิดความรู้สึกว่า ไอ้นี่คือจำเป็น ตรงนี้แหละที่มันทำให้ได้เท่าไหร่มันก็ไม่พอใช้ ก็พิจารณาตัวเองให้ดี นี่ข้อแรกก่อน คนที่จะบริหารเงินได้ดีล่ะก็ แยกให้ออกนะ Need กับ Want นี่เป็นประการแรก ถ้าแยกตรงนี้ออก โอ้…ชนะไปตั้งครึ่งค่อนแล้ว

ประการที่สอง ในการบริหารเงิน ปู่ย่าตาทวดก็พูดชัดดี โยมแม่ของหลวงพ่อเคยสอนหลวงพ่อเอาไว้ ลองฟังดู ท่านบอกว่า เออ…เงินทองได้มา อย่าไปบริหารด้วยรายรับรายจ่าย แต่ให้บริหารด้วยรายเหลือ…ลูกเอ๊ย

คือคนส่วนมากคิดว่า ได้มากมันควรจะเหลือมาก ได้น้อยมันก็เหลือน้อย หรือไม่พอใช้ นี่มองเรื่องนี้ว่า เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ
ต้องอย่างนี้…โยมแม่ของหลวงพ่อท่านเคยอุปมาเอาไว้ ท่านบอกว่า เข่งใบใหญ่ๆ ชะลอมใบโตๆ เวลาจ้วงตักน้ำลงไป เมื่อเข่งหรือชะลอมยังอยู่ในน้ำ น้ำมันเต็มเข่งเต็มชะลอมนะลูก แต่พอยกขึ้นมาแล้วมันเหลือแต่เข่ง มันเหลือแต่ชะลอม มันไม่ติดน้ำหรอก หรือติดมา 2-3หยด

แต่กะลาใบเล็กๆ ขันใบเล็กๆ เออ…จ้วงลงไป มันก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ว่ายกมา มันก็ยังเต็มขันเต็มกะลา

เพราะฉะนั้น เวลาจะบริหารเงิน จะใช้เงิน โยมแม่ก็เลยบอกหลวงพ่อว่า ลูก (ตอนนั้นยังไม่ได้บวช) ได้เท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญว่าเหลือเท่าไหร่

เพราะฉะนั้น ก่อนจะใช้เงิน รีบถามตัวเองว่า เดือนนี้อยากจะให้มันเหลือเท่าไหร่ ก็ตัดเอาไอ้ตัวนั้นออกมาเสียเลย เก็บมันเสียเลย จะเก็บไว้ที่ธนาคาร จะเก็บไว้ในรูปไหนก็ตามที เก็บมันไว้ เหลือนอกนั้นอาจจะไปใช้อะไรก็ไม่ว่า อย่างนี้คือ บริหารด้วยรายเหลือ

ถ้าลูกมองออกนะว่า Need กับ Want มันต่างกันตรงไหน แล้วใช้เฉพาะ Need ใช้เพราะว่ามันจำเป็น ไม่ใช่ว่าใช้เพราะอยากใช้ ไม่ใช่จ่ายเพราะอยากจ่าย
ลูกเอ๊ย…บริหารด้วยรายเหลือ ไม่ใช่บริหารด้วยรายรับรายจ่าย เราต้องรู้ประมาณว่า ควรจะให้มันมีเหลือเอาไว้ เผื่อเจ็บ เผื่อป่วย เผื่อไข้ บริหารให้ลงตัวตรงนี้ แล้วก็ไม่ตามใจปากตามใจท้องจนเกินไป เดี๋ยวเราก็บริหารได้ลงตัวเอง

แต่ที่แน่ๆ ก็จำไว้ก็แล้วกัน การเก็บหรือการเหลือเอาไว้ มันมีอยู่ 2อย่างนะลูกนะ เก็บส่วนหยาบ กับ เก็บส่วนละเอียด

เก็บส่วนหยาบก็อย่างที่ว่าเมื่อกี้นี้ คือเอาส่วนเหลือไปฝากไว้ในธนาคาร มันก็ดี คราวป่วย คราวไข้ ก็จะได้มีใช้

แต่เก็บอีกอย่างนะ เก็บละเอียดนะลูก เปลี่ยนทรัพย์นั้นให้เป็นบุญ รู้จักฝากธนาคารบุญ

ทำอย่างไร…ไปทำบุญทำทาน กับวัดวาอาราม สาธารณกุศลต่างๆ เปลี่ยนทรัพย์หยาบให้เป็นละเอียด ทรัพย์ละเอียดนี้ จะติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ โจรก็ปล้นไม่ได้ ใครก็โกงไม่ได้ ไฟก็ไม่ไหม้ น้ำก็ไม่ท่วม

ดูวิธีเก็บทรัพย์ตรงนี้นะ ส่วนเก็บไว้ในธนาคาร หรือเอาไปเล่นหุ้น เอาไปเล่นแชร์ ก็ระวังด้วยก็แล้วกัน เพราะว่า IMF มันก็เคยอาละวาดให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว

บริหารทรัพย์ด้วยรายเหลือ เก็บทรัพย์ทั้งหยาบทั้งละเอียดเอาไว้จากรายเหลือนั้น

แล้วก็พิจารณาว่ามัน Need หรือมัน Want แล้วค่อยใช้เงิน ทำอย่างนี้ลูกเอ๊ย… ยังไงก็รวย

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *