ใบไม้ในป่าประดู่ลาย การศึกษาวิชชาธรรมกายนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง จิตต้องบริสุทธิ์และไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้ง ไม่เกาะเกี่ยวกับเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ จึงจะไปรู้เรื่องราวสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเรื่องราวเหล่านี้มันเหลือวิสัย และยากต่อการเข้าใจด้วยวิธีการให้เหตุผลแบบธรรมดา จะไปหาหลักฐานอ้างอิง หรือจะใช้ความนึกคิดด้นเดาไม่ได้ แล้วก็เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากนักการศึกษาพระพุทธศาสนาหรือปราชญ์ทางพุทธศาสนาได้ศึกษาค้นคว้ามา เหมือนใบไม้ในป่าประดู่ลาย สมัยหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกอบใบประดู่ลายมากำมือหนึ่ง ถามพระภิกษุว่า “ใบไม้ในกำมือกับใบไม้บนต้นประดู่ส่วนไหนมีมากกว่ากัน” ภิกษุก็ตอบว่า “ใบไม้บนต้นประดู่มีมากกว่าใบไม้ในกำมือ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “สัพพัญญุตญาณของเรานั้นรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด ในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งปวงโดยไม่มีขอบเขตจำกัด แต่สิ่งที่เรานำมาสอนเธอนั้นเพียงนิดเดียว เพื่อเป็นทางหลุด พ้นจากกิเลสอาสวะ จากภพทั้ง ๓ จากกฎแห่งกรรม เพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น” วิชชาธรรมกายเหมือนใบไม้ในป่าใหญ่ ซึ่งนักปราชญ์และนักวิชาการในทางพุทธศาสนาในระดับโลกนั้น ไม่ได้ให้โอกาสกับตัวเองในการศึกษาธรรมปฏิบัติให้ลึกซึ้งขึ้นไปก็ยากต่อการจะที่เข้าใจสิ่งนี้ได้ เพราะฉะนั้นคำว่า “วิชชาธรรมกาย” จึงรู้กันอยู่ในขอบเขตจำกัด สำหรับผู้ที่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายในโรงงานทำวิชชาเท่านั้น นอกนั้นก็รู้แต่เพียงว่า ธรรมกาย คือ พระรัตนตรัยภายใน เป็นที่พึ่งที่ระลึก ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ ในที่สุดไปนิพพานก็ได้ ไปนรกสวรรค์ไปจับมือถือแขนสัตว์นรกหรือชาวสวรรค์ได้ พูดจาโต้ตอบกันได้ ญาติ บิดามารดา ปู่ย่าตายายไปตกนรก พระธรรมกายไปช่วยได้ ด้วยอานุภาพของพระธรรมกายที่ไม่มีประมาณ นี่คือสิ่งที่ทุกคนที่อยู่นอกโรงงานทำวิชชาเข้าใจได้เพียงแค่นี้เท่านี้ จะรู้ซึ้งไปกว่านี้ ก็รู้กันอยู่ในขอบเขตจำกัดจริงๆ …
๒๓. ใบไม้ในป่าประดู่ลาย Read More »