krirk

15.ให้รวยก่อนแล้วค่อยมาทำบุญ !

ให้รวยก่อนแล้วค่อยมาทำบุญ ! ตอนที่ยังลำบากยากจน มีทรัพย์น้อย ก็อย่าขาดบุญ ก็ทำไปเท่าที่ เราจะทำได้ ด้วยใจที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัยก็จะเป็นทางมาแห่งบุญ จะนำเราไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้ หรือมีความสุขในปรโลกได้ บางคนเป็นมหาเศรษฐีด้วยซ้ำ มีทรัพย์ตั้งเยอะ เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน แต่ตอนเป็นมนุษย์สั่งสมแต่บาปอกุศล ตายแล้วไปตกมหานรกก็มี เพราะฉะนั้น จนแต่ทำบุญ ดีกว่ารวยแล้วทำบาป ดังนั้น อย่าไปคิดว่า ขอให้เรารวยก่อน แล้วค่อยทำบุญ ทำไปเรื่อย ๆ เท่าที่เรามีนี่แหละ มีพระผ่านหน้าบ้าน เราก็ใส่บาตรพระ พระไม่ผ่านหน้าบ้าน เราก็ ไปเลี้ยงพระที่วัด หรือไปปัดกวาดลานวัดอะไรต่าง ๆ ก็จะเป็นทางมาแห่ง บุญของเราได้ บุญบางอย่างไม่ต้องใช้ทรัพย์ บางอย่างก็ใช้ทรัพย์ บางครั้งเราไม่มี ทรัพย์ เราก็ใช้แรง หรือใช้สติปัญญาของเราไปชวนคนเขามาทำความดี มีวิธีการตั้งเยอะแยะ เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่า ให้พร้อมก่อนแล้วจึงทำบุญ ความพร้อมหาได้ยากในโลก เราต้องพร้อมเสมอนะลูกนะ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา …

15.ให้รวยก่อนแล้วค่อยมาทำบุญ ! Read More »

14.ถ้าบุญไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ

ถ้าบุญไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ชีวิตขึ้นอยู่กับบุญบาปในตัว จะประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในชีวิต ก็ต้องมีบุญอยู่เบื้องหลัง บุญทำให้เรามีรูปสมบัติ มีทรัพย์สมบัติ มีคุณสมบัติที่สมบูรณ์ มีเหตุการณ์ดี สมองแจ่มใส ความคิดอ่านดี คาดการณ์อะไรต่าง ๆ ได้ดี แล้วความคิดนั้นถูกต้องเสียด้วย เมื่อขยายมาสู่คำพูด คำพูดก็มีพลัง แจ่มแจ้ง ใครฟังแล้วก็เชื่อตาม ทำตาม พอลงมือทำทางกายก็ประสบความสำเร็จ แต่พอถึงตรงนี้ ถ้าหากว่าขาดความรู้เรื่องบุญบาป เราก็มักจะ คิดว่าเป็นเพราะความรู้ความสามารถของตัวเราเอง แล้วอติมานะก็จะ เข้ามา จะมีทิฐิมานะว่า เราเก่งด้วยฝีมือของเรา เลยลืมคิดไปว่า คนเก่งกว่า เราก็เยอะ แต่เขาไม่ประสบผลสำเร็จ จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้เก่งเกินกว่าเขา แต่เราประสบความสำเร็จ เพราะว่าบุญนี่แหละมันอยู่ฉากหลัง ต่อให้มือถึง ใจถึง ทีมถึง ทุนถึง แต่ถ้าบุญไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าบุญถึง…สำเร็จ ! บุญบาปนี่แหละคอยชักใยอยู่ข้างหลัง ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) …

14.ถ้าบุญไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ Read More »

13.อานิสงส์แห่งบุญ

อานิสงส์แห่งบุญ ทำบุญสงเคราะห์โลก อานิสงส์น้อยกว่าทำบุญในแหล่งเนื้อนาบุญ แต่เราก็ต้องทำควบคู่กันทั้งสองอย่าง แต่ถ้าถามว่า อย่างไหนได้มากกว่า? ก็ต้องในแหล่งเนื้อนาบุญ แต่ถามว่า ควรทำสิ่งใด? ก็ต้องทำทั้งสองอย่าง “บุญ” จะช่วยให้เรามีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติเป็นอุปกรณ์ สร้างบารมีต่อไปในภพเบื้องหน้า เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีก โดยเฉพาะเรามีมโนปณิธานที่จะ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ซึ่งการที่จะไปอยู่ตรงนั้นได้ต้องมีบุญบารมีมาก บารมี ๑๐ ทัศ หรือ ๓๐ ทัศ จะได้มาก็ต้องสร้างเอง ทำแทนกันไม่ได้ บุญหล่นทับไม่มี และต้องทำตอนมีกายมนุษย์ เพราะกายมนุษย์เท่านั้น ที่สร้างบารมีได้เต็มที่ ตอนนี้เรามาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว แต่อุปกรณ์การสร้างบารมีของ เรายังไม่พร้อม ให้เราสังเกตว่า ปัจจุบันครอบครัวของเราเป็นอย่างไร สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร สมัครพรรคพวกพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นอย่างไร เราขาดตกบกพร่องอะไร รูปสมบัติ ของเราในชาตินี้ ไม่เฉพาะแต่ความงาม แต่หมายถึง ความแข็งแรงด้วย ยังพร่องกันอยู่ เราจะต้องเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ให้สมบูรณ์ ทรัพย์สมบัติ ก็เช่นเดียวกัน มีเนื้อนาบุญ มีศรัทธา แต่ขาดโภคทรัพย์ สมบัติ ความตั้งใจของเราก็จะไม่สมหวัง เพราะฉะนั้นการมีโภคทรัพย์ สมบัติ …

13.อานิสงส์แห่งบุญ Read More »

12.มนุษย์เหมือนหุ่น..ให้บุญและบาปเชิด

มนุษย์เหมือนหุ่น..ให้บุญและบาปเชิด “บุญ” เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข และความสำเร็จในชีวิตของเรา ทุกระดับเลย ตั้งแต่ระดับปุถุชนจนกระทั่งเป็นพระอริยเจ้า บุญจะติดตามส่งผลให้เราทั้งในมนุษยโลกและในเทวโลก แม้แต่ไปใน อบาย ถ้าบุญได้ช่องจะแวบลงไปช่วยทันทีเลย แต่ว่าคนส่วนมากไม่ค่อยจะ เข้าใจ เวลาอะไรไม่ได้ดังใจก็มักจะบ่นว่า “บุญไม่ช่วย” แต่จริง ๆ บุญช่วย ตลอดเวลา ๒๔ น. อย่าลืมว่า มีแค่บุญกับบาปเท่านั้นที่กำลังประมวลฤทธิ์กันอยู่ ปะทะ กันอยู่ มนุษย์เหมือนหุ่นเชิด ต่างก็ทำงานกันทุกอนุวินาที คือ ตลอดเวลา ชิงช่วงช่วงชิงกันอยู่ ใครได้จังหวะช่วงชิงไปได้ก็เป็นหุ่นของเขา ถ้าบุญได้จังหวะ…ก็เป็นหุ่นของบุญ ถ้าบาปชิงช่วงได้…ก็เป็นหุ่นของบาป ถ้าเป็นหุ่นของบุญ ก็คิดดี พูดดี ทำดี ถ้าเป็นหุ่นของบาปก็คิดไม่ดี พูด ไม่ดี ทำไม่ดี ผลออกมามันก็ตรงกันข้าม นี่คือกฎแห่งกรรม Law of Kamma มันเป็นอย่างนี้ เราจะต้องศึกษาให้เข้าใจ แล้วก็ต้องเลือกทำแต่สิ่งที่ดี ที่จะ นำพาชีวิตไปสู่ความสุขความสำเร็จในชีวิตทุกระดับ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พระธรรมเทศนา …

12.มนุษย์เหมือนหุ่น..ให้บุญและบาปเชิด Read More »

11.ทำไมคนเราถึงแตกต่างกัน?

