หลวงพ่อทัตตชีโว

ความกตัญญูทำให้เกิดปัญญา ได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าค่ะ  หลวงพ่อเคยเทศน์ไว้ว่า   ความกตัญญูทำให้เกิดปัญญา  อยากถามว่าความกตัญญูจะทำให้เกิดปัญญาได้อย่างไรคะ? คำตอบ: เจริญพร  “ความกตัญญู” เป็นต้นเหตุสำคัญที่จะทำให้คนเกิดปัญญา  ซึ่งในที่นี้จะยกตัวอย่างขั้นต้น   พระสารีบุตร ได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปรียบเสมือนแขนขวาของพระองค์  เลิศด้วยปัญญา   ตลอดชีวิตของพระสารีบุตร  ท่านมีแต่ความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง          เรื่องได้เคยบันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฎก  ก่อนที่ท่านจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ท่านเคยมีครูอยู่ในศาสนาอื่น  ต่อมาท่านก็พบว่าคำสอนในลัทธิ ศาสนานั้นช่วยให้พ้นทุกข์ไม่ได้ ท่านก็ลาอาจารย์เที่ยวแสวงหาอาจารย์ใหม่จนกระทั่งมาเจอพระอรหันต์รูปหนึ่ง  พระอรหันต์รูปนั้นสอนพระสารีบุตรสั้นๆ แล้วก็ได้  บรรลุธรรมขั้นต้นเป็นพระโสดาบัน          พอบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันขั้นต้นแล้ว   ท่านก็รีบไปหาอาจารย์เก่าของท่าน  พยายามไปชักชวนให้อาจารย์เก่าของท่าน ไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้พ้นทุกข์ตามมา  แต่ว่าไปด้วยอำนาจแห่งความกตัญญูกตเวทีของท่าน  แต่น่าเสียดายครูเก่าของท่านไม่ยอมไป  ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า  พระสารีบุตรท่านทำดีที่สุดแล้ว         จากนั้นมาเมื่อท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว  ทุกคืนก่อนที่ท่านจะจำวัด ท่านจะต้องนั่งเข้าที่ทำสมาธิตรวจดูก่อนว่าอาจารย์ของท่านที่เป็นพระอรหันต์  ไปประกาศศาสนาอยู่ทางทิศไหน  ไปโปรดชาวโลกอยู่ทางทิศไหน  เมื่อพบแล้ว  ท่านก็หันศีรษะไปทางนั้นก่อนนอน  กราบเสร็จก็หันศีรษะไปทางครู  คือถ้ายังทำอะไรอยู่  อย่างน้อยก็เอาอวัยวะส่วนที่สูงที่สุดในร่างกายคือศีรษะหันไปบูชาครู  นี่คือจิตใจของท่าน         ส่วนอะไรที่ทำให้กับครูบาอาจารย์ท่านได้  ท่านทำเต็มที่  ถ้าวันนั้นทำไม่ได้  อย่างน้อยหันศีรษะไปบูชาครูก่อนนอนก็ยังดี  นี่คือจิตใจของท่าน และตรงนี้เองที่เป็นนิสัยติดตัวของท่านมาข้ามภพข้ามชาติ …

ความกตัญญูทำให้เกิดปัญญา ได้อย่างไร Read More »

แพทย์โกหกเพื่อให้คนไข้สบายใจ เป็นบาปหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อครับ คนส่วนใหญ่คิดว่า การโกหกเพื่อให้คนสบายใจ เช่น แพทย์ปิดบังความจริงกับคนป่วยหนัก เพื่อให้เขาสบายใจ การโกหกอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นบาป เราจะอธิบายให้เขาเข้าใจถูกต้อง ได้อย่างไรครับ  คำตอบ:  ครั้งใดที่เราโกหก ครั้งนั้นฟ้องว่า ความกล้าในการเผชิญต่อความจริงของเราได้สูญเสียไป โกหกแต่ละครั้ง ก็ทำให้ความกล้าในการเผชิญกับความจริงลดไปทุกครั้ง ในที่สุดคนอื่นจะเสียหายหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือกำลังใจของเราถดถอยลงไปทุกวัน ตรงนี้ที่บาปมันเกิดแล้ว ส่วนคนฟังจะเป็นอย่างไร ก็อีกเรื่องหนึ่ง เอาตัวให้รอดก่อนช่วยคนไข้ แต่เราอาการปางตายเข้าไปทุกวัน หลวงพ่อว่าไม่คุ้มหรอก             ครั้งใดที่เราจะโกหกนอกจาก จะทำให้กำลังใจในการเผชิญกับความจริงหมดไปยังไม่พอ เวลาเราจะพูดอะไรเราต้องคิดก่อนทั้งนั้น ทันทีที่เราคิดตามความเป็นจริง ภาพมันก็จะปรากฏขึ้นในใจเราชัดเจนเหมือนในจอทีวี ถ้าเราโกหกเมื่อไหร่ เราจะต้องล้มภาพนั้นทิ้ง โกหกแต่ละครั้งก็เท่ากับล้มภาพนั้นทิ้งแต่ละครั้งเหมือนกัน เวลาเราดูทีวีบางครั้งเครื่องมันรวน ภาพในจอทีวีพอขึ้นมาแล้วก็ล้ม ทีวีประเภทนี้ถ้าไม่รีบซ่อมก็รีบเอาไปโยนทิ้งนะ              เราก็เหมือนกันถ้าโกหกไปเรื่อยๆ ก็คือหลอกตัวเองหรือล้มภาพทางใจที่ดีงาม ชัดเจนทิ้ง ต่อไปเวลาคิดอะไรภาพมันเริ่มไม่ชัด หรือภาพที่คิดแล้วชัดแล้ว แต่ตัวเองเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา เนื่องจากล้มทิ้งเสียจนเคย ตรงนี้อันตราย เพราะนอกจากล้มทิ้งแล้ว เราไปตั้งภาพหลอกขึ้นมาซ้อนอีกภาพหนึ่ง ทำให้ภาพที่เกิดขึ้นเป็นทั้งภาพจริงและภาพหลอก มันจะซ้อนถูกบันทึกกันไว้ในใจ เมื่อบันทึกไว้ในใจ พอเราพูดก็ตอกย้ำลงไปอีก พูดเท็จก็ตอกย้ำภาพเท็จ ย้ำลงไปเรื่อยๆ             คุณภาพใจของคนที่พูดเท็จนั้นเสียหมดเลย เพราะเหตุที่คุณภาพทางใจของคนพูดเท็จมันเสียไปเรื่อยๆนี่แหละ ทุกครั้งที่พูดเท็จเราจึงพบว่า คนที่โกหกเก่งๆ พูดเท็จเก่งๆ คนพวกนี้นั้นบั้นปลายชีวิต มักจะเป็นคนหลงทั้งนั้น นบางคนอายุแค่ ๕๐, ๖๐ ก็เริ่มหลง แต่บางคนอายุ ๙๐ ไม่หลงเลย เรื่องเมื่อท่านเป็นเด็กๆท่านยังจำได้ เล่าให้เราฟังได้แม้ท่านอายุ ๙๐ แล้ว แต่บางคนอายุแค่ ๖๐ เท่านั้น เรื่องเมื่อวานก็จำไม่ได้เแล้ว อาการอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าลืม เขาเรียกว่าหลง เพราะโกหกมาตลอดชีวิต เป็นนักโกหกนั่นเอง             เพราะฉะนั้นถ้าเราจะรักษาคุณภาพของใจ             ๑.  ไม่ให้หลงๆ ลืมๆ             ๒.  ไม่ให้กลายเป็นคนขี้ขลาด อย่าโกหกนะ             …

แพทย์โกหกเพื่อให้คนไข้สบายใจ เป็นบาปหรือไม่ Read More »

