krirk

๑๕. อย่าชักศึกเข้าบ้าน

อย่าชักศึกเข้าบ้าน ให้รักษาความบริสุทธิ์ของกายวาจาใจให้ดี จะคิด จะพูด จะทำอะไร ก็ให้เป็นทางมาแห่งบุญกุศล ความดีงาม ความบริสุทธิ์ อย่าให้บาปอกุศลได้ช่อง อย่าไปชักศึกเข้าบ้าน คือ ไปนึกคิดในสิ่งที่ทำให้ใจเราเร่าร้อน โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ต่อการกุศล ก็คือ ความกำหนัดยินดีในกามนี่แหละ เรายังอยู่ในวัยที่แข็งแรง เลือดลมในตัวมันฉีดแรง เชื้อนี้มีอยู่ ต้องระมัดระวัง อย่าให้มันกำเริบขึ้น สื่ออะไรที่ไม่เป็นกุศล อย่าเข้าใกล้ จะพูดจะคุยกับมาตุคาม (ผู้หญิง) ให้พูดคุยในเรื่องที่เป็นกุศล อย่าไปเลียบๆ เคียงๆ พูดคุย แล้วเป็นการชักนำบาปอกุศลเข้ามาในตัวเรา พอคุ้นเคยกันหนักเข้า มันก็จะเลียบๆ เคียงๆ พูดคุยกันในเรื่องที่จะทำให้ประกอบตนพัวพันไปด้วยกาม ต่างก็เร่าร้อนด้วยกันทั้งคู่ และก็จะมีโอกาสพลาดพลั้ง ตรงนี้ต้องระวังนะลูกนะ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ …

๑๕. อย่าชักศึกเข้าบ้าน Read More »

๑๔. มรดกธรรมจากคุณยายอาจารย์ฯ

มรดกธรรมจากคุณยายอาจารย์ฯ คุณยายอาจารย์ฯ ท่านถือความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ ท่านรักความสะอาดมากจนกระทั่งเวลาอยู่ใกล้ๆ ท่าน เราจะรักความสะอาดไปด้วย โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย คุณยายได้วางระเบียบแบบแผนสำหรับวัดพระธรรมกายไว้ว่า จะทำให้เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของโลก ท่านสอนว่า บุญสถานนี้เป็นที่ตักตวงบุญ ให้ใช้ดวงปัญญาเอาว่า จะตักตวงบุญแค่ไหน เห็นใบไม้ตกอยู่บนถนนก็ให้เก็บไปใส่ถุงขยะ เห็นหยากเยื่อหยากไย่ที่ติดตามมุ้งลวดหรือเพดานต้องปัดกวาดออก เพราะมันกันทรัพย์สมบัติที่จะไหลมาหาเรา แล้วก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยกันต้อนรับผู้มาเยือน ท่านอบรมลูกหลานอย่างนี้เรื่อยมา บางสถานที่ที่น่ารังเกียจ อย่างในห้องน้ำ ท่านก็ลงมือทำเอง ล้วงคอห่านเอง ทำความสะอาดราวกับว่าเป็นสถานที่พิเศษ ท่านสอนว่า “ห้องน้ำ คือ ห้องรับแขก อย่ารังเกียจ ต้องทำให้สะอาด เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีคุณธรรมจะช่วยลดมานะทิฏฐิในตัวเรา ใครได้เข้าห้องน้ำที่สะอาด เขาจะชื่นชม และมีความรู้สึกว่า เราให้เกียรติเขา เหมือนต้อนรับแขกผู้ยิ่งใหญ่ที่มาเยือนบ้าน แล้วสิ่งดีๆ จะตามมา” ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ / ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ …

๑๔. มรดกธรรมจากคุณยายอาจารย์ฯ Read More »

๑๓. คำสอนคุณยาย

คำสอนคุณยาย คุณยายอาจารย์ฯ* ท่านเคยสอนหลวงพ่อบ่อยๆ ว่า ให้มองข้ามข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์เสียบ้าง ใจเราจะได้เบาสบาย แล้วก็ให้เอาความสบายนั้นมาปฏิบัติธรรม จะได้เข้าถึงธรรมได้อย่างง่ายๆ จะได้สมหวังในชีวิต ถ้าไปติดในข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ คนไกล หรือใครๆ ก็ตาม เอามาคิดแล้วมันก็กลุ้ม ยิ่งมาปรุงแต่ง มาขยายความคิด ก็ยิ่งขยายความทุกข์ เมื่อขยายความทุกข์ ใจก็หนัก ไม่เบาสบาย ถ้าใจหนักอย่างนี้ ขุ่นมัวเร่าร้อนอย่างนี้ ก็จะห่างไกลจากการเข้าถึงธรรม จากการเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ท่านก็อบรมพร่ำสอนอย่างนี้เรื่อยมา ท่านสอนว่า มนุษย์ทุกคนไม่สมบูรณ์หรอก ทั้งทางความคิด คำพูด และการกระทำ ถ้าสมบูรณ์ก็ไปนิพพานหมดแล้ว แต่ว่าเพราะไม่สมบูรณ์ ถึงต้องมาอยู่ในโลกนี้ เมื่อไม่สมบูรณ์ก็ต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง ซึ่งแสดงออกมาทางความคิด ทางคำพูด ทางการกระทำ เราก็อย่าไปถือสา เอามาเป็นอารมณ์ ถ้าถือสา มันก็เป็นเรื่องเป็นราว ถ้าไม่ถือสามันก็เป็นลมเป็นแล้ง เพราะฉะนั้น สุขทุกข์อยู่ที่ตัวเรา เราอยากจะมีสุข เราก็ต้องปล่อยไปตามเรื่องตามราวของมัน ถ้าอยากจะมีทุกข์ เราก็ไปถือเอาไว้ ถือสาหาความเขาว่า ไม่น่าพูดอย่างนั้นกับเรา ไม่น่าจะทำอย่างนี้กับเรา และก็นำมาปรุงแต่ง …

๑๓. คำสอนคุณยาย Read More »

๑๒. อานิสงส์สร้างบรรยากาศที่ดี

อานิสงส์สร้างบรรยากาศที่ดี การที่เราช่วยประคับประคองใจของเรา ของพี่น้องวงธรรมะให้มีอารมณ์ดีอารมณ์เดียว จะมีอานิสงส์ คือ จะไปเกิดกี่ชาติเราจะอารมณ์ดีตลอด จะไม่มีใครมาทำให้เราอารมณ์เสียเลย จะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเราในทุกภารกิจให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างสะดวกสบาย ง่ายดาย จะมีพรรคพวกที่ดีมากมายมาคอยเป็นกัลยาณมิตร ถ้าเรามีพรรคมีพวกความสะดวกมันก็มี จะสร้างบารมีก็สะดวก ถ้าไม่มีพรรคพวก การสร้างบารมีต้องใช้กำลังใจมาก ต้องอดทนอดกลั้นมาก เพราะฉะนั้น แค่เราลงทุนรักษาใจเราให้ใสๆ เป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด หรือตรึกอยู่ในองค์พระ ในดวงบุญของเรา มีความตั้งใจว่า วันนี้เราจะเอาบุญให้เต็มที่ เต็มเม็ดเต็มหน่วย แค่นี้เราก็ได้ชื่อว่า มีส่วนในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ช่วยประคองใจของพี่น้องวงธรรมะให้อยู่ในบุญล้วนๆ เพียงแค่นี้เราก็ได้อานิสงส์ใหญ่แล้วนะลูกนะ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

๑๑. แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง

แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง การอยู่รวมกันเป็นหมู่นี้ อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะมันไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน ต่างคนต่างจิตต่างใจ มีความแตกต่างกันหลายอย่าง เรามารวมกันเพื่อเข้ามาสู่ความเหมือน ก็อย่าให้สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหา ให้ต่างก็ช่วยกันประคับประคอง เป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน เกื้อกูลกัน อย่าถือสากัน ถ้าไม่ถือสามันก็เป็นลมเป็นแล้ง ถ้าถือสามันก็เป็นเรื่องเป็นราว ถ้าเราขุ่นมัวกับใครสักคนหนึ่ง หรือแม้กับสิ่งแวดล้อม ก็จะมีผลต่อการปฏิบัติธรรม จะมีผลกระทบต่อใจหยุดใจนิ่งของเรา อะไรที่เราพออะลุ่มอล่วยกันได้ เราก็อย่าไปถือสากัน ประคับประคองกันไป ให้เบิกบาน ยิ้มแย้ม แจ่มใส มีความสุข ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

๑๐. การศึกษาพระบาลี

การศึกษาพระบาลี ในช่วงใกล้นี้ เรากำลังจะสอบกัน ใครที่กำลังจะสอบก็ให้ตั้งใจดูหนังสือกันให้ดีนะลูกนะ อย่าให้ใจซัดส่ายไปที่อื่น แล้วก็อย่าลืม การสอบทุกครั้ง จะเป็นเพียงเครื่องพิสูจน์ว่า เราเข้าใจในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากน้อยเพียงไหน ต้องดูตรงนี้เป็นเกณฑ์ เพราะฉะนั้นจะศึกษาตำรับตำราอย่างไรก็ตาม ให้ศึกษาเพื่อที่จะเรียนรู้ทำความเข้าใจต่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษาให้เข้าใจ ส่วนการสอบได้นั้นเป็นผลพลอยได้เท่านั้น ให้มุ่งตรงนี้เป็นหลัก ให้มีความสุขและสนุกต่อการศึกษา และให้ศึกษาด้วยความเคารพ เหมือนอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ต้องทำความรู้สึกอย่างนี้อย่างแท้จริง เพราะถ้าหากว่าไม่มีพระองค์ท่าน คำสอนนี้ก็ไม่มี ถ้าไม่มีคำสอน เราจะดำเนินชีวิตได้ไม่ถูกต้อง คำสอนนี้จึงเปรียบประดุจตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเราต้องศึกษาด้วยความเคารพ เพื่อนต่างศาสนิกของเรา เวลาที่เขาจะอ่านคัมภีร์ เขายังต้องกราบ ต้องยกมือไหว้ เอาคัมภีร์ไว้ในที่สูง ร่ำเรียนศึกษาเหมือนอยู่ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า เหมือนสิ่งนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าทีเดียว ของเราก็ควรจะเป็นเช่นนี้ จะอ่านตำรับตำรา จะเป็นพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก ตำราเล่มไหนก็ตาม หรือจะที่ไหนก็แล้วแต่ จะอยู่คนเดียว หรือจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็ให้ศึกษาด้วยความเคารพในพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ศึกษา เพื่อจะได้นำคำสอนนั้นมาสั่งสอนตัวเอง มาฝึกฝนอบรมตัวของเราให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ เช่นเดียวกับพระองค์ท่าน หรือหลุดพ้นเช่นเดียวกับพระองค์ท่านได้ ศึกษากันให้ได้อย่างนี้นะ ในช่วงนี้ขอให้เอาใจจดจ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี ส่วนหนังสืออื่นๆ ที่อ่านดูแล้วทำให้ใจของเราเร่าร้อน กระสับกระส่าย ทุรนทุราย …

๑๐. การศึกษาพระบาลี Read More »

๙. อย่าขาดกิจวัตรกิจกรรม

อย่าขาดกิจวัตรกิจกรรม แม้ว่าเราจะมีภารกิจมากมายเพียงใดก็ตาม แต่กิจวัตรกิจกรรมเราก็ต้องทำควบคู่กันไป เราต้องพยายามบริหารเวลาของชีวิตให้ได้ จัดสรรเวลาสำหรับกิจวัตรและกิจกรรมให้ลงตัวให้ได้ ใครมีหน้าที่อะไรที่หมู่คณะมอบหมาย เราก็ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ กิจวัตรของเรา สวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และนั่งภาวนา เราก็ยังต้องทำอยู่ และต้องทำตลอดชีวิต การสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และนั่งภาวนา จะช่วยกลั่นธาตุธรรมของเราให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้เรา เข้าถึงจุดแห่งการหยุดนิ่งได้เร็วเข้า เพราะภารกิจของเรา มีมาก จะทำให้อารมณ์หยาบ กายหยาบ วาจาหยาบ และใจหยาบ ถ้าหากเราใช้เวลาช่วงเช้าช่วงกลางคืนสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และปฏิบัติธรรม กายวาจาใจของเราจะสะอาดบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น จะหยุดนิ่งได้ง่าย และสิ่งที่เราคิดว่ายาก ก็จะเป็นของง่ายสำหรับเรา นั่นคือเราจะได้บรรลุธรรมกาย และเข้าถึงวิชชา เพราะฉะนั้นอย่าขาดกันนะ ดูตัวอย่างหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเล่าให้ฟังด้วยความปีติ และเล่าให้ฟังบ่อยๆ แล้วก็มีบันทึกไว้อยู่ในเทปด้วยว่า ผู้เทศน์นี้บวชได้วันหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งปฏิบัติธรรมไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว จนกระทั่งบัดนี้ บัดนี้ทั้งเรียนทั้งสอนด้วย คือศึกษาวิชชาธรรมกายเข้าไปภายใน แล้วก็สอนด้วย นั่นหมายถึงว่า กิจวัตรกิจกรรมของท่านไม่เคยขาดเลย หลวงพ่อก็หวังว่า ลูกชายหญิงทุกคนคงจะทำสิ่งนี้ให้ต่อเนื่องกันไป จะได้เป็นบารมีของเราด้วย และผลในปัจจุบันนี้ก็จะทำให้ธาตุธรรมของเราสะอาด บริสุทธิ์ เข้าถึงจุดแห่งการหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด …

๙. อย่าขาดกิจวัตรกิจกรรม Read More »

๘. คิดพูดทำแบบพระ

คิดพูดทำแบบพระ ตอนนี้เราเป็นพระ ให้คิดแบบพระ พูดแบบพระ และทำแบบพระ ทำแค่ ๓ อย่างนี้เท่านั้น ไม่ต้องเยอะ คิดพูดทำแบบพระที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นอย่าให้ใจเราออกนอกเส้นทาง หรือไปคิดเรื่องที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน หรือทำภารกิจอะไรก็ตาม จะกิน จะดื่ม จะทำ จะพูด จะคิด หยุดนิ่ง ลิ้มรส เหยียดแขน คู้แขน กลับหน้า กลับหลัง หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้มีเพื่อน อย่าทำตามลำพัง คือ ต้องมีพระอยู่ในตัวเป็นเพื่อนคู่ใจอยู่ตลอดเวลา ถ้าทำอย่างนี้แล้ว เดี๋ยวความรู้สึกว่า เป็นพระ จะเป็นไปเอง โดยที่เราไม่ต้องไปเคร่งครัดหรือสำรวมระวังอะไร เพราะความรู้สึกของเราอยู่กับพระ แล้วคุณสมบัติของพระก็จะถ่ายทอดมาเป็นคุณสมบัติของเรา ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ …

๘. คิดพูดทำแบบพระ Read More »

๗. ชีวิตสมณะผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร

ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เพื่อความไม่ประมาทในการใช้กายมนุษย์หยาบ ก็ต้องทำให้ถูกวัตถุประสงค์ของชีวิต ตามที่พระอริยเจ้า บัณฑิต นักปราชญ์ เขาดำเนินชีวิตกัน มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นต้นบุญต้นแบบในการดำเนินชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ผ่านชีวิตของการเวียนว่ายตายเกิดมามากพอแล้ว ฝึกฝนอบรมตนพัฒนากายวาจาใจมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดเป็นชนชั้นล่าง ชั้นกลาง หรือชั้นสูง แล้วก็สรุปสูตรชีวิตว่า เพศบรรพชิตประเสริฐที่สุด มีโอกาสมากกว่าในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง สามารถดับทุกข์ได้ พ้นทุกข์ได้ เพราะไม่มีเครื่องพันธนาการของชีวิตมากเท่ากับชีวิตของคฤหัสถ์ มีเครื่องพันธนาการชีวิตเพียงเล็กน้อย แค่บริขาร ๘ ที่จะคอยดูแลกายและใจ มีเป้าหมาย คือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง ชีวิตสมณะจึงเหมือนนกน้อยมีแต่ปีกและหางที่โผบินไปในอากาศ คือ เป็นอิสระจากเครื่องพันธนาการของชีวิตไม่เหมือนชีวิตคฤหัสถ์ มีเวลาที่เหลือมาทำความเพียร ฝึกใจให้หยุดให้นิ่งอย่างเดียว เพราะ “หยุดเป็นตัวสำเร็จ” ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ …

๗. ชีวิตสมณะผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร Read More »

๖. เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง

เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ถ้าเราจับหลักของชีวิตได้ว่า อะไรคือเป้าหมายชีวิต การดำรงชีวิตก็จะถูกต้อง หลักของชีวิตจะต้องศึกษาจากท่านผู้รู้ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทรงผ่านชีวิตมาทุกระดับแล้ว และได้บทสรุปของชีวิตว่า เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง และพระองค์ก็ทรงทำให้แจ้งแล้วด้วยพระองค์เองมีพระมหากรุณาทรงแนะนำสั่งสอนทั้งมนุษย์และเทวา และมีผู้ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ได้บรรลุมรรคผลนิพพานกันเยอะแยะ เกิดมาแล้วต้องจับหลักตรงนี้ให้ได้ อย่าไปจับหลักของผู้ไม่รู้นะ ของผู้ไม่รู้มันก็สะเปะสะปะเรื่อยเปื่อยกันไป บางคนบอกตายแล้วสูญ บางคนบอกตายแล้วไปอยู่บนสวรรค์บาปกรรมมีมากน้อยเท่าไรทำไปเถิด อย่างนี้ก็ลุยกันสะบั้นหั่นแหลกเลย บางพวกก็บอกว่า ต้องกินต้องดื่มคือหลักของชีวิต ขืนเชื่ออย่างนี้ ได้ไปดื่มในอบาย ๖,๐๐๐ กว่าล้านๆ ปีมนุษย์ มันหลากหลาย อันตรายนะลูกนะ เกิดมาแล้วต้องจับหลักของชีวิตให้ถูกตามที่ผู้รู้ท่านได้สั่งสอน แต่การที่ใครจะมาได้ยินได้ฟังธรรมของท่านผู้รู้ที่สมบูรณ์อย่างนี้ ก็ไม่ใช่ง่าย ต้องสั่งสมบุญบารมีมามาก ทำทุกๆ บุญ แล้วก็อธิษฐาน นิพพานะปัจจะโย โหตุ คือ ตั้งความปรารถนาที่จะพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือเกิดอยู่ในร่มเงาศาสนาของท่าน เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ตอนนี้เราเกิดอยู่ในร่มเงาศาสนาของท่าน อยู่ในคำสอนของท่าน ถือว่าเป็นผู้มีบุญมากๆ เมื่อเรารู้แล้วว่า เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หรืออย่างน้อยก็เกิดมาสร้างบารมี ก็เหลือแต่เราต้องลงมือทำเท่านั้น ทำบารมี ๑๐ ทัศ ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา …

๖. เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง Read More »

๕. การขอขมาลาบวช

การขอขมาลาบวช การขอขมาก่อนอุปสมบทเป็นสิ่งจำเป็น เพราะชีวิตในสังสารวัฏ เราต่างเคยเกิดเป็นอะไรต่ออะไรกันมาเยอะแยะ เป็นโน่น เป็นนี่ เป็นนั่น คือ มีความเกี่ยวพันกันไปหมด แต่ไม่น่าเชื่อว่า เราลืมไปหมด เพราะมันมีบางสิ่งมาบดบัง ไม่ให้เรารู้ คือ “อวิชชา” มันมาบดบัง มันหุ้มมันเคลือบในใจเรา หุ้มไปหมดเลย ปิดหู ปิดตา ปิดความรู้ข้างนอก ข้างใน จนไม่รู้เลยว่า เคยมีความเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏนี้ เมื่อพระกับมารยังปะทะกันอยู่ บุญกับบาป มืดกับสว่าง กุศลกับอกุศลกรรม มันปะทะกันอยู่นี้ในทุกชาติที่เกิดมา โอกาสที่อกุศลเข้าสิงจิตมีอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราเผลอสติ เมื่อใจเราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็ขาดดวงปัญญา พอขาดดวงปัญญา ปัญหาก็เกิดขึ้น แล้วก็เป็นวิบากกรรมติดมา ดังนั้น ก่อนที่จะอุปสมบท การกล่าวขอขมาลาบวชจึงเป็นสิ่งจำเป็น สำคัญอย่างยิ่ง เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ดี แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะทำตามธรรมเนียมเท่านั้น แต่ว่าเป็นความตั้งใจจริงด้วย เพราะฉะนั้นที่เคยมีการล่วงเกินกันบ้าง ในข้อผิดพลาดของเราและเพื่อนมนุษย์ ก็จะได้ล่มสลายหายไป แปลว่า เราก็ใจใส ผู้ที่เตรียมตัวจะบวชก็ใจใส ต่างก็ใจใสด้วยกันทั้งคู่ บุญกุศลก็จะเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ …

๕. การขอขมาลาบวช Read More »

๔. วัตถุประสงค์และอานิสงส์การบวช

วัตถุประสงค์และอานิสงส์การบวช วัตถุประสงค์ของการบวชมีเพียงประการเดียว คือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง ไม่ว่าจะบวชสั้นหรือบวชยาวก็ตาม แม้บวชเพียงวันเดียว วัตถุประสงค์ก็มีอย่างเดียวเท่านั้นคือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง การบวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งและตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ จึงจะได้ชื่อว่า เป็นเนื้อนาบุญ เป็นอายุพระศาสนา ถูกวัตถุประสงค์ของการบวช บวชอย่างนี้จึงจะมีอานิสงส์มากถึง ๖๔ กัป คือ ปิดประตูอบาย ไม่ต้องไปมหานรกถึง ๖๔ กัป จะเกิดกี่ครั้งก็แล้วแต่ ปิดประตูอบาย ไม่ไปมหานรกสำหรับตัวเอง โยมพ่อโยมแม่ก็ได้ครึ่งหนึ่ง ๓๒ กัป ผู้มาอนุโมทนาลดหย่อนลงไปตามส่วน แต่ถ้าหลายๆ องค์ก็เอามาคูณกันไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่า ใครปลื้มมาก ปลื้มน้อย นี่ก็เป็นวัตถุประสงค์และอานิสงส์โดยย่อของการบวช ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

๓. วัตถุประสงค์การเกิดเป็นมนุษย์

วัตถุประสงค์การเกิดเป็นมนุษย์ ชีวิตในสังสารวัฏนี่ อตร. อันตราย เราเป็นพระเป็นเณร เราเห็นภัยในวัฏสงสาร แต่ว่าน้อยคนในโลกนี้ที่จะเห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านผู้รู้ท่านเห็น เมื่อท่านเห็น ท่านถึงได้สอนว่า มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วต้องมาสร้างบารมีนะ ที่สำคัญที่สุดคือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง นี่เป็นหลักเลย ถ้าหากว่าไม่หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปสู่นิพพานแล้วละก็..อันตราย ถ้าจะอยู่ในวัฏสงสาร ภัยมันเยอะ สารพัดภัย ภัยจากสัตว์ร้าย ของร้าย คนร้าย ภัยธรรมชาติ ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ภัยจากกิเลสบังคับ ภัยในอบาย เยอะแยะไปหมดเลย มีทางเดียวที่จะรอดได้คือ ต้องขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น ไปนิพพานนั่นแหละ จะได้หลุดพ้นจากที่เขาบังคับเพราะฉะนั้นการทำพระนิพพานให้แจ้งจึงเป็นวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ของทุกคนในโลก จะรู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ทุกคนเกิดมาเพื่อการนี้ นอกนั้นเป็นวัตถุประสงค์รองลงมา คือ การสร้างบารมี ซึ่งก็คือการทำความดี ต้องละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส นี่เป็นหลัก ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ จับหลักตรงนี้ให้ได้ ฉะนั้น เรามีทางเลือกอยู่ทางเดียวที่จะเป็นทางรอด คือ ต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้ ชีวิตจึงจะปลอดภัย ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ พระธรรมเทศนา โดย …

๓. วัตถุประสงค์การเกิดเป็นมนุษย์ Read More »

๒. ชีวิตอันทรงคุณค่า

ชีวิตอันทรงคุณค่า ชีวิตของนักรบกองทัพธรรม ผู้ได้อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา เป็นชีวิตที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าชีวิตของจอมจักรพรรดิ หรือยิ่งกว่าชีวิตใดๆ ในโลก เพราะเป็นชีวิตที่มีเกียรติสูงสุด ไม่ใช่มีเกียรติเฉพาะในเมืองมนุษย์นี้เท่านั้น แต่มีเกียรติสูงสุดในสัมปรายภพ ในเทวโลก เพราะว่านักรบกองทัพธรรมเป็นผู้ทำงานที่ยิ่งใหญ่และหนักที่สุด นั่นคือ งานสร้างสันติสุขอันไพบูลย์ให้บังเกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ การที่พวกเราได้ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางธรรม ตั้งใจมาเป็นนักรบกองทัพธรรม ถือว่าเป็นความตั้งใจที่ดีมากๆ และดีที่สุดแล้ว เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะภารกิจนี้คืองานที่แท้จริงของเรา เราเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องทำกันต่อไป ไม่มีถอยหลังกลับ ฉะนั้นให้รู้สึกเป็นเกียรติ มีปีติ และภาคภูมิใจที่ได้รับหน้าที่นี้ หน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ เราต้องทำกันไปเป็นทีมจึงจะสำเร็จ ตราบใดที่เรายังไปไม่ถึงจุดหมาย คือ ที่สุดแห่งธรรม เราก็จะต้องร่วมมือกันต่อไป สานใจกันให้เป็นหนึ่ง ทุ่มเทชีวิตจิตใจสร้างบารมีกันให้เต็มที่ บารมีของเราก็จะได้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ บำเพ็ญบารมีให้มากที่สุดเท่าที่เรายังมีเวลาของชีวิตเหลืออยู่ในโลกนี้ การดำรงชีวิตอย่างนี้ ถือว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่าสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย คุณค่าของชีวิตอยู่ตรงที่ ใครได้ทุ่มเทสร้างบารมีมากกว่ากัน ได้ปรับปรุงแก้ไขฝึกฝนอบรมตนเองจนกระทั่งสามารถเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวได้ แล้วก็ทำหน้าที่เป็นผู้ให้แสงสว่างแก่โลก เป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร นำพาเพื่อนมนุษย์ให้เข้าไปถึงจุดแห่งความสมปรารถนา ให้เขาได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงที่เกิดจากการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ได้รู้จักเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง แล้วมีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไปสู่เป้าหมายนั้นได้ตลอดรอดฝั่ง โดยไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคใดๆ กระทั่งมีชัยชนะ ถึงจุดหมายปลายทาง ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕ …

๒. ชีวิตอันทรงคุณค่า Read More »

๑. เราเกิดมาทำไม

เราเกิดมาทำไม การเกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละครั้ง มาเพื่อสร้างบารมีเท่านั้นจริงๆ เราลองทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ถ้าเราไม่ได้มาสร้างบารมีในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หรือในทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น เราจะเห็นว่า ชีวิตของเราก็ไม่ต่างจากชีวิตนกชีวิตกาที่ตื่นเช้าขึ้นมาก็ออกไปทำมาหากิน กลับมาบ้าน ใช้ชีวิตสนุกสนานเพลิดเพลินกันไปวันๆ หนึ่ง และคอยคลี่คลายปัญหาและแรงกดดันที่เราได้รับมาในแต่ละวัน แล้วก็จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีสาระแก่นสาร ยิ่งถ้าไม่ได้รู้จักเรื่องบุญ ไม่เข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตก็มีสิทธิ์ไปอบายภูมิได้ เพราะฉะนั้น ที่เราเกิดมาและมีบุญวาสนาได้เกิดในร่มเงาของพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย เราจึงเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต และวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ว่า เราเกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมีไปสู่ที่สุดแห่งธรรม เราจึงใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง วันนี้เราจึงมีชีวิตแตกต่างจากมนุษย์ทั่วๆ ไปอีกหลายพันล้านคนในโลก ที่เขายังไม่รู้อะไรเลย เราจึงเป็นผู้ที่มีโชคดี มีบุญลาภเป็นอย่างยิ่ง ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92 ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่