ทำไมคนเราถึงแตกต่างกัน? ทาน…ทำให้ รวย ศีล…ทำให้ สวย หล่อ ภาวนา…ทำให้ ฉลาด มีปัญญา การที่เราเกิดมาเป็นหญิง หรือชายก็ดี เกิดในตระกูลที่ดีงาม สูงส่ง หรือต่ำทรามก็ดี มีความสำเร็จมากหรือน้อยก็ดี หล่อ สวย อัปลักษณ์ ขี้เหร่ก็ดี เฉลียวฉลาด เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ หรือไม่ฉลาดก็ดี ล้วนเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น เราปรารถนาอย่างไร เราก็เป็นอย่างนั้น แต่บางทีเราก็ไม่ได้ปรารถนา แต่เราไม่มีความรู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะได้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น บางทีเราไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดด้วยซ้ำไป จึงไม่สั่งสมสิ่งที่ดีงาม ดังนั้น เราจึงไม่ควรหันหลังให้กับความดี และไม่ควรละทิ้งคำสอนของท่านผู้รู้ เพราะทุกสิ่งที่เราทำ ทุกคำที่เราพูด จนกระทั่งความคิดของเรา ทั้งหมดล้วนส่งผลปรับปรุงชีวิตของเรา ให้ดีหรือเลวได้ทั้งสิ้น ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/43 ต้นฉบับ หนังสือ คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ เล่ม 2 …

11.ทำไมคนเราถึงแตกต่างกัน? Read More »

10.วิธีแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด

วิธีแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด ช่วงชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่เราจะได้มาเข้าวัด ปฏิบัติธรรม ได้มาศึกษา คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราอาจเคยดำเนินชีวิตผิดพลาดกันมา ทั้งทางกาย วาจา ใจ ซึ่งทุกการกระทำล้วนมีผลเป็นวิบากกรรมทั้งสิ้น ทีนี้เราจะมีวิธีการแก้ไขวิบากกรรมอย่างไรให้หมดไป วิธีแก้ไขให้หมดไป คือ ต้องไปเกิดในยุคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น แล้วก็ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ เมื่อหมดกิเลสก็หมดกรรม หมดกรรมก็หมดวิบาก คือพระองค์จะสอนให้ เราหมดกิเลสนั่นแหละ แต่ถ้าไม่บังเกิดขึ้นในยุคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น แต่เกิด ในยุคที่มีพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย สอนให้เราได้รู้เรื่องกฎแห่งกรรม สิ่งที่เราจะต้องทำ คือ ๑ อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด ๒ บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มอีก ๓ หมั่นนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด ๔ ทำบุญเพิ่มขึ้น ให้เข้มข้น ทับทวี ๕ ปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงพระธรรมกาย ถ้าทำได้อย่างนี้ หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหาย หรือบุญได้ช่อง ส่งผลก่อน บุญก็จะส่งผลก่อนตลอดต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยอานุภาพ แห่งการเข้าถึงพระธรรมกายภายในตัว ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. …

10.วิธีแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด Read More »

9.เลือกอาชีพให้เป็น

เลือกอาชีพให้เป็น จะประกอบอาชีพอะไรต้องเลือกให้ดี สัมมาอาชีวะหรือมิจฉาอาชีวะ เราต้องศึกษากันเสียก่อน อยากรวย ครูไม่ใหญ่เห็นด้วย แต่จะรวยด้วยอาชีพอะไรต้องศึกษา “มิจฉาอาชีวะ” แม้รวยมากก็ทุกข์ แล้วรวยชาติเดียว ทุกข์ทั้งปัจจุบัน หน้าชื่น อกมันเหงา ๆ ตายก็ไปอบาย เกิดมาในสังสารวัฏก็ทุกข์ยาวนานต่อไปอีก แต่ถ้า “สัมมาอาชีวะ” รวย…แม้ไม่เท่ามิจฉาอาชีวะ แต่ก็มีสุขกันไปทุกชาติ แล้วก็จะรวยไปหลายชาติ เวลานำปัจจัยนั้นมาทำบุญก็ได้บุญมาก แต่ถ้านำปัจจัยจากมิจฉาอาชีวะมาทำบุญ แม้ทำมากก็ได้บุญน้อย เพราะมันเป็นบุญปนบาป ( มิจฉาอาชีวะหรือมิจฉาวณิชชา คือ อาชีพต้องห้ามมี ๕ ประเภท ๑. ค้าอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น ๒. ค้ามนุษย์ ได้แก่ การค้าเด็ก การค้าทาส ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรี อย่างทารุณ รวมถึงการขายตัวหรือขายบริการทางเพศทั้งของตัวเองและผู้อื่น ๓. ค้าสัตว์เพื่อนำไปฆ่า หรือเบียดเบียน ๔. ค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด …

9.เลือกอาชีพให้เป็น Read More »

8.ทำไมเราต้องรักษาใจให้ใส ๆ

ทำไมเราต้องรักษาใจให้ใสๆ ทุกคนในโลก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะต้องเดินทางไปสู่ปรโลกด้วย กันทุกคน ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง หรือปฏิเสธได้เลย แม้ว่าจะเต็มใจ หรือไม่เต็มใจก็ตาม ซึ่งปรโลกนั้นมีทางไปอยู่ ๒ ทาง คือ สุคติ กับ ทุคติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ถ้าใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป ถ้าใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป” ช่วงสุดท้ายของชีวิต ใครก็ช่วยเราไม่ได้ ความใสกับความหมอง เรา ต้องทำด้วยตัวของเราเอง คนอื่นได้แค่คอยชี้แนะ คอยเป็นกำลังใจให้เท่านั้น เราไม่ควรเอาชีวิตของเราไปเสี่ยง โดยการเลี่ยงการกระทำความดี ตอนที่ยังแข็งแรงอยู่ แล้วไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า ไปแสวงหาความใส ตอนใกล้จะถึงวันสุดท้ายของชีวิต อย่าประมาทนะ มีบุคคลจำนวนน้อย แค่บางคนเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึงเปอร์เซ็นต์ที่โชคดี ดังนั้นเราอย่าเสี่ยงเลย เพราะถ้าพลาดพลั้งไป ชีวิตในปรโลกนั้นยาวนานเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เป็นหลาย ๆ ล้านปี เป็นกัป เป็นมหากัปในเมืองมนุษย์ ยาวนานมาก เพราะฉะนั้นอย่าไปเสี่ยง ๒๓ มีนาคม พ.ศ. …

8.ทำไมเราต้องรักษาใจให้ใส ๆ Read More »

7.ศึกชิงภพ

ศึกชิงภพ มีผู้มีบุญหลายท่าน ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็ตาม ชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ถ้าไม่เคยหมั่นนึกถึงบุญ หรือไม่รู้จักหลักสูตรของชีวิตก่อนเดินทาง ไปสู่ปรโลกว่า ถ้าใจใสไปดี ใจหมองไปไม่ดี (ไปอบาย) ถ้าไม่รู้ตรงนี้ ก็จะทำไม่เป็น ใจใสอยู่ที่นึกถึงความดีที่เราทำ ใจหมองเพราะนึกถึงชีวิตที่ผิดพลาด ที่เคยทำไม่ดีเอาไว้ มันมาฉายให้เห็น ไม่ว่าเราจะมีหรือไม่มีความรู้ก็ตาม ถ้าไม่รู้หลักสูตรของชีวิต ก่อนเดินทางไปสู่ปรโลกก็จะทำไม่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสุดท้ายของชีวิต มันมีโรคภัยไข้เจ็บ บางคน ก็ทุกข์ทรมานมาก บางคนก็ปานกลาง บางคนก็น้อย ไม่เหมือนกัน แต่จะ ทุกข์มากทุกข์น้อย ก็ต้องรู้จักหลักวิชชา ถ้าไม่รู้ก็ทำไม่เป็น ถ้าทำไม่เป็น แล้วอันตราย อันตรายอย่างไร แม้สั่งสมบุญมามาก ถ้าเราไม่หมั่นนึก เพราะไม่เข้าใจ ตายใหม่ ๆ เมื่อความทุกขเวทนาครอบงำ ใจจะพัวพันอยู่กับความทุกข์ ความเจ็บป่วย ตอนนั้นมันจะขาดสติ เวลากายละเอียดหลุดไปจากกายหยาบ ก็จะไปอยู่ ที่บ้านบ้าง หรือนึกถึงใครก็จะไปอยู่ตรงนั้น วนเวียนอยู่ ๗ วัน แล้วก็จะมี เจ้าหน้าที่จากยมโลกเขามาพาไป ตามกำลังแห่งวิบากกรรมที่เราทำเอาไว้ ตรงนี้มันจะให้ช่องก่อน …

7.ศึกชิงภพ Read More »

6.เรามีระเบิดเวลาอยู่ในตัว..คนละหลาย ๆ ลูก !

เราคงนึกไม่ถึงว่า อดีตที่ผ่านมา ในภพชาติก่อน ๆ นั้น เราเคยทำบาป อกุศลไว้มากน้อยเพียงใด ซึ่งมันเป็นระเบิดเวลาของชีวิต ที่แต่ละคน มีกันคนละหลาย ๆ ลูก พูดง่าย ๆ คือ นับลูกไม่ถ้วน คอยเรียงคิว รอวันเวลา ที่จะระเบิดอยู่ภายในตัวของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตในปัจจุบันนี้ เราก็มีเรื่องที่ทำพลาดพลั้งไปเมื่อ อกุศลเข้าสิงจิต เพราะฉะนั้นอย่าประมาท ชะล่าใจ หมั่นฝึกฝนอบรมใจ ของเราให้หยุดนิ่ง ให้ใสเข้าไว้ ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้ อย่างน้อย ก็ให้ได้ดวงธรรมใส ๆ ติดอยู่กลางกายตลอดเวลา ก็พอจะเป็นเครื่องอุ่นใจ ว่า ชีวิตของเราจะปลอดภัยในปรโลก ในสังสารวัฏ แต่ให้ปลอดภัยที่สุดคือ ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว เพราะนอกจากจะปลอดภัยใน ปรโลก ในสังสารวัฏแล้ว เรายังมีความสุขในโลกสวรรค์อีกยาวนาน การจะไปสู่สุคติโลกสวรรค์อย่างมีความสุขได้นั้น เราต้องประกอบ เหตุให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งทาน ศีล ภาวนา อดีตที่ผิดพลาดก็ให้ดีดทิ้งไป ลืมไปให้หมด ปัจจุบันก็หมั่นฝึกฝนอบรมใจ สั่งสมบุญบารมีทั้งทาน ศีล ภาวนา …

6.เรามีระเบิดเวลาอยู่ในตัว..คนละหลาย ๆ ลูก ! Read More »

5.ปรโลกมีจริง

ชีวิตในปรโลก ถ้ามีบุญมากก็ไปมีความสุขในสุคติโลกสวรรค์มาก บางท่านท่องเที่ยวอยู่ในโลกสวรรค์เลย คือจากสวรรค์ชั้นหนึ่งไปชั้นสอง สองไปสาม ไปสี่ ไปห้า ไปหก หกแล้วย้อนลงมาใหม่ หลายเที่ยวก็มี เที่ยว เดียวก็มี อย่างนี้เขาเรียกว่า ท่องอยู่ในสวรรค์ ตรงกันข้าม ถ้าบาปมากก็ท่องในอบายยาวนานทีเดียว ในมหา นรกขุมต่าง ๆ จากขุมนี้ไปขุมโน้น ขุมโน้นไปขุมนี้ ขุมใหญ่ไปขุมบริวาร ขุมบริวารไปขุมใหญ่อีกแล้ว หรือขุมใหญ่ไปขุมใหญ่ หรือขุมบริวารไป ขุมบริวาร สลับกันไปมา หรืออยู่ในขุมเดียวกันแต่ว่าต่างกรรมต่างวาระกัน เจอกันอีก หลุดจากนี้ไปเจอโน้น หลุดโน้นไปกันต่อ ๆ กันไป กว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ก็เป็นเวลายาวนาน และพอจะมาเป็น มนุษย์ ตอนก่อนจะมาเกิดก็ตัดสินกันที่บุญกับบาปอีก มีบุญก็มาเกิดใน ตระกูลที่ดี ชีวิตเริ่มต้นก็จะดี สดใส เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานไม่มีหนอน ชอนไช แต่ถ้าบาปเป็นชนกกรรมนำมาเกิด ก็เหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ตายในครรภ์บ้าง คลอดออกมาตายบ้าง หรือเกิดในตระกูลที่ลำบากยากจน บ้าง อย่างนี้เป็นต้น และในระหว่างทาง จะมีสุข มีทุกข์ ชีวิตจะขึ้นจะลง เจริญหรือเสื่อม …

