กัณฑ์ ๑-๘ พระธรรมคุณ

กัณฑ์ ๑ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
พระธรรมคุณ
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ต่อไปนี้เป็นเรื่องธรรมคุณ ธรรม ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะพระสัทธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่า สวากขาโต แปลว่า พระองค์กล่าวดีแล้วนั้น ก็คือว่า ธรรมที่พระองค์ตรัสสอนนั้นล้วนแต่จะเป็นผล ส่งให้ผู้ประพฤติปฏิบัติตามได้รับความร่มเย็นเป็นสุขทั้งสิ้น จึงได้ชื่อว่า เป็นธรรมที่พระองค์กล่าวแล้วดี ดีก็คือ ไม่มีเสีย คือคำสอนของพระองค์ ไม่ให้ทุกข์แก่ผู้ปฏิบัติเลย มีแต่จะนำไปสู่สุขอย่างเดียว มีอริยมรรคเป็นข้อสาธก ที่ทรงสอนไว้ว่า
ความเห็นชอบ ๑
ความดำริชอบ ๑
กล่าววาจาชอบ ๑
ประกอบการงานชอบ ๑
หาเลี้ยงชีพโดยชอบ ๑
ทำความเพียรชอบ ๑
ตั้งสติไว้ชอบ ๑
สมาธิชอบ ๑
พิจารณาดูให้ดี จะเห็นธรรมเหล่านี้ ผู้ใดประพฤติได้ จะให้ผลไม่เฉพาะแต่ทางธรรม แม้ในทางโลกก็อำนวยผลดี ให้แก่ผู้ปฏิบัติเหมือนกันดังนี้ ธรรมที่พระองค์ตรัสสั่งสอนไว้ ได้ชื่อว่า สวากขาตธรรม

พระสัทธรรมของพระองค์ แบ่งเป็นหมวดใหญ่ๆ ได้คือ
ปริยัติธรรม ๑
ปฏิบัติธรรม ๑
ปฏิเวธธรรม ๑
ปริยัติธรรมนั้นได้แก่ คำสั่งสอนอันเป็นแนวนำไปสู่ปฏิบัติธรรม ส่วนปฏิบัติธรรมนั้นเป็นคำสอนที่บ่งวิธีการปฏิบัติโดยตรง ซึ่งจะมีผลส่งให้ถึง ปฏิเวธธรรม คือการรู้แจ้งแทงตลอดสภาวะความเป็นจริงทั้งมวล

สนฺทิฏฺฐิโก แปลว่า ธรรมดาคำสอนของพระองค์นั้น ไม่เหมือนสิ่งของอื่นๆ ซึ่งคนหนึ่งแลเห็น แล้วชี้ไปอีกคนหนึ่ง จะแลเห็นได้ด้วยกันอย่างนั้นหามิได้ ผู้ใดปฏิบัติตามผู้นั้นจะเห็นผลได้ด้วยตนเอง ว่าเป็นอย่างไร

อกาลิโก ผู้ใดปฏิบัติ ผู้นั้นย่อมได้รับผลเสมอ โดยไม่มีจำกัดเวลา ว่ามีเขตเพียงนั้น เพียงนี้

เอหิปสฺสิโก เพราะเหตุว่าเป็นของดี ของจริง เมื่อผู้ใดปฏิบัติได้แล้ว จึงเป็นเสมือนสิ่งของ ที่น่าจะเรียกบอกคนอื่นมาดูว่า นี่ ดีจริงอย่างนี้

โอปนยิโก เพราะเหตุว่า การปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ พบของดี ของจริง ดังกล่าวมาแล้วนั้น ควรจะน้อมนำเอาของดีจริงที่พบแล้วนั้น เข้ามาไว้ในตน คือยิ่งถือปฏิบัติเรื่อยไปไม่ละวางเสีย

ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ
แปลว่า ธรรมของพระองค์นั้น วิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะด้วยตนเอง ข้อนี้ก็คล้ายกับ สนุทิฏฺฐิโก ที่กล่าวข้างต้น ต่างแต่ว่าข้อนั้น กล่าวถึงอาการเห็นส่วนข้อนี้ กล่าวถึงอาการรู้ กล่าวคือ ผู้ปฏิบัติตามธรรมของพระองค์ จะรู้ว่าธรรมของพระองค์ดี จริงอย่างไร และเมื่อปฏิบัติตามแล้ว ได้ผลเป็นอย่างไร ดังนี้ย่อมเกิดจากการปฏิบัติของตนเอง ด้วยใจของตนเอง ผู้อื่นจึงพลอยรู้ด้วยไม่ได้ มันเป็นรสทางใจ หากใจผู้ ปฏิบัติเขาเยือกเย็นเป็นสุขสักปานใด แม้เขาจะเอามาเล่าให้เราฟัง ใจเราก็จะไม่เย็นอย่างเขา ตามคำที่เขาเล่าบอกนั้นได้ จะไม่ผิดอะไรกับคนหนึ่งได้กินแกงชนิดหนึ่ง มาเล่าให้เราฟังว่ามันอร่อยอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะไม่ทำให้เราเปิบข้าวเปล่าๆ โดยนึกเอารสแกงที่เขาว่านั้นมาประสมให้ได้รสอร่อยอย่างเขาว่านั้นได้.

โอวาท พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

อ้างอิงเนื้อหา หนังสือ รวมพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
เพื่อการศึกษาและดำรงไว้ซึ่งคำสอน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *