หลวงพ่อทัตตชีโว

✍️ “สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ ยิ่งตัวเราเองหรือรอบตัวสกปรกเท่าไร ใจจะไม่ยอมอยู่กับตัว วิ่งออกข้างนอกหมด”

✍️ “สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ ยิ่งตัวเราเองหรือรอบตัวสกปรกเท่าไร ใจจะไม่ยอมอยู่กับตัว วิ่งออกข้างนอกหมด” . ตื่นเช้ามาใจกำลังดี ๆ อารมณ์กำลังดี ๆ ไปได้ยินคำพูดอะไรไปไม่เข้าท่าใจวิ่งออกจะไปลุยกับเขา . แล้วได้กลิ่นอะไรไม่เข้าท่า ใจไม่อยู่กับตัว เห็นข้าวของอะไรมันสกปรก เดี๋ยวจะออกไปลุยกันเสีย . ในทางกลับกัน เมื่อตัวเราและรอบตัวเรา อะไร ๆ ก็สะอาดไปหมด ใจจะนิ่งขึ้นมา แล้วใจรักที่จะอยู่ในตัว ๗ กันยายน ๒๕๖๑ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

“บวชเพิ่มมิตรแท้”

“บวชเพิ่มมิตรแท้” “เจ้านิสัยดีๆ จะเป็นเพื่อนแท้ของเรา.. การมาบวชของเรานั้น เป็นการมาเพิ่มมิตรแท้ให้กับตัวเอง..” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️ คนที่ไม่เคยทำอะไรเป็นเวลา จะติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง

✍️ คนที่ไม่เคยทำอะไรเป็นเวลา จะติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง . อยู่ดีๆ จะกำหนดให้ทำเสร็จ ภายในเวลาเท่านั้นเท่านี้ . เขาจะอึดอัดทำไม่ได้ เพราะฝึกวินัยมาน้อย แต่ทำตามใจ ทำตามอารมณ์มามาก . จึง “ยากจะทำอะไรได้สำเร็จตามแผนงาน” . ที่มา : หนังสือครอบครัวอบอุ่น โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น

✍ใครก็ตามที่บวชเข้ามา ในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้

✍ใครก็ตามที่บวชเข้ามา ในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้ . เพราะงานสำคัญที่สุดในชีวิตนักบวช ก็คืองานถางกิเลสออกจากใจไปพระนิพพาน ผู้ที่เอาจริงเท่านั้นจึงสามารถถางป่ากิเลสออกจากใจ แล้วเปิดหนทางไปพระนิพพานให้ตัวเองได้สำเร็จ . ถ้าจะถามต่ออีกว่า แล้วพระนิพพานอยู่ที่ไหน หลวงปู่หลวงทวดท่านก็ตอบยิ้มๆ ว่า “ก็อยู่ในตัวคุณเองนั่นแหละ ก้มหน้าก้มตาถางทางเร็วเข้าเถอะ” . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๙ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๙

✍บุญและบาปเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนเราเกิดมาแตกต่างกันด้วยประการต่างๆ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่แต่ละคนเคยสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน

✍บุญและบาปเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนเราเกิดมาแตกต่างกันด้วยประการต่างๆ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่แต่ละคนเคยสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน . แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คน ซึ่งเกิดมาในปัจจุบันชาตินี้ มีนิสัย ความคิดเห็น สติปัญญา ความสามารถ ตลอดจนคุณธรรมแตกต่างกัน ก็คือ การปลูกฝังอบรมสั่งสอนแนะนำจากบุพการี คือ บิดามารดาและครูอาจารย์ ตลอดจนผู้ใกล้ชิด ตั้งแต่เยาว์วัย . กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การดำรงชีวิตของแต่ละคนนั่นเอง ที่ทำให้คนเราแตกต่างกันด้วยเรื่องต่างๆ ดังกล่าวโดยเฉพาะที่สำคัญอันดับแรก ก็คือเรื่องนิสัย ผู้ที่มีนิสัยหยาบ นิสัยเกียจคร้าน นิสัยมักง่าย นิสัยตระหนี่ . โดยสรุปก็คือ นิสัยไม่ดีทุกอย่างของผู้คนในสังคม ล้วนเกิดจากสภาวะความเป็นอยู่ คือ การดำรงชีวิตของตนทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นปัญหาการดำรงชีวิตอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังจะเป็นเหตุให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้คนทั้งหลายอีกด้วย จากหนังสือพุทธประวัติ หน้า ๓๖ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือพุทธประวัติ หน้า ๓๖

✍หลวงพ่อเองเมื่อถึงคราวครบรอบวันคล้ายวันเกิดของตัวเองในแต่ละปีก็ชอบที่จะนึกทบทวนถึงความหลัง รำพึงถึงตัวเอง ถามตัวเอง…

✍หลวงพ่อเองเมื่อถึงคราวครบรอบวันคล้ายวันเกิดของตัวเองในแต่ละปีก็ชอบที่จะนึกทบทวนถึงความหลัง รำพึงถึงตัวเอง ถามตัวเอง… . ว่าทำไมเราจึงได้สร้างบุญสร้างบารมีมาได้ยืดเยื้อถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่มีอุปสรรคขวากหนามรอบด้านขนาดนั้น . โดยเฉพาะงานสร้างวัดสร้างธุดงคสถานนี่ เป็นงานใหญ่มาก . ลูกเอ๋ย อุปสรรคทำไมจะไม่รู้ว่ามาก แต่หลวงพ่อก็ไม่เคยคิดท้อถอย เดินหน้าเรื่อยไป . ที่มา : หนังสือมองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๓ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือมองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๓

✍ผิด-เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะปัญญามันหย่อน พลาด-เกิดจากความเผลอสติเพราะสติมันหย่อนไป

✍ผิด-เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะปัญญามันหย่อน พลาด-เกิดจากความเผลอสติเพราะสติมันหย่อนไป . แต่ที่ถึงขั้นชั่วขั้นเลวนั้น เพราะรู้ว่าผิด รู้ว่าจะเกิดความเสียหายแล้วยังขืนทำ ทำผิดทั้งรู้เรียกว่าทำชั่ว-ทำเลว . ผู้ที่จะเจริญงอกงามในพระพุทธศาสนาได้ ต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งคือ เป็นคนประเภทที่ไม่ยอมทำความชั่ว ไม่ยอมเป็นคนเลว . ผิดก็ยอมรับว่าผิด พลาดก็ยอมรับว่าพลาด แต่ว่าเมื่อผิดเมื่อพลาดแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่ยอมให้ผิดซ้ำพลาดซ้ำอีก เพราะรู้ว่าจะกลายเป็นชั่วเป็นเลว . ถ้าพระภิกษุสามเณรรูปใดสำนึกในเรื่องนี้อยู่เสมอ ความใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรมวินัยจะมีมาก . ใจจะยกสูงขึ้นตามลำดับ ความบริสุทธิ์กาย วาจาใจ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว มีกำลังใจที่จะสร้างบุญสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันทีเดียว จากหนังสือ มองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือ มองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๒

ใจประดุจแผ่นดิน

ใจประดุจแผ่นดิน ก็คือ ใจของคนเราส่วนใหญ่ ไม่เหมือนแผ่นดิน แต่เหมือนขี้ผึ้งลนไฟ มันอ่อนปวกเปียกๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยตรัสเรื่องใจเหมือนแผ่นดิน กับพระราหุลว่า.. . “แผ่นดินนี้ ใครเอาน้ำหอมไปรดไปราดมัน มันดีใจไหม ไม่ดีใจ มันก็เฉยๆ เอาของเหม็นไปรดไปราด มันทุกข์ใจไหม มันก็เฉยๆ ราหุล…เธอทำใจให้ได้อย่างนั้นแหละ ใครมาทำอะไร เธอก็อย่าไป เอาเรื่องเอาราวกับเขา ตั้งใจปฏิบัติธรรมของเธอไป แล้วเธอจะหมดกิเลสได้เร็ว” . ถ้าทำใจเหมือนแผ่นดินได้อย่างนี้ ธรรมะต่างๆ ที่จะงอกงามขึ้นมาในใจก็อยู่แค่เอื้อม แต่เพราะคนเราใจไม่หนักแน่น เขาด่า เขาว่าเข้าหน่อย เจ็บใจ ทั้งๆ ที่มันก็แค่ลมมากระทบหู พัดลมเป่า ยังแรงกว่านั้นอีก ลมปากเป่าเบาๆ หน่อยเดียว อุ๊ย! เจ็บใจ ถ้าอย่างนี้ก็คงมีเรื่องเจ็บช้ำน้ำใจไปตลอดชาติ . เพราะฉะนั้น ใครทำใจหนักแน่นเหมือนแผ่นดินได้ ก็จะเป็นฐานรองรับคุณธรรมความดีต่างๆ ให้งอกงามในจิตใจอย่างสูงส่งยิ่งขึ้นไป พาให้ใจสงบสุขได้ เป็นชั้นที่ 4 และจะส่งต่อให้ใจสงบสุข ยิ่งๆ ขึ้นไป . ครอบครัวใดก็ตาม ที่ทั้งสามีภรรยา หรือพ่อแม่ลูกต่างก็ถือหลักร่วมกันอย่างนี้ …

ใจประดุจแผ่นดิน Read More »

“นิสัยกำกับความเสื่อมความเจริญ”

“นิสัยกำกับความเสื่อมความเจริญ” (Clip 1.54 น.) “ถ้านิสัยของคนใดดี อยู่ในครอบครัวไหนก็จะช่วยนำพาครอบครัวนั้นให้เจริญ อยู่ประเทศไหน ประเทศนั้นเจริญ นับถือศาสนาไหน ศาสนานั้นก็เจริญ นิสัยดี มีฤทธิ์อย่างนี้…” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍”ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓”

✍”ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓” . ที่ว่ากายเหมือนผ้าเช็ดเท้า ก็คือธรรมดาผ้าเช็ดเท้า เวลาใครเอาเท้าสกปรกๆ มาเช็ด มันเคยบ่นไหม ไม่เห็นมันบ่นเลย ไม่มีผ้าเช็ดเท้าบ้านไหนบ่นได้ . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ ท่านตั้งใจจะเตือนว่า คนเราจะทำงานอะไรก็ทำให้เต็มกำลังลงไป เป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เลือกงาน และขอให้งานนั้นเป็นงานอาชีพ สุจริตก็ทำเข้าไป . คุณยายฯ ท่านพูดเสมอๆ ว่า ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้วถ้ามันถึงคราวจะต้องไปรับจ้างเขาเทกระโถนล้างกระโถนก็เอาเพราะมันเป็นอาชีพบริสุทธิ์ แต่จะให้ไปลักขโมยใครเขา หัวเด็ดตีนขาดยายไม่ยอมทำ . จะทำกายอย่างกับผ้าเช็ดเท้า ใครจะโขกจะสับอย่างไรก็ยอมล่ะ เพื่อให้ได้อาชีพที่สุจริต แต่จะให้ไปโกงไปกินเขา เพื่อจะได้แต่งตัวสวยๆ ไม่เอาเด็ดขาด . เพราะฉะนั้น ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓ ที่มา : หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๐

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ”

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ เพื่อหมายถึงว่าเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟังก็อย่าไปฟัง หรือฟังแล้วร้อนใจก็อย่าไปฟัง ทำหูเป็นหูกระทะเสียก็หมดเรื่อง . เขาอยากด่า ด่าได้ก็ด่าไป คำด่า ถ้าเราไม่ไปรับไว้ ก็คืนเข้าตัวเขาเองนั่นแหละ . ปู่ย่าตายายมักเตือนหลานบ่อยๆ ว่า คนเราถูกด่าแล้ว พอฝึกใจถึงจุดหนึ่งก็เลยไม่โกรธ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเก่ง ที่เก่งกว่านั้นยังมี คือชมแล้วไม่ยิ้ม ใครชมแล้วไม่ยิ้ม คนนี้ละเก่งจริงๆ . เพราะคนเราทั่วไปพอได้รับคำชมแล้วมักจะยิ้ม โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ลูกถึงได้เต็มบ้าน หลานถึงได้เต็มเมือง . ไปได้ยินคำชมว่า น้องจ๊ะ น้องจ๋า สวยจริงๆ เลย ก็เลยไปเลี้ยงลูกกันเป็นพรวน ถ้าชมแล้วยังเฉยเสียได้ก็สบาย ป่านนี้ก็ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนอกใจอะไรทั้งนั้น . เพราะฉะนั้น ใครทำหูเหมือนหูกระทะได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางหู พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๒ . ที่มา: หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๙-๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา …

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” Read More »

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑” ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑” ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่ . ตาไม้ไผ่ ถ้าเราไม่ริดเสีย ปล่อยให้ติดลำไผ่ไว้เป็นแขนงยาว ประมาณสักคืบกว่าๆ เราเหลือไว้อย่างนี้ตลอดลำไม้ไผ่ ก็ใช้สำหรับ เป็นที่เหยียบขึ้นแทนบันไดได้สบายๆ ซึ่งเรียกว่า “พะอง” . ชาวบ้านที่อยู่ในดงต้นตาล จะรู้จักประโยชน์ของพะองดี ว่าสามารถใช้เป็นบันไดสำหรับขึ้นต้นตาลสูงๆ . ตาเหมือนตาไม้ไผ่ อุปมาข้อนี้หมายถึงว่า นัยน์ตาของเรานั้น อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดูมันเลย เหมือนอย่างตาไม้ไผ่ ซึ่งสักแต่ว่าเป็นตา แต่ใช้ตาดูไม่เป็นหรอก . ปู่ย่าตายายใช้อุปมาเช่นนี้ก็เพื่อจะบอกว่า อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดู ไม่ควรมองก็อย่าไปมอง อย่าเที่ยวไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านมากนัก เดี๋ยวใจจะฟุ้งช่าน เดี๋ยวจะมีเรื่องร้อนๆ เข้ามาในบ้าน . ให้ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ โดนเหยียบขึ้นไปๆ มันก็เฉยไม่เอาเรื่องกับใคร . ใครทำได้อย่างนี้ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางตา เป็น การพาให้ใจสงบในชั้นที่ ๑ . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๘ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น …

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑”
ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่
Read More »

✍️ ตาไม้ หูกระทะ กายผ้าขี้ริ้ว ใจแผ่นดิน “ธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง”

✍️ ตาไม้ หูกระทะ กายผ้าขี้ริ้ว ใจแผ่นดิน “ธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง” . การประคับประคองชีวิตคู่ของพ่อแม่ให้ลูกดูถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอันดับแรก คือการป้องกันการหย่าร้างระหว่างพ่อแม่เอง . และอันดับสอง คือเป็นพื้นฐานสำคัญ ที่จะทำให้ลูกสามารถเลือกคู่ครองเป็น และสามารถประคับประคองครอบครัว ให้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อเขาเติบโตอยู่ในวัยที่มีคู่ครองได้แล้ว . สำหรับเรื่องนี้ โบราณได้ให้หลักธรรมในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ลดปัญหาการกระทบกระทั่งในชีวิตคู่ และป้องกันปัญหาการหย่าร้างไว้ ๔ คำด้วยกัน . คือ ๑. ตา เหมือน ตาไม้ ๒. หู เหมือน หูกระทะ ๓. กาย เหมือน ผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้า ๔. ใจ ประดุจ แผ่นดิน . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๗ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๗

วิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

วิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย “2562 มีวัดร้างทั่วประเทศ 7,000 กว่าวัด ประชากรไทยประมาณ 65 ล้าน คนเพิ่มขึ้นวัดร้างน่าจะหมด แต่!วัดร้างก็เพิ่มขึ้น นี่คือตัวเลขที่พวกเราชาวพุทธต้องรู้…” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

สิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเรา คือ การพูดเท็จนั่นเอง

สิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเรา คือ การพูดเท็จนั่นเอง . จำไว้นะลูก ใครก็ตามที่รักเรา ถ้าเราพูดเท็จกับเขา เขาก็จะหมดรักเรา . แล้วถ้าเขาพูดเท็จกับเรา เราก็จะหมดรักเขาเช่นกัน . ใครๆ ก็ต้องการความจริงใจด้วยกันทั้งนั้น . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๖๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๖๒