5.ปรโลกมีจริง Read More »

4.บทสรุปงบดุลชีวิต

ถ้าใครใจใส…ก็ไปสุคติโลกสวรรค์ ถ้าใครใจหมอง…ก็ไปอบาย ตอนก่อนจะเดินทางไปสู่ปรโลก แทนที่จะตัดสินกันด้วยความ ชำนาญในอาชีพ ที่เราได้ฝึกฝนเลี้ยงชีพมาตลอดชีวิต หรือตัดสินจากการ ได้ครอบครองทรัพย์สิน มีลาภ ยศ สรรเสริญ พวกพ้องบริวาร หล่อ รวย สวย ฉลาดก็หาไม่ แต่กลับไปตัดสินกันที่หมองกับใส ซึ่งเกิดจากบุญและบาปที่ได้ กระทำไว้ เป็นบทสรุปงบดุลชีวิตในตอนนั้นว่า ใจใครจะผ่องใสหรือเศร้าหมอง “หมองกับใส” ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราตอนที่ยังแข็งแรงอยู่ ทั้งทางกาย วาจา ใจ ถ้าทำบุญ สร้างความดี ใจก็จะผ่องใส ไม่เศร้าหมอง ถ้าทำบาปใจก็เศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ถ้าทำทั้งบุญทั้งบาป ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตอนนั้นเราจะเปิดช่องไหนให้ใจรับ สิ่งใดที่ทำเป็นอาจิณกรรม ทำบ่อย ๆ ภาพนั้นจะมาปรากฏก่อน จะมาฉายให้เราเห็นอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวภาพบุญบ้าง ภาพบาปบ้าง สลับกันไป บางช่วงภาพบุญยาว ภาพบาปสั้น บางช่วงภาพบาปยาว ภาพบุญสั้น สลับไป สลับมา แล้วเห็นอยู่คนเดียว ผู้ที่อยู่รอบข้างไม่เห็น สำคัญภาพสุดท้าย ใครได้ภาพที่ดี ก็ไปดี ใครได้ภาพไม่ดี …

4.บทสรุปงบดุลชีวิต Read More »

3.จิ้งหรีดน้อย..มึนหัวหรือยังเจ้า?

จิ้งหรีดน้อย..มึนหัวหรือยังเจ้า? ชีวิตในสังสารวัฏ มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่คอยพัดผันชีวิตเราให้ เป็นไปในเรื่องราวต่าง ๆ มีกฎแห่งกรรมซึ่งเป็นยิ่งกว่ากฎเหล็กทั้งหลาย ในโลก ที่คอยบังคับบัญชาสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ ใคร ๆ ก็ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แม้บุคคลนั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ทุกคนล้วนตกเป็นเชลยอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น ถ้าไม่รู้หรือไม่ได้ ศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรม การดำเนินชีวิตในสังสารวัฏอันตรายมาก ชีวิตจะถูกเขาปั่นเหมือนจิ้งหรีดที่เขาเอามาปั่นหัวเล่น หรือถูกเขา เอาใส่ครกโขลกให้มีความทุกข์ทรมานตลอดเวลา บังคับให้เราทำไม่ดี ทั้งทางความคิด คำพูด และการกระทำ เอาวิบากมารองรับให้ไปทุกข์ ทรมานในอบายอีกยาวนาน พอหมดกรรมจากอบาย มาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ทำให้ลืมเสียอีก ลืมเรื่องราวในอดีต ไม่เห็นเรื่องราวในอนาคต ไม่รู้เรื่องราวในปัจจุบัน มีชีวิตอยู่กันไปวัน ๆ ถูกบังคับใหม่ บังคับซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำอีก ลงไปอีก ขึ้นมาอีก วนเวียนกันอยู่ในสังสารวัฏอย่างนี้ แต่ถ้าหากว่า เป็นผู้รู้ แต่ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม เราก็ยังเป็น ประดุจเชลยผู้รู้ แม้จะอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ก็ยังสามารถประคองชีวิต ให้รอดปลอดภัยได้ อย่างน้อยที่สุดก็จะทุกข์น้อยกว่าคนอื่นเขา จะสุข มากกว่าคนอื่น แล้วก็จะท่องเที่ยวอยู่ใน ๒ ภูมิเท่านั้น …

3.จิ้งหรีดน้อย..มึนหัวหรือยังเจ้า? Read More »

2.นรกสวรรค์มีจริง พิสูจน์ได้

นรกสวรรค์มีจริง พิสูจน์ได้ เรื่องนรกสวรรค์ อย่าเข้าใจเพียงว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ เอา สวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงไปรู้ไปเห็นมา ด้วยญาณทัสนะอันบริสุทธิ์ที่ปราศจากอาสวกิเลส ไปเห็นแล้ว สงสาร สรรพสัตว์ทั้งหลาย อาศัยมหากรุณาจึงนำมาอบรมสั่งสอน ไม่ใช่ต้องการ ให้ใครมารักเคารพ เพราะพระองค์หมดกิเลส ไปนิพพานแล้ว ชีวิตตัดสินกันที่บุญและบาป ก่อนเดินทางไปสู่ปรโลกว่า ใจใสหรือใจหมอง ถ้าใจใสก็ไปสุคติ ใจหมองก็ไปทุคติ ปรโลกมีคติ ๒ ทาง คือ สุคติกับทุคติ คติทั้งสองนั้นยาวนานนัก สุคติ สุขก็สุขนาน ทุคติ ทุกข์ก็ทุกข์นาน ชีวิตหลังความตาย ไม่มีการทำมาหากิน เป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป ที่ตัวได้กระทำตอนเป็นมนุษย์ ชีวิตในสังสารวัฏมีแต่ความทุกข์ ทุกข์น้อย ทุกข์ปานกลาง ทุกข์มาก ความสุขไม่มีเลย เราทุกข์จนชาชิน เมื่อเจอความทุกข์ที่ลดลง ก็เข้าใจว่า นี่คือความสุข แต่แท้จริงคือความทุกข์ที่ลดลงเท่านั้น เพราะฉะนั้น ชีวิตในสังสารวัฏจึงน่าเบื่อหน่าย เหมือนกองเพลิง ที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา จะต้องให้พ้นจากสังสารวัฏให้ได้ แล้วไปสู่อายตน นิพพานซึ่งเป็นเอกันตบรมสุข …

2.นรกสวรรค์มีจริง พิสูจน์ได้ Read More »

1.โลกในอุดมคติมีจริงหรือ?

โลกในอุดมคติ ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกใบนี้ แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว…นับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่า แต่ละครั้งห่างกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกชาติ ไปเห็นเรื่องนี้เป็นปกติของท่าน คือ ในยุคใดที่มนุษย์มีศีล ๕ เป็นปกติ มีการบังเกิดขึ้นของพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ที่สั่งสมบุญมาดีปกครองโลก พระองค์ก็ทรงสอนให้มนุษย์ทุกคนในโลก มีศีล ๕ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการ พูดปด เว้นจากการดื่มน้ำเมา สิ่งมึนเมา โลกในยุคนั้น ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล ผลหมากรากไม้มีรส โอชา มนุษย์จะมีโรคภัยไข้เจ็บน้อย อายุขัยยืนยาว มีความรักสามัคคีกัน จะอยู่เย็นเป็นสุขกันมากเลย แสดงว่าเรื่อง “ศีลธรรม” ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วแหละ เพราะว่า ถ้าศีลธรรมเกิดขึ้นที่ใจ ก็จะขยายมาที่กาย แล้วก็ออกมาที่สิ่งแวดล้อม ไปในบรรยากาศ จะเกิดภาวะโลกเย็น พระเจ้าจักรพรรดิที่ปกครองโลก เกิดขึ้นนับพระองค์ไม่ถ้วน ซ้ำ ๆ โลกไม่เคยถูกปกครองด้วยการรบราฆ่าฟันเลย ถ้าตราบใดยังรบรา ฆ่าฟันกันอยู่ โลกในอุดมคติจะไม่มีวันเกิดขึ้น สิ่งดี ๆ จะไม่มีวันเกิดขึ้น ในโลกใบนี้ เพราะว่าผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมจองเวร แล้วก็มีการ …

1.โลกในอุดมคติมีจริงหรือ? Read More »