krirk

๓๐. การศึกษาของพระเณร

การศึกษาของพระเณร นักบวชต้องเรียนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ นักบวชต้องเรียนอย่างนี้ จะไปเรียนอย่างอื่นไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร ที่ญาติโยมเขาเลี้ยงพระ เขาให้กำลังมาเพื่อเรียนศีล สมาธิ ปัญญา เรียนทำพระนิพพานให้แจ้ง ไม่ใช่ให้ไปเรียนทางโลก ถ้าเรียนทางโลกอย่างนั้น การขบฉันภัตตาหาร จะฉันด้วยความเป็นหนี้ญาติโยม เดี๋ยวก็ต้องไปเป็นวัวเป็นควายให้เขาใช้อีก แต่ถ้าเรียนศีล สมาธิ ปัญญา เขาเรียกว่า ฉันด้วยความไม่เป็นหนี้ แต่ถ้าปฏิบัติธรรมเข้าถึงพระธรรมกาย อย่างนี้ฉันด้วยความเป็นนาย คือ เป็นผู้ให้ เป็นเนื้อนาบุญอย่างแท้จริง ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

๒๙. ค้นหาตัวเองให้เจอ

ค้นหาตัวเองให้เจอ หลวงพ่ออยากให้มีบรรยากาศ เหมือนสมัยพุทธกาล ที่ทุกรูปตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างเต็มที่ คิดแบบพระ พูดแบบพระ และทำแบบพระ เป็นพระแท้…อย่างแท้จริง แล้วก็มีพระภายในเป็นเพื่อนในทุกอิริยาบถ ทุกกิจกรรม นั่ง นอน ยืน เดิน เหยียดแขน คู้แขน กลับหน้า กลับหลัง ขบฉัน หรือไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ นี่คือความตั้งใจของหลวงพ่อ อยากให้การบวชในครั้งนี้ เป็นการบวชเพื่อให้เข้าถึงความสมปรารถนา อย่างน้อยที่สุดอยากจะให้รู้ว่า การเข้าถึงไตรสรณคมน์เป็นอย่างไร เราได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านในพระไตรปิฎก หรือครูบาอาจารย์สั่งสอนว่า เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม โปรดพระเจ้าพิมพิสารและพสกนิกร ๑๑ ส่วน บรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป อีก ๑ ส่วน บรรลุธรรมาภิสมัยเข้าถึงไตรสรณคมน์ เราได้ยินได้ฟังกันแล้วก็เข้าใจว่า หมายถึง พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ แล้วก็หมายถึงพระธรรมกาย โดยย่อเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้ว เรายังเข้าไปไม่ถึงจุดนั้น หลวงพ่อว่า อย่างน้อยที่สุดให้เรารู้จักตรงนี้เอาไว้เป็นที่พึ่ง อยากให้รู้จักว่า คำว่า ที่พึ่งที่ระลึก หรือคำว่า …

๒๙. ค้นหาตัวเองให้เจอ Read More »

๒๘. ต้องบวชอย่างมีเป้าหมาย

ต้องบวชอย่างมีเป้าหมาย บวชมาแล้วต้องมีวัตถุประสงค์เดียวเป็นหลัก คือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง นอกนั้นเป็นเรื่องปลีกย่อยลงมา นี่เป็นของเก่าดั้งเดิม บวชมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง การบวชต้องมีวัตถุประสงค์อย่างนี้เท่านั้น ถ้าไม่มีเป้าหมายอย่างนี้บวชเป็นพระยากนะลูกนะ ๓๒ พรรษาที่ผ่านไปของหลวงพ่อ รู้สึกประเดี๋ยวเดียว ยังมีความรู้สึกว่า งานที่แท้จริงยังไม่ได้เริ่มต้นเลย ทั้งๆ ที่ทำมาเรื่อยๆ ไม่ขาดเลย แม้แต่วันเดียว มากบ้าง น้อยบ้าง นั่งบ้าง นอนบ้าง ยืนบ้าง เดินบ้าง ก็ทำมาตลอด บวชแล้วต้องมีเป้าหมาย เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ข้อวัตรปฏิบัติจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะรักที่จะไปถึงตรงนั้น อยากจะเข้าถึงพระรัตนตรัย เข้าถึงพระธรรมกาย อยากไปศึกษาวิชชาธรรมกาย ความกระตือรือร้นจะเกิดขึ้นเอง และสอนตัวเองได้ เมื่อเรามีเป้าหมาย จะรักการปฏิบัติธรรม พอปฏิบัติธรรม มันมีความสุข ถ้าไม่มีความสุขมันนั่งนานๆ ไม่ได้หรอก แต่ความสุขที่เกิดจากธรรมปฏิบัติ ไม่ใช่จู่ๆ เกิดขึ้น ก็ต้องเริ่มต้นจากความไม่สุขไม่ทุกข์เสียก่อน ต้องฝึกฝน ต้องพากเพียร ต้องอดทน ต้องทำสม่ำเสมอ และหมั่นสังเกตดูว่า เราทำอย่างไรถึงจะวางใจได้ถูกต้อง ถูกวิธีการ แล้วความสุขจากการปฏิบัติถึงจะเกิดขึ้น เป็นกำลังใจสำหรับวันต่อวัน มาอยู่วัดพระธรรมกายแล้ว อย่าให้มีแต่ชื่อวัดพระธรรมกายเท่านั้น …

๒๘. ต้องบวชอย่างมีเป้าหมาย Read More »

๒๓. ทบทวนตัวเองเรามาบวชเพื่ออะไร

ทบทวนตัวเอง เรามาบวชเพื่ออะไร “เรามาบวช เรามีความปรารถนาอะไร” ลูกทุกรูปต้องย้อนกลับไปทบทวนในวันแรกที่เราได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา วันนั้นเรามีความตั้งใจอะไร ถึงได้สละทิ้งทุกอย่าง เครื่องกังวลทั้งปวง ตั้งแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินทางโลก การทำมาหากิน ครอบครัว และหมู่ญาติของเรา เราสละทุกสิ่งทุกอย่างมาบวช โดยมองเห็นว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกของเรา ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเราสมบูรณ์ พ้นจากความทุกข์ทรมาน ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เรารู้แจ้งเห็นแจ้งในชีวิต เพราะฉะนั้นเราจึงได้ตัดสินใจบวช วันนั้น ในท่ามกลางผู้มีบุญทั้งหลาย ท่ามกลางคณะสงฆ์ในพระอุโบสถ เฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราตั้งใจว่า “บวชคราวนี้ เราต้องการแสวงหาหนทางพระนิพพาน หรือทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน” นั่นคือสิ่งที่เราได้ตั้งใจในวันนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะทำความปรารถนาของเราให้สมหวัง ในที่นี้หลายๆ รูปบวชมาหลายพรรษาแล้ว ก็จะต้องมาทบทวนว่า ความปรารถนาของเราสมหวังแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็จะต้องตั้งใจทำความเพียรของเราต่อไปตามพุทธวิธี เดินตามศีล สมาธิ ปัญญากันเรื่อยไป สำหรับผู้บวชใหม่ ยังไม่มีภารกิจเครื่องกังวลในการคณะสงฆ์ ไม่มีเครื่องกังวลเรื่องการบริหารหมู่คณะ หรือภารกิจที่หมู่คณะมอบหมายให้ เป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการแสวงหาหนทางพระนิพพาน สำหรับผู้ที่มีภารกิจมาก ก็ต้องบริหารเวลาให้เป็น จัดสรรเวลาให้ลงตัว ให้มีเวลาว่างสำหรับแสวงหาหนทางพระนิพพานของตนเองให้ได้ อย่างน้อยวันละ ๒ ชั่วโมงก็ยังดี ส่วนเวลาอื่นที่เรามีภารกิจประจำวัน ก็พยายามฝึกฝนทำควบคู่กับภารกิจนั้นไป เพราะภารกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ใครทำ ๒ …

๒๓. ทบทวนตัวเองเรามาบวชเพื่ออะไร Read More »

๒๖. เป็นพระ ต้องเห็นพระ

เป็นพระ ต้องเห็นพระ หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกรูปมีใจที่เป็นนักบวชที่สมบูรณ์ มีเป้าหมาย มีปณิธาน มีอุดมการณ์ ให้อยู่ในใจของเรา อย่าสักแต่ว่าบวชๆ กันไปอย่างนั้น บวชแล้วต้องมีเป้าหมาย โดยเฉพาะในใจลึกๆ จะต้องตั้งใจที่จะศึกษาวิชชาธรรมกาย อย่าทิ้งสิ่งนี้ ความตั้งใจนี้ต้องให้มีนะ คิดอย่างนี้ทุกๆ วัน แล้วก็หมั่นฝึกฝนอบรมใจของเราไป ฝึกใจให้หยุดนิ่ง ฝึกทุกวัน อย่าได้เว้นเลยแม้แต่เพียงวันเดียว เมื่อใจของเรามีดวงเดียว สิ่งที่จะเข้ามาในใจของเราก็เข้าได้ทีละอย่าง เราจะนำสิ่งอะไรที่มีคุณค่ามากที่สุดมาไว้ในใจเรา เราก็ต้องนึกดูว่า ควรจะเป็นสิ่งใดที่เหมาะที่สุด ก็คือพระรัตนตรัยนี่แหละ องค์พระ ดวงแก้ว หลวงปู่วัดปากน้ำ ๓ อย่างสลับกันไปอย่างนี้ ให้อยู่ในใจเรา เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว จะได้ศึกษาวิชชาธรรมกายได้ เป็นพระ เป็นเณร แล้วไม่เห็นองค์พระ เข้าถึงพระธรรมกายไม่ได้ เป็นไปก็แค่นั้น หลวงปู่วัดปากน้ำท่านบอกว่า “เสียข้าวสุก” คือ ฉันข้าวไปก็เปลืองไปเปล่าๆ เพราะฉะนั้น เป็นพระ เป็นเณร ต้องมีพระปรากฏอยู่ในใจ ต้องเข้าถึงให้ได้ ตอกย้ำทุกๆ วัน พยายามให้เข้าถึงให้ได้ จะนั่ง นอน ยืน เดิน …

๒๖. เป็นพระ ต้องเห็นพระ Read More »

๒๕. วิตามินพระ

วิตามินพระ เมื่อบวชแล้วต้องตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมตลอดชีวิต ต้องดูแลตัวเองให้ดี เพื่อที่จะไปดูแลผู้อื่นได้ แล้วก็ให้ศึกษาทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เทศนา และวิชชาธรรมกาย ให้แตกฉาน ถ้าบวชแล้วไม่บำเพ็ญสมณธรรม ไม่เจริญศีล สมาธิ ปัญญา หรือพูดง่ายๆ ว่า ไม่นั่งสมาธิ บวชมาก็อย่างนั้นๆ ไม่ได้อะไร เพราะบวชแล้วก็ยังไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร หรือวิตามินของความเป็นพระมันมีรสอร่อย รสโอชาอย่างไร เราจะไม่มีวันรู้จักเลย ถ้าไม่บำเพ็ญสมณธรรม ถ้าไม่ทำสมาธิ แค่อ่านจากตำรับตำรามันทราบ แต่มันไม่ซึ้ง คือทราบว่า มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ซึ้ง เพราะอ่านไปก็ยังสงสัยอยู่ เอ๊ะ! ใช่หรือเปล่า เอ๊ะ! มีจริงไหม พอเอ๊ะ! ทีไร มันแปล๊บเข้าไปในใจทุกครั้ง เพราะมันยังไม่ค่อยมั่นใจ ถ้าเราไม่มั่นใจแล้ว เวลาญาติโยมถาม นรกสวรรค์มีจริงไหม บาปบุญคุณโทษมีไหม มันก็ไม่ค่อยจะมั่นใจ ตอบแบบคลุมๆ เครือๆ ตอบแบบกำกวม มันก็น่าจะมีนะอะไรอย่างนี้ โยมได้ฟังแล้วก็ เอ้อ บุญก็น่าจะทำนะ แล้วก็ไม่ทำ แต่ถ้าบอกมีจริง อ่ะ …

๒๕. วิตามินพระ Read More »

๒๔. รู้ได้ด้วยธรรมกาย

รู้ได้ด้วยธรรมกาย พอถึงกายธรรมแล้ว วิชชาก็จะเกิด วิชชา ๓ บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ และอาสวักขยญาณ เกิดตรงธรรมกาย เพราะเห็นได้รอบตัวด้วยธรรมจักขุ รู้ได้ด้วยญาณทัสสนะ ปัญญาบริสุทธิ์เกิดตรงนี้แหละ เข้าถึงกายธรรมได้แล้วปิดประตูอบายภูมิ ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ เกิดในเทวโลก เลือกชั้นเกิดได้ จะไปอยู่ตรงไหนก็เลือกได้ เราเกิดมาเพื่อแสวงหาความรู้อันบริสุทธิ์ ที่ทำให้หลุดพ้นจากการบังคับบัญชาของพญามาร เกิดมามีจุดหมายเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง จะแจ่มแจ้งได้ก็ต้องถึงธรรมกายถ้าไม่ได้ธรรมกายละก็ นิพพานไม่แจ้ง เพราะนิพพานกับธรรมกายจะดึงดูดเข้าหากัน ตั้งแต่นิพพานในกายธรรม จนกระทั่งนิพพานที่หลุดพ้นออกจากภพสามไปแล้ว ชัด ใส แจ่มทีเดียว ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

๒๓. ใบไม้ในป่าประดู่ลาย

ใบไม้ในป่าประดู่ลาย การศึกษาวิชชาธรรมกายนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง จิตต้องบริสุทธิ์และไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้ง ไม่เกาะเกี่ยวกับเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ จึงจะไปรู้เรื่องราวสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเรื่องราวเหล่านี้มันเหลือวิสัย และยากต่อการเข้าใจด้วยวิธีการให้เหตุผลแบบธรรมดา จะไปหาหลักฐานอ้างอิง หรือจะใช้ความนึกคิดด้นเดาไม่ได้ แล้วก็เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากนักการศึกษาพระพุทธศาสนาหรือปราชญ์ทางพุทธศาสนาได้ศึกษาค้นคว้ามา เหมือนใบไม้ในป่าประดู่ลาย สมัยหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกอบใบประดู่ลายมากำมือหนึ่ง ถามพระภิกษุว่า “ใบไม้ในกำมือกับใบไม้บนต้นประดู่ส่วนไหนมีมากกว่ากัน” ภิกษุก็ตอบว่า “ใบไม้บนต้นประดู่มีมากกว่าใบไม้ในกำมือ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “สัพพัญญุตญาณของเรานั้นรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด ในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งปวงโดยไม่มีขอบเขตจำกัด แต่สิ่งที่เรานำมาสอนเธอนั้นเพียงนิดเดียว เพื่อเป็นทางหลุด พ้นจากกิเลสอาสวะ จากภพทั้ง ๓ จากกฎแห่งกรรม เพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น” วิชชาธรรมกายเหมือนใบไม้ในป่าใหญ่ ซึ่งนักปราชญ์และนักวิชาการในทางพุทธศาสนาในระดับโลกนั้น ไม่ได้ให้โอกาสกับตัวเองในการศึกษาธรรมปฏิบัติให้ลึกซึ้งขึ้นไปก็ยากต่อการจะที่เข้าใจสิ่งนี้ได้ เพราะฉะนั้นคำว่า “วิชชาธรรมกาย” จึงรู้กันอยู่ในขอบเขตจำกัด สำหรับผู้ที่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายในโรงงานทำวิชชาเท่านั้น นอกนั้นก็รู้แต่เพียงว่า ธรรมกาย คือ พระรัตนตรัยภายใน เป็นที่พึ่งที่ระลึก ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ ในที่สุดไปนิพพานก็ได้ ไปนรกสวรรค์ไปจับมือถือแขนสัตว์นรกหรือชาวสวรรค์ได้ พูดจาโต้ตอบกันได้ ญาติ บิดามารดา ปู่ย่าตายายไปตกนรก พระธรรมกายไปช่วยได้ ด้วยอานุภาพของพระธรรมกายที่ไม่มีประมาณ นี่คือสิ่งที่ทุกคนที่อยู่นอกโรงงานทำวิชชาเข้าใจได้เพียงแค่นี้เท่านี้ จะรู้ซึ้งไปกว่านี้ ก็รู้กันอยู่ในขอบเขตจำกัดจริงๆ …

๒๓. ใบไม้ในป่าประดู่ลาย Read More »

๒๒. หัวใจนักสร้างบารมี

หัวใจนักสร้างบารมี นักสร้างบารมีควรมีหัวใจของผู้ให้ ตั้งแต่ให้ความรัก ความปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้อภัยต่อบุคคลที่พลาดพลั้งล่วงเกินเรา ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้ข้าวปลาอาหาร หรือให้โอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส อย่างนี้ใจของเราจะเกิดความผาสุก ความผาสุกที่บังเกิดขึ้นนี้ มีคุณค่ามากมายมหาศาลยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง เพราะว่าเป็นต้นทางให้เราไปสู่อายตนนิพพาน ความผาสุกเท่านั้น ที่จะทำให้ใจเราหยุดนิ่งอยู่ในกลางตัวของเรา พอถูกส่วนเข้า เดี๋ยวดวงใสของปฐมมรรคก็จะบังเกิดขึ้นชัดใสแจ่ม แล้วจะเข้าถึงกายภายในไปตามลำดับจนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายที่ละเอียดยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งทั้งดวงธรรม ทั้งกายภายใน และพระธรรมกาย ล้วนมีอยู่ในตัวของพวกเราทั้งหลาย ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้น มีมาแต่ดั้งเดิมแล้ว เป็นผังสำเร็จมานาน เพราะฉะนั้นความผาสุกนี้จึงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เมื่อใจผาสุก เราก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ เข้าถึงสรณะอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริงของมนุษย์ทั้งหลาย หากเกิดมาแล้วไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ชาตินี้ เราเกิดมาเสียเปล่าไปหนึ่งชาติ ดังนั้นเราจะต้องเข้าถึงให้ได้ ถ้าเข้าถึงแล้วชีวิตก็จะปลอดภัย แม้ละโลกไปแล้วยังนำเรา ไปสู่สุคติภูมิ ปิดประตูอบายได้ ภัยในสังสารวัฏไม่อาจทำ อันตรายผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายภายในแล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้นทันทีที่เข้าถึง เป็นความสุขที่พูดไม่ออก บอกไม่ถูก สุขจากการมีทรัพย์ สุขจากการได้ใช้จ่ายทรัพย์ หรือสุขจากการไม่เป็นหนี้ เทียบไม่ได้เลยกับความสุขแม้เพียงนิดเดียวที่เข้าถึงพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นความสุขที่เป็นอิสระ กว้างขวาง ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ กายเบา ใจเบา มีความปีติ เบิกบานใจ …

๒๒. หัวใจนักสร้างบารมี Read More »

๒๑. มหัศจรรย์ความรู้ภายใน

มหัศจรรย์ความรู้ภายใน ถ้าบวชเป็นพระ ก็จะทำสมาธิได้ง่ายกว่าตอนเป็นคฤหัสถ์ เพราะชีวิตพระมีเครื่องกังวลน้อยกว่า คฤหัสถ์จะมีปัญหาและแรงกดดัน ต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขาย ทำมาสร้างบารมี ต้องดูแลทั้งตัวเอง ครอบครัว ดูทั้งบ้าน ทั้งคนในบ้าน นอกบ้าน ในที่ทำงานอีกเยอะแยะ ชีวิตพระมีเวลาว่างมากกว่าที่จะบำเพ็ญสมณธรรม คือ ข้อปฏิบัติสำหรับชีวิตสมณะ ที่จะทำให้กายวาจาใจสะอาด บริสุทธิ์ สงบนิ่ง เยือกเย็น เรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตภายในที่ถูกปกปิดเป็นความลับมายาวนาน ชีวิตของบรรพชิตเป็นชีวิตที่สูงส่ง เฉพาะผู้มีบุญ มีบารมี ที่ผ่านชีวิตของคฤหัสถ์มามากเพียงพอจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ที่ยกระดับชีวิตให้สูงขึ้น เรียนรู้ให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ชีวิตของบรรพชิตจะมีเวลาทำหยุดทำนิ่งได้มาก ยิ่งหยุดยิ่งนิ่งก็ยิ่งดิ่งไม่หยุด เข้าไปสู่ภายใน เดี๋ยวก็เห็นกายมนุษย์ละเอียด เห็นกายทิพย์ เห็นกายในกายซ้อนๆ อยู่ เป็นความมหัศจรรย์ที่หลายพันล้านคนในโลกเขาไม่เห็นกัน แต่เราเห็นชีวิตภายใน ชาวโลกส่วนมากเขาจะเห็นกายมนุษย์ละเอียดตอนเขาหลับฝันไป แต่ไม่รู้จักว่า เป็นกายฝัน เหมือนตัวเราเองออกไปทำหน้าที่ฝัน ตื่นขึ้นมาเราก็ยังระลึกได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่ว่ากายนั้นเวลาตื่นไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากว่า เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดได้ จะมีความรู้สึกปีติสุข ภาคภูมิใจว่า คนอย่างเราเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ได้ มีชีวิตที่สูงส่งกว่าชีวิตของคฤหัสถ์ไปอีกเท่าตัว อีก ๑๐๐ …

๒๑. มหัศจรรย์ความรู้ภายใน Read More »

๒๐. ทำไมต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง

ทำไมต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง เราฝึกใจให้หยุดนิ่ง เพื่อความสุขทั้งในปัจจุบัน และเป็นความปลอดภัยในชีวิต ในสังสารวัฏ เมื่อใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ สติก็เกิดขึ้น เมื่อสั่งสมมากเข้าก็เป็นมหาสติ สติมีที่ใด ปัญญาก็เกิดขึ้นที่ตรงนั้น เมื่อสั่งสมมากเข้าก็เป็นมหาปัญญา มหาปัญญาบังเกิดขึ้นก็จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ไม่ผิดพลาด จะมีความสุข ปีติ และภาคภูมิใจอยู่ตลอดเวลา บุญก็จะบังเกิดขึ้นควบคู่กับภารกิจในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะครองเรือน ทำมาหากิน เรียนหนังสือ หรือจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ จะทำให้มโนปณิธานของเราที่ตั้งมั่นดีแล้วมั่นคงยิ่งขึ้น พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเป็นสุขด้วยตัวของตัวเองด้วยใจหยุดนิ่งอย่างนี้แหละ ท่านจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะใจหยุดแล้ว ไปอยู่ป่า อยู่เขา ห้วย หนอง คลอง บึง ที่ไหนๆ ก็อยู่ได้ การฝึกใจให้หยุดนิ่งสำคัญ ทุกคนต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้ให้มากๆ เพราะยังมีสิ่งที่เราจะต้องศึกษาเรียนรู้อีกเยอะ ที่นอกเหนือจากความรู้ปกติที่เราได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง หรือได้ตรึกนึกคิด เป็นความรู้ที่สิ่งเหล่านี้ไปไม่ถึง ความคิดจินตนาการไปไม่ถึง ที่สำคัญเป็นเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต เกิดประโยชน์ด้วย และถูกวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วย ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) …

๒๐. ทำไมต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง Read More »

๑๙. เดินตามรอยพระพุทธองค์

เดินตามรอยพระพุทธองค์ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด จำกัดในการสร้างบารมี ในการสร้างความดี เราได้ยินได้ฟังว่า อายุเฉลี่ยของมนุษย์ในยุคนี้ ๗๕ ปี ก็อย่าเพิ่งไปคิดว่า เราเหลือเวลาอีกตั้งนานหลายสิบปี กว่าจะไปถึงอายุขนาดนั้น นั่นเราคิดไปเองนะว่า เราจะมีอายุยืนไปถึงตรงนั้นหรือยิ่งกว่านั้น แต่ความเป็นจริงเรามีวิบากกรรมเหมือนเป็นระเบิดเวลาที่ติดตามตัวเราเหมือนเงาตามตัวตลอดเวลา ซึ่งคอยจังหวะโอกาสที่จะได้ช่องระเบิดตูมตามตลอดเวลา บางทีทำให้เราต้องเสียทรัพย์สินบ้าง อวัยวะบ้าง หรือบางทีทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ก่อนถึงอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ ๗๕ ปี ก็มี บางคนตายตั้งแต่ปฐมวัยบ้าง วัยรุ่นบ้าง วัยหนุ่ม วัยสาว วัยกลางคน วัยชรา ตายได้ทุกวัยเลย เพราะฉะนั้นอย่าคิดเอาเองว่า อายุของเราจะไปถึงตรงนั้น คิดอย่างนั้นเขาเรียกว่า เรากำลังชะล่าใจ กำลังประมาทในชีวิต เราต้องคิดแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ความตายมีอยู่ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ลมเข้าแล้วไม่ออกก็ตาย ลมออกแล้วไม่เข้าก็ตาย หรือไม่เข้าไม่ออกก็ตายอีกเหมือนกัน ตายได้ตลอดเวลา ต้องคิดอย่างนี้ เมื่อเรามีชีวิตอยู่แค่ช่วงลมหายใจเข้าออก เราควรจะใช้เวลาช่วงสั้นๆ นี้อย่างไร จึงจะมีคุณค่ามากที่สุด จะไปแสวงหาทรัพย์ ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่ง อำนาจ วาสนา หรือว่าจะมาแสวงหาพระรัตนตรัย …

๑๙. เดินตามรอยพระพุทธองค์ Read More »

๑๘. บวชแล้วอย่าสึก

บวชแล้วอย่าสึก บวชแล้วอย่าสึก สโลแกนที่ว่า “สึกแต่หนุ่ม” นั้นลบทิ้งไปเสีย ต้องเขียนใหม่ว่า “บวชแต่หนุ่ม” เพราะร่างกายยังแข็งแรง จะได้ลุยงานพระศาสนากันได้เต็มที่ บวชแล้วอย่าสึก เดี๋ยวก็วัน เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว ดูพระเทวทัตขนาดทำชั่วขนาดนั้น ยังไม่ยอมสึก โดนธรณีสูบไปครึ่งตัว ยังไม่ยอมสึก ขนาดธรณีสูบถึงคอ ก็ยังไม่ยอมสึก ไปอยู่ในอบายภูมิ อยู่ในอเวจีมหานรก แม้ปัจจุบันนี้ เขายังเรียก “พระเทวทัต” อยู่เลย พระเทวทัตยังไม่ยอมสึก แล้วเราจะสึกทำไม เราพระดีๆ พระแท้อย่างนี้ สึกไปทำไม? ต้องบวชกันต่อไป ลุยสร้างบารมีกันไปจนกว่าทั่วโลกจะเข้าถึงธรรม อย่างนี้จึงจะถูกหลักวิชชานะลูกนะ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

๑๗. มาตุคาม

มาตุคาม ในพรรษานี้เราตั้งใจอะไรไว้ เราก็ต้องมานึกทบทวนกันให้ดี ที่สำคัญก็คือ ความเป็นพระที่แท้จริง กับเป้าหมายของพระ พระแท้ คือ ผู้ที่ประพฤติถูกต้องตามธรรมวินัย เราจะต้องสำรวจตรวจตราดูว่า ความเป็นพระของเรายังสมบูรณ์ดีอยู่ไหม ทั้งความคิด คำพูด และการกระทำของเราสมบูรณ์ไหม ยังมีสิ่งที่เราจะต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เป็นพระสมบูรณ์ขึ้นอีกกี่อย่าง บางทีเรามุ่งเรื่องงานมากเกินไปจนลืมเรื่องความเป็นพระของเรา พรรษานี้หลวงพ่ออยากจะเน้นให้ลูกๆ ทุกรูปหวนกลับคืนมาสู่ธรรมวินัยที่สมบูรณ์ขึ้น > สิ่งอะไรที่เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ต่อการกุศล เราก็รู้อยู่ แต่บางทีเราก็ชะล่าใจ จนกระทั่งเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิด ไม่มีระยะห่างระหว่างเรากับคฤหัสถ์ ซึ่งอันตรายมาก บางครั้งเราเพลี่ยงพล้ำกระทำให้จิตเราไม่บริสุทธิ์ คำพูดและการกระทำไม่บริสุทธิ์ นึกเมื่อไรก็ไม่สบายใจ เพราะฉะนั้นปีนี้ พรรษานี้ ต้องเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ เกี่ยวกับการคลุกคลีกับสิ่งที่เป็นข้าศึกกับพรหมจรรย์ เราจะไปโทษมาตุคามหรือเพศตรงข้ามไม่ได้ มันต้องโทษที่ตัวเรา รักษาใจได้แค่ไหน วางตัวได้เหมาะสมแค่ไหน อยู่ในฐานะพระที่อยู่บนหิ้งบูชา หรือว่าเสมอเหมือนกับคฤหัสถ์ มันต้องดูตรงนี้ โดยเฉพาะพระอาจารย์ที่ต้องออกไปทำหน้าที่ต่างจังหวัดไกลๆ ก็ต้องระมัดระวังให้ดี คุ้มครองตัวเองให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในยวดยานพาหนะ ในอาคารบ้านเรือน หรือที่ไหนก็แล้วแต่ ระมัดระวังตรงนี้ให้ดี อย่าอยู่กันตามลำพัง เดี๋ยวพญามารจะได้ช่องสอดละเอียดเข้ามา สอนให้เราคิดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ แล้วจะทำให้เราเสียใจในภายหลัง จะไม่สบายใจในการอยู่ร่วมกับหมู่คณะที่เขาบริสุทธิ์กัน เพราะฉะนั้นต้องมีช่องว่างนะลูกนะ …

๑๗. มาตุคาม Read More »

๑๖. คู่ปรับของวัยหนุ่ม

คู่ปรับของวัยหนุ่ม ลูกทุกรูปยังอยู่ใน “วัยหนุ่ม” เป็นวัยที่แข็งแรง ถ้าเอาชนะความกำหนัดยินดีในกามได้ อะไรก็เรื่องเล็ก เราจะได้เอาพลังอันนี้ มุ่งไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้อย่างดีที่สุด ถ้าเราเอาชนะความกำหนัดยินดีในกามได้ อะไรก็ไม่มีความหมายสำหรับเราในทางโลก เราก็จะมุ่งไปถึงที่สุดได้ ในวัยที่มีความพร้อม แต่เขาก็ทำผังสำเร็จมาว่า ในวัยนี้จะมีพลังที่จะสร้างสืบพันธุ์มนุษย์แบบสัตว์โลกทั้งหลายที่จะต้องขยายพืชพันธุ์กันไป เพราะฉะนั้นก็จะมีพันธะของชีวิต “พันธะของชีวิต” นี้เป็นเครื่องผูกหย่อนๆ ที่เรามองไม่เห็น แต่มันเป็นเครื่องผูก ทำให้เป็นเครื่องกังวลใจ ความกังวลใจจะเหนี่ยวรั้งให้เราอยู่กับสิ่งที่หยาบๆ สิ่งที่เป็นทุกข์ สิ่งที่เป็นปัญหา มีแรงกดดันรอบด้าน แต่ถ้าหากเราเอาชนะสิ่งนี้ได้ ไม่ให้สิ่งนี้ครอบงำใจเรา อะไรๆ ในโลกนี้ ก็ไม่มีความหมายสำหรับเรา ตอนนั้นแหละพลังเราจะเหลือเฟือ มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้ แต่ถ้าหากเรายอมแพ้ ไม่ยอมชนะ คือ ยอมแพ้เสียจนเคยชิน มันก็จะแพ้เขาอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าหากเรายอมชนะสักครั้งหนึ่ง เอาวัยที่แข็งแรงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ทหาร “ทหรํ” (ทะ-หะ-รัง) คือ วัยหนุ่ม เป็นทหารมุ่งค้นหาที่สุดแห่งธรรม ที่สุดของตัวเองได้ นี่คือพลังที่สำคัญมาก พลังที่พญามารกลัวมากๆ กลัวพลังหนุ่ม ที่มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ กลัวพลังหนุ่ม ที่เอาชนะความกำหนัดยินดีในกามได้ “พลังหนุ่ม” เป็นสิ่งที่พญามารกลัวมากๆ เพราะถ้าหากทุ่มใจเป็นหนึ่งได้ นั่งสมาธิไม่ค่อยเมื่อย …

๑๖. คู่ปรับของวัยหนุ่ม Read More »