กัณฑ์ ๑ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
สุคโต แปลได้เป็นหลายนัย เช่นว่า ไปดีแล้ว ไปสู่ที่ดี หรือทรงพระดำเนินงาม ที่ว่าไปดีแล้ว หมายถึงว่า พระองค์ประพฤติดีทั้งกาย วาจา ใจ คือ กายเป็นสุจริต วาจาสุจริต ใจสุจริต ประพฤติสม่ำเสมอมาเป็นอเนกชาติ ดับขันธ์จากชาติหนึ่ง ก็ไปสู่สุคติ ทุกชาติ ไม่ไปสู่ทุคติเลย อย่างนี้ก็เรียกว่า สุคโต ไปดีแล้ว
.
นัยหนึ่งพระองค์ดำเนินกาย วาจา ใจ ไปในแนวอริยมรรคได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น สัมมาสมาธิเป็นปริโยสาน ซึ่งย่อลงเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา พระองค์เดินทางศีลเป็นเบื้องต้น ศีลมีประเภทจำแนกละเอียดไว้มากมาย รวมเข้าเป็นวินัยปิฎกถึง ๕ พระคัมภีร์ รวมยอดเข้าเป็นปฐมมรรค ปฐมมรรคเป็นดวงใสอยู่ในกึ่งกลางกายนั้นแหละ รวมยอดมาจากศีล นี่แหละตัวศีล สุคโตในทางศีล พระองค์เดินทางใจ ไปหยุดอยู่ตรงดวงปฐมมรรคนั้น
.
หยุดสงบจนราคะ โทสะ โมหะ อภิชฌา พยาบาทเข้าไม่ได้ ไม่มีอะไรเข้าไปทำให้ขุ่นมัว จึงใสดุจกระจกส่องเงาหน้า ก็เข้าขั้นสมาธิหยุตนิ่ง จนมีรู้ผุดขึ้น เรียกว่า ปัญญา หยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นเป็นทำนองเดียวกันตั้งแต่กายทิพย์ รูปพรหม อรูปพรหมจนถึงธรรมกาย เมื่อธรรมกายหยุดนิ่ง จิตของธรรมกายเป็นมรรค จิตญาณธรรมกายเป็นมรรค ปัญญาธรรมกายเข้าสมาบัติ ดูอริยสัจต่อไป ดวงใสถึงขนาดตกศูนย์แล้วกลับเป็นโสดาบันบุคคล แล้วเป็นสกทาคา อนาคา โดยทำนองเดียวกันจนธรรมกายอนาคาตกศูนย์จึงเป็นพระพุทธเจ้า อย่างนี้เรียก สุคโต
.
อีกนัยหนึ่งว่า เขมํ ทิสํ คจฺฉมาโน แปลว่า ไปอยู่สู่แดนอันเกษม กล่าวคือ นิพพาน คือเมื่อธรรมกายเพ่งเล็งถูกส่วน ตกศูนย์มีอายตนะอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า อายตนนิพพาน ดึงดูดธรรมกายที่ตกศูนย์นั้นเข้านิพพานอยู่เนืองนิตย์ แม้ในขณะมีพระชนม์อยู่ชื่อว่าไปอยู่สู่แตนเกษมประการหนึ่ง เมื่อจะดับขันธ์พระองค์เข้าสมาบัติ อายตนนิพพานดึงดูดเข้าสู่นิพพานไปนี่ก็เรียกว่าไปสู่แดนอันเกษมซึ่งอยู่ในความหมายว่า สุคโต
.
สุคโต ที่แปลว่า ทรงพระดำเนินงาม หมายถึงว่าเมื่อครั้งจะทรงพระดำเนินไปโปรดพระปัญจวัคคีย์ยังป่าอิสิปตนะนั้น ทรงเดินไปด้วยย่างพระบาท มีฉัพพรรณรังสีรุ่งโรจน์ จนแม้แต่ว่าสัตว์จตุบททวิบาทที่มาแลเห็นถึงงงัน หยุดนิ่งตะลึงไปไม่ได้ อย่างนี้เรียกว่า ทรงพระดำเนินงาม
.
สุนฺทรฐานํ คตตฺตา ที่ว่า สุคโต เพราะอรรถว่า ไปสู่ที่ไหน ดีที่นั่น ดังเช่น ครั้งเมื่อเมืองไพสาลีเกิดไข้ทรพิษระบาดไปทั่วเมือง ผู้คนล้มตายกันมาก จนหาคนจะเก็บศพจะฝังไม่ได้ ถึงกับปล่อยให้เน่าคาเรือน พวกเจ้าลิจฉวีประชุมกันให้ไปเชิญพระองค์ พระองค์มาถึงฝั่งแม่น้ำข้างหนึ่ง เป็นเวลาเย็นแล้ว จึงทรงประทับยับยั้งอยู่ ในคืนนั้นเทวดาทั้งหลายรู้ว่า รุ่งขึ้นพระศาสดาจะเสด็จข้ามฟากไปสู่นครไพสาลี ว่าที่นั่นอากูลไปด้วยซากศพ จึงประชุมกันให้วัสสวลาหก บันดาลให้ฝนตกลงมากมาย
จนถึงเป็นกระแสน้ำพัดซากศพเหล่านั้นไปหมดสิ้น ก่อนเวลาที่พระองค์จะเสด็จไปถึง เมื่อพระองค์เสด็จข้ามฟากไปถึง นครไพสาลีก็สะอาดหมดจด แล้วพวกเจ้าลิจฉวีถวายอาหารบิณฑบาต ทรงเจริญพระปริตร และให้พระอานนท์เอาน้ำพระพุทธมนต์ไปประพรมด้วยใช้กำหญ้าคาจุ่มน้ำพระพุทธมนต์ อมนุษย์ก็ปลาสนาการไปหมด โรคภัยก็สงบ ดังนี้ก็ได้ชื่อว่า สุคโต
โอวาท พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
อ้างอิงเนื้อหา หนังสือ รวมพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
เพื่อการศึกษาและดำรงไว้ซึ่งคำสอน