จะสอนให้ลูกหลานมีความกตัญญูได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าขา  สังคมปัจจุบันนี้เกิดปัญหาลูกขาดความกตัญญูต่อพ่อแม่มากขึ้น   หลวงพ่อจะมีวิธีสอนให้ลูกหลานของเราเป็นคนดี  มีความกตัญญูได้อย่างไรบ้างคะ? คำตอบ:     การที่ลูกหลานยุคนี้ไม่ค่อยจะมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตาทวดของตัวเอง   ถ้าจะว่าไปแล้ว ประเด็นใหญ่ๆ ยังมี ๒ ประเด็นก็คือ         ๑.  เขานึกถึงคุณของพ่อแม่ไม่ออก  และ         ๒.  แม้นึกออก  แต่ว่าไม่รู้วิธีที่เหมาะสมที่จะไปตอบแทนพระคุณพ่อแม่ พ่อแม่มีพระคุณต่อลูก เรื่องหลักๆ ๓ เรื่องด้วยกัน         ๑.  ให้ชีวิต  เมื่อท่านรู้ตัวว่าเราอยู่ในครรภ์ท่าน  ถ้าท่านไม่คิดจะเอาเราไว้แล้ว   มีวิธีทำให้ตายมากมาย  แล้วเขาก็ทำกันมาเยอะแล้ว ไม่ต้องอธิบาย  แต่คุณพ่อคุณแม่เรา ให้เรามีชีวิตอยู่มาถึงขนาดลืมตาดูโลกได้  พระคุณข้อที่ ๑. คือเปิดโอกาสให้เรามีชีวิตมาลืมตาดูโลกนี้         ๒.   ท่านให้ต้นแบบร่างกายที่เป็นคน   ซึ่งเหมาะในการที่จะประกอบ คุณงามความดีทั้งหลาย  ต่างกว่ารูปร่างที่เป็นสัตว์โลกชนิดอื่น          ๓.  เมื่อคลอดแล้ว ท่านก็ไม่ได้ดูดาย  คอยสอนจิตใจที่เป็นมนุษย์ให้  ให้เรารู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้บุญ รู้บาป   …

จะสอนให้ลูกหลานมีความกตัญญูได้อย่างไร Read More »

ดื่มเหล้าเข้าสังคมหรือดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ผิดศีลข้อ 5 หรือไม่

คำถาม :  กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ อยากเรียนถามว่าบางคนคิดว่าการดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคมนิดๆ หน่อยๆ หรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ไม่ได้ดื่มจนมึนเมา ก็ไม่น่าที่จะผิดศีลข้อ ๕ ใช่หรือไม่เจ้าคะ คำตอบ :  การดื่มเหล้า ดื่มไวน์ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บาปทั้งนั้น มันเสียหายกับตัวเองทั้งนั้น โบราณท่านเคยเตือนเอาไว้ ไฟแม้เล็กน้อย แค่ก้นบุหรี่ก้นเดียวก็เผาเมืองได้ ยาพิษแม้เล็กน้อยอาจตายได้ อุจจาระไม่ว่าน้อยใหญ่เหม็นทั้งนั้นเหล้าก็เหมือนกัน ไม่ว่ามากหรือน้อย มันได้เพาะเชื้อวิบัติเข้าไปไว้ในตัว เหมือนอย่างกับเชื้อโรค ไม่ว่ามาก ไม่ว่าน้อย มันก็พร้อมจะบ่อนทำลายสุขภาพ พร้อมที่จะทำลายชีวิตเรา ถ้ากำลังมันยังหย่อนอยู่ ก็กลายเป็นเพาะเชื้อร้ายเอาไว้ในตัวถ้าเป็นยาพิษ จะมากจะน้อยเพาะเอาไว้ ฝังเอาไว้ในตัวเราเตรียมที่จะขยายพิษกันต่อไปในภายภาคหน้า             ฉะนั้นอย่าไปดูถูกมัน เหล้าไวน์แม้ดื่มเพียงเล็กน้อย เชื้อวิบัติก็เข้าไปในตัวแล้ว มันวิบัติอย่างไร มาดูกันในเรื่องของความสมบูรณ์แห่งความเป็นคนน่ะ มันอยู่ตรงไหน มันอยู่ตรง ๒ เหตุใหญ่ ๆ             เหตุที่ ๑. คือ ความมีสติ อะไรก็ตาม ตัดรอนสติเราแม้แต่นิดเดียวใช้ไม่ได้ เพราะความสมบูรณ์แห่งความเป็นคน อยู่ที่สติ คือความรู้ตัวของเรา ความระลึกได้ อยู่ตรงนี้ ขนาดไม่ได้กินเหล้าหรือไวน์ โอกาสที่เราจะเผลอตัวยังมี แล้วทำอะไรผิดพลาดก็มี ถ้าไปเติมเหล้า เติมไวน์จะมากหรือน้อย ก็บ่อนทำลายสติลงไป ตามส่วนที่เรากินนั่นแหละ เพราะฉะนั้นกำลังหาวิบัติเข้าตัว นี่เป็นประการที่ ๑.             …

ดื่มเหล้าเข้าสังคมหรือดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ผิดศีลข้อ 5 หรือไม่ Read More »

ทำไมต้องสร้างเครือข่ายคนดี มีความสำคัญอย่างไร

คำถาม: กระผมขอกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าให้ช่วยกันสร้างเครือข่ายคนดี อยