หลวงพ่อทัตตชีโว

✍”ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓”

✍”ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓” . ที่ว่ากายเหมือนผ้าเช็ดเท้า ก็คือธรรมดาผ้าเช็ดเท้า เวลาใครเอาเท้าสกปรกๆ มาเช็ด มันเคยบ่นไหม ไม่เห็นมันบ่นเลย ไม่มีผ้าเช็ดเท้าบ้านไหนบ่นได้ . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ ท่านตั้งใจจะเตือนว่า คนเราจะทำงานอะไรก็ทำให้เต็มกำลังลงไป เป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เลือกงาน และขอให้งานนั้นเป็นงานอาชีพ สุจริตก็ทำเข้าไป . คุณยายฯ ท่านพูดเสมอๆ ว่า ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้วถ้ามันถึงคราวจะต้องไปรับจ้างเขาเทกระโถนล้างกระโถนก็เอาเพราะมันเป็นอาชีพบริสุทธิ์ แต่จะให้ไปลักขโมยใครเขา หัวเด็ดตีนขาดยายไม่ยอมทำ . จะทำกายอย่างกับผ้าเช็ดเท้า ใครจะโขกจะสับอย่างไรก็ยอมล่ะ เพื่อให้ได้อาชีพที่สุจริต แต่จะให้ไปโกงไปกินเขา เพื่อจะได้แต่งตัวสวยๆ ไม่เอาเด็ดขาด . เพราะฉะนั้น ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓ ที่มา : หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๐

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ”

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ เพื่อหมายถึงว่าเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟังก็อย่าไปฟัง หรือฟังแล้วร้อนใจก็อย่าไปฟัง ทำหูเป็นหูกระทะเสียก็หมดเรื่อง . เขาอยากด่า ด่าได้ก็ด่าไป คำด่า ถ้าเราไม่ไปรับไว้ ก็คืนเข้าตัวเขาเองนั่นแหละ . ปู่ย่าตายายมักเตือนหลานบ่อยๆ ว่า คนเราถูกด่าแล้ว พอฝึกใจถึงจุดหนึ่งก็เลยไม่โกรธ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเก่ง ที่เก่งกว่านั้นยังมี คือชมแล้วไม่ยิ้ม ใครชมแล้วไม่ยิ้ม คนนี้ละเก่งจริงๆ . เพราะคนเราทั่วไปพอได้รับคำชมแล้วมักจะยิ้ม โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ลูกถึงได้เต็มบ้าน หลานถึงได้เต็มเมือง . ไปได้ยินคำชมว่า น้องจ๊ะ น้องจ๋า สวยจริงๆ เลย ก็เลยไปเลี้ยงลูกกันเป็นพรวน ถ้าชมแล้วยังเฉยเสียได้ก็สบาย ป่านนี้ก็ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนอกใจอะไรทั้งนั้น . เพราะฉะนั้น ใครทำหูเหมือนหูกระทะได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางหู พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๒ . ที่มา: หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๙-๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา …

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” Read More »

✍️”วันเกิด วันที่วิกฤติที่สุดในชีวิต”

✍️”วันเกิด วันที่วิกฤติที่สุดในชีวิต” . บางท่านถามหลวงพ่อว่า “ในการที่จะนึกถึงพระคุณพ่อพระคุณแม่ให้ได้ลึกซึ้งมากๆ ยิ่งขึ้นนั้น หลวงพ่อพอจะมีคำแนะนำบ้างหรือไม่” . ถ้าใครไม่เคยถาม…ก็ให้ถามตัวเองว่า “วันที่วิกฤตที่สุดในชีวิตของเรา คือ วันใด” . วันที่วิกฤตที่สุดในชีวิตของเรา คือ วันเกิดของเรานั่นเอง วันเกิดนั้นเป็นวันวิกฤตที่สุดในชีวิตของมนุษย์วันหนึ่งทีเดียว และวันนี้แหละถ้าคิดให้ดี จะรักคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาอีกมาก . เมื่อวันเกิดของเรา เป็นวันที่อ่อนแอที่สุดในชีวิต เป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดในชีวิตของมนุษย์ ไม่มีช่วงไหนจะอ่อนแอกว่านี้อีกแล้ว . เรื่องช่วยตัวเองไม่ต้องพูดถึง เพราะเราไม่มีเรี่ยวมีแรง และในวันนั้น เป็นวันที่โง่ที่สุดในชีวิต เพราะไม่รู้อะไรเลย มนุษย์เวลาเกิดมานั้นเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ ไม่มีใครรู้อะไรเลย ทุกอย่างต้องมาเรียนรู้ในภายหลังทั้งสิ้น . เพราะฉะนั้น ในวันเกิดของเรา กำลังกายที่จะช่วยตัวเองก็ไม่มี กำลังสติปัญญาที่จะช่วยตัวเองก็ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้นวันเกิด เป็นวันที่จนที่สุด ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวมาเลยแม้สักชิ้น จนที่สุดในโลก . ในวันเกิดของเรานั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของเรา เพียงแค่ท่านขี้เกียจเลี้ยงเรา เราก็เป็นแค่ขยะก้อนเดียวเท่านั้น . แต่ปรากฏว่า คุณพ่อคุณแม่ของเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น แม้ใครจะมาบอกว่า “อย่าเลี้ยงมันเลย เลี้ยงลูกคน จนไปเจ็ดปีนะ” แม้จะต้องจน …

✍️”วันเกิด วันที่วิกฤติที่สุดในชีวิต” Read More »

“จะฝึกคุณธรรมอะไรก็ตาม ต้องฝึกผ่านงาน”

“จะฝึกคุณธรรมอะไรก็ตาม ต้องฝึกผ่านงาน” . ถ้าไม่มีงาน ก็จะไม่ได้ฝึกอะไร แต่ถ้าฝึกผ่านงาน คุณธรรมอะไรที่อยากได้ ก็จะได้หมด . แล้วไม่ว่าใครก็ตามที่ฝึกผ่านงาน คุณธรรมสิ่งแรกที่จะได้มาโดยอัตโนมัติเลยคือ สัจจะ หมายถึงทำอะไรต้องดี . พอคิดว่าจะเอาดี ความจริงจังจริงใจและความตรงไปตรงมามันจะออกมา จริงคือไม่เล่น ตรงคือไม่คด ไม่มีพิษภัย แท้คือคุณภาพมันได้ สัจจะมันได้ผ่านการทำงานมาแบบนี้ . แล้วสัจจะในการทำงานนี้จะบังคับต่อให้เราต้องมี ทมะ คือต้องฝึก ไม่ฝึกไม่ได้ พอฝึกแล้วจะรู้ว่าตนเองมีทั้งข้อบกพร่องและข้อเด่น พอพบข้อบกพร่องแล้วจะรู้ตัวว่า เราต้องหยุด เพราะฉะนั้นทมะก็เลยแปลว่าหยุด . แล้วไปเจออะไรที่เจ๋งก็ฝึกให้ยิ่งขึ้นไป เมื่อเจ๋งแล้ว อย่าจองหอง อย่าอหังการ ข่มเอาไว้ด้วยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า . จากสัจจะมาทมะ สัจจะคือ จริง ตรง แท้ ส่วนทมะคือ ฝึก หยุด ข่ม แล้วขณะที่ฝึกอยู่นี้เอง หนีไม่พ้นที่ขันติจะต้องมาคือ อดทน . ฝึกทนแดดทนฝนนั่นเรื่องเล็ก แต่ที่ต้องฝึกให้มาก คือ ฝึกทนกระทบกระทั่งกับทนกิเลส อันนี้ยากขึ้นมา …

“จะฝึกคุณธรรมอะไรก็ตาม ต้องฝึกผ่านงาน” Read More »

✍️”นายทุนที่ใจดีที่สุดในโลก”

✍️”นายทุนที่ใจดีที่สุดในโลก” . ถ้าเปรียบมารดาและบิดาเป็นนายทุนออกเงินกู้ ก็เป็นนายทุนที่ใจดีที่สุดในโลก . เพราะนอกจากจะไม่คิดดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ยังไม่เคยอนาทรร้อนใจเลยว่า ลูกหนี้จะชำระหนี้คืนให้หรือไม่ มิหนำซ้ำเมื่อบุตรออกจากเรือนไปแล้ว ยังแถมมรดกของตน (ถ้ามี) ให้ไปทำทุนอีกด้วย . เป็นนายทุนที่ไม่หน้าเลือด แต่มีเมตตาธรรมอย่างสูงที่บุตรจะพึงหาได้ในโลกนี้ ก็มีเฉพาะบุพการีของตนเท่านั้น . นี่คือ พระคุณอันยิ่งใหญ่ของมารดาและบิดาที่มีต่อบุตรประการหนึ่ง . จากหนังสือคัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ หน้า ๑๑๔-๑๑๕ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือคัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ หน้า ๑๑๔-๑๑๕

✍️”เวลาทำงาน อย่าเพาะนิสัยมักง่าย

✍️”เวลาทำงาน อย่าเพาะนิสัยมักง่าย❗️” . ขณะที่ทำงาน สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ การเพาะนิสัยมักง่าย เพราะสิ่งที่เรามักง่ายเหล่านั้น มันจะย้อนกลับมาเป็นภัยต่อตัวเราเองในภายหลัง . 11 ตุลาคม 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

“ใจอยู่ข้างนอกเมื่อไหร่เดี๋ยวบาปเกิด ใจอยู่ข้างในเดี๋ยวบุญเกิด”

“ใจอยู่ข้างนอกเมื่อไหร่เดี๋ยวบาปเกิด ใจอยู่ข้างในเดี๋ยวบุญเกิด” . คุณยายบอกว่า ตรวจตรามาทั้งหมดโลกแล้ว มีบุญกับบาปเท่านั้น ทั้งโลกไม่มีอะไร มีอยู่แค่บุญกับบาป . ถ้าใจอยู่ข้างนอก ใจหลุดออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ เดี๋ยวเรื่องบาปก็จะแทรกเข้ามาได้ ถ้าใจอยู่ข้างในเมื่อไหร่ บุญเกิดเป็นสายเหมือนสายฝน บาปเกิดไม่ได้ ต้องจำเป็นหลักให้ดี . ข้างนอกกับข้างใน ใจอยู่ข้างนอกเมื่อไหร่เดี๋ยวบาปเกิด ใจอยู่ข้างในเดี๋ยวบุญเกิด อยู่ตรงนี้ . คนเราสำคัญอยู่ที่บุญกับบาป คือ บุญมากก็เป็นสุข บาปมากก็เป็นทุกข์ แต่ว่าบุญจะมาก มีข้อแม้ใจต้องอยู่ข้างในตัว . แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ ยิ่งตัวเราเองหรือรอบตัวสกปรกเท่าไร ใจจะไม่ยอมอยู่กับตัว วิ่งออกข้างนอกหมด . ตื่นเช้ามาใจกำลังดี ๆ อารมณ์กำลังดี ๆ ไปได้ยินคำพูดอะไรไปไม่เข้าท่า ใจวิ่งออกจะไปลุยกับเขาแล้ว ได้กลิ่นอะไรไม่เข้าท่า ใจไม่อยู่กับตัว เห็นข้าวของอะไรมันสกปรก เดี๋ยวจะออกไปลุยกันเสีย . ในทางกลับกัน เมื่อตัวเราและรอบตัวเรา อะไร ๆ ก็สะอาดไปหมด ใจจะนิ่งขึ้นมา แล้วใจรักที่จะอยู่ในตัว . แต่มีข้อแม้ สะอาดเพราะมือเรา …

“ใจอยู่ข้างนอกเมื่อไหร่เดี๋ยวบาปเกิด ใจอยู่ข้างในเดี๋ยวบุญเกิด” Read More »

✍”หัวใจของนักบริหาร อยู่ที่การตัดสินใจเมื่อพบปัญหา”

✍”หัวใจของนักบริหาร อยู่ที่การตัดสินใจเมื่อพบปัญหา” . ผู้ที่มีหลักธรรมยึดมั่นประจำใจ การมองปัญหาการแก้ปัญหาของเขา ก็จะไม่ใช้วิธีที่ส่งผลไปในทางชั่วร้าย . สมมติว่าเมื่อองค์กรเกิดภาวะขาดทุน ก็ไม่หารายได้ชดเชยด้วยวิธีการทุจริตหรือผิดศีลธรรม เช่น คดโกง หรือค้ายาเสพติดเป็นการแก้ปัญหา . ขณะคิดแก้ปัญหาก็มีสติควบคุม ไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เช่น เกิดโทสะว่าร้าย หรือทำร้ายผู้อื่นซึ่งจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้ยุ่งยากซับช้อนยิ่งขึ้นไปอีก . ฉะนั้นการเป็นนักบริหารที่ดี จะอาศัยความเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยหลักธรรมประจำใจ รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ . การที่คนเราจะมีปัญญาคิดอย่างนี้ได้ จิตใจของเขาจะต้องผูกยึดกับหลักธรรมตลอดเวลา . จากหนังสือหลักการบริหารตามพุทธวิธี หน้า ๖ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือหลักการบริหารตามพุทธวิธี หน้า ๖

✍️” เวลาผ่านเลยไป พร้อมความแข็งแรงและโอกาส “

✍️” เวลาผ่านเลยไป พร้อมความแข็งแรงและโอกาส ” . เวลาให้ความยุติธรรมวันละ ๒๔ ชั่วโมงเท่ากันก็ดี แต่มันมีความโหดอยู่ในตัวคือ คุณจะเอาเวลานี้ไปใช้หรือไม่ใช้ มันไม่ว่าคุณ เพราะมันให้คุณมาฟรีๆ แต่พอเวลามันจากไปแล้ว . ๑. เวลามันจากไป มันไม่ย้อนกลับมาอีกนะ ไม่เคยที่จะคอยใคร ผ่านแล้วก็ผ่านไป . ๒. มันเอาความแก่ ความเจ็บ ความตายมาฝากเราด้วย ไปท้วงมันก็ไม่ได้ ยินดีจะรับหรือไม่รับ มันก็เอามายัดเยียดให้ . ๓. โอกาสจังหวะที่ดีๆ ก็หมดไปด้วย จังหวะนี้ควรจะเรียนแล้วเราไม่เรียน หมดโอกาสแล้ว จังหวะนี้ควรจะทำอะไรดีๆ แล้วไม่ทำ มันหมดโอกาสแล้ว มันผ่านแล้วผ่านเลย ตรงนี้เองก็เป็นสิ่งที่เราต้องคิดมองเวลาให้ดีว่ามันเป็นอย่างนี้ . แต่ละวันที่ผ่านไป ใครมีความสามารถในด้านความคิดในการจัดระเบียบเวลาได้ลงตัวได้ดีเท่าไร เขาก็จะบริหารเวลาจัดระเบียบในการที่จะแบ่งใช้ทำงานอันนั้น อันนี้ อันโน้นได้ดีเท่านั้น . แล้วจะเกิดผลเป็นรวยเป็นจนจากตัวเขา เกิดผลเป็นบุญเป็นบาปของตัวเขา เป็นผลปิดนรกเปิดสวรรค์ในตัวเขาได้ มันอยู่ตรงนั้นนะ พอเวลาที่เราจัดระเบียบให้ดีล่ะ มันมีผลอย่างนี้ . 6 ธันวาคม 2560 …

✍️” เวลาผ่านเลยไป พร้อมความแข็งแรงและโอกาส “ Read More »

“ฟังธรรมแล้ว ต้องหมั่นย้อนกลับมาดูตัวเอง”

“ฟังธรรมแล้ว ต้องหมั่นย้อนกลับมาดูตัวเอง” . คงต้องคำหนึ่งที่ปู่ย่าตาทวดเตือนกันมา คือ ฟังเทศน์ฟังธรรม แล้วอย่าเพิ่งไปนึกถึงคนอื่น ให้นึกว่า แล้วเราจะเอามาทำอย่างไรกับตัวของเรา . อย่าเพิ่งคิดว่าจะเอาไปแก้ไขคนอื่นยังไง อย่าเพิ่งคิด ให้คิดว่าจะเอาไปแก้ไขตัวเองอย่างไร เอาตรงนี้ก่อนนะ . ดูโขนดูละคร แล้วต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง ฉันใด ได้ฟังธรรมบทไหน ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง . ว่าเราน่ะ ได้ประพฤติตัวพอเหมาะพอสมกับธรรมบทนั้นอย่างไรบ้าง ผิดชอบ ชั่วดีอย่างไรบ้าง แล้วก็จะได้แก้ไขเสีย นี่แหละคือหัวใจของการเรียนธรรมะ . 3 สิงหา 2561 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍กว่าที่พระพุทธองค์ จะทรงสามารถสรุปคำสอนทั้งหมด มาสอนเราได้ ทรงต้องใช้เวลายาวนาน ถึงยี่สิบอสงไขยกับแสนมหากัป

✍กว่าที่พระพุทธองค์ จะทรงสามารถสรุปคำสอนทั้งหมด มาสอนเราได้ ทรงต้องใช้เวลายาวนาน ถึงยี่สิบอสงไขยกับแสนมหากัป . และการบังเกิดขึ้น ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นานๆ จะมีบังเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง . ยิ่งกว่านั้น ก็คือ โอกาสที่จะได้ยิน ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ก็เป็นเรื่องยาก . ก็ขนาดในโลกยุคนี้ พระพุทธองค์ได้มาบังเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีบางคน ที่ตลอดชีวิตไม่เคยได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธองค์มาก่อนเลย . เพราะฉะนั้น พระไตรปิฎก อันเป็นที่บรรจุคำสอนของพระพุทธองค์ ที่เปิดเผยความลับประจำชีวิตให้ชาวโลกได้ รู้นี้ เราต้องพยายามอ่านพระไตรปิฎกให้จบหลายๆ เที่ยว . อ่านให้ซาบซึ้งใจ ในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ แล้วเราจะได้มีกำลังใจ ทุ่มชีวิตปฏิบัติธรรมตามรอยบาทของพระพุทธองค์ยิ่งๆ ขึ้นไป . แล้วก็จะเป็นเหตุให้เรา สามารถเข้าถึงธรรมะภายในไปตามลำดับ จนกระทั่งใจกับธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลืองฯ หน้า ๓๑ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลืองฯ หน้า ๓๑

✍️เวลาไหน ที่เหมาะแก่การถ่ายทอดนิสัยดีๆ ให้ลูก ❓

✍️เวลาไหน ที่เหมาะแก่การถ่ายทอดนิสัยดีๆ ให้ลูก ❓ . ประโยชน์ของการกินอาหารพร้อมหน้ากันทุกวัน คือ ถ้าใครในบ้านมีปัญหาอะไรจะได้พูดกัน ไม่ต้องติดค้างอยู่ในใจ มีอะไรจะแนะนำสั่งสอนกัน ก็ใช้เวลาว่างช่วงนี้แหละเหมาะสมที่สุด เพราะท้องอิ่ม อารมณ์ดี . ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสให้ลูกๆ ได้ถ่ายทอดนิสัยที่ดีจากพ่อแม่ โดยการเลียนแบบกิริยามารยาทในการกินอยู่ไปโดยอัตโนมัติ . จากหนังสือ ครอบครัวอบอุ่น น.134 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือ ครอบครัวอบอุ่น น.134

✍️”เลวมา ไม่เลวตอบ”

✍️”เลวมา ไม่เลวตอบ” . อย่าเอาความชั่วหรือความเลวของคนอื่น มาเป็นเหตุให้เราต้องทำความชั่วทำความเลวด้วยเลย เช่น เมื่อถูกใครด่าว่า ก็อย่าเอาคำด่าของคนอื่นมาเป็นเหตุให้เรา เลิกรักษาศีล แล้วไปตะโกนด่ากับเขากลับมั่ง ในฐานะชาวพุทธ นี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง . 15 พฤศจิกายน 2558 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍การกราบการไหว้ เป็นการแสดงความเคารพ เป็นเครื่องหมายแสดงว่า เราตระหนักในความดีของคนๆ นั้น หรือสิ่งนั้นมากจริงๆ จนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ต้องเข้าไปแสดงอาการเคารพคือกราบไหว้

✍การกราบการไหว้ เป็นการแสดงความเคารพ เป็นเครื่องหมายแสดงว่า เราตระหนักในความดีของคนๆ นั้น หรือสิ่งนั้นมากจริงๆ จนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ต้องเข้าไปแสดงอาการเคารพคือกราบไหว้ . จากนั้นก็พยายามเรียนรู้ รู้จักจับจ้องดูวิธีทำความดีของท่าน และทำดีตามอย่างท่าน . ถ้าเราไม่หัดกราบไหว้มาตั้งแต่ต้น เราก็จะมีทิฏฐิมานะ ความถือตัวมาก . บางคนถึงกับมองความดีของคนอื่นไม่เห็น เห็นแต่ความผิดพลาดของเขา พยายามจับผิดเขาทุกวัน . ปัจจุบันเราจะเห็นว่าบุคคลในวงการต่างๆ พยายามจับผิดกัน นักเรียนจับผิดครูบาอาจารย์ . ครูบาอาจารย์จับผิดนักเรียน ผู้ใหญ่กับผู้น้อยก็จับผิดกัน เพื่อนร่วมงานก็จับผิดกัน ต่างไม่พูดถึงความดีของใคร เพราะมองไม่เห็น . ถ้าปล่อยให้สังคมเป็นเช่นนี้ ในไม่ช้าระบบสังคมจะล้มเหลว ก็ต้องแก้ด้วยความเคารพ คือ การจับดี . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๗ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๗

✍️” สังคมอยู่ได้ เพราะมีให้และมีรับ “

✍️” สังคมอยู่ได้ เพราะมีให้และมีรับ ” . เราควรจะให้อะไรกับเขา แล้วเราควรรับอะไรจากเขา คือมีให้และมีรับ ถ้าสังคมมีให้มีรับแบ่งปันกันอย่างนี้ สังคมจึงจะอยู่รอด . ถ้ามีแต่ รับ ไม่มี ให้ ไปไม่รอด หรือมีแต่ให้ๆๆ แล้วไม่มีรับกลับมา ก็หมด ก็ต้องชัดเจนลงไปอย่างนี้ว่า เราควรจะให้อะไรเขา แล้วเราควรจะรับอะไรจากเขา มีให้ มีรับ อย่างนี้ สังคมอยู่ได้ . 15 พฤศจิกายน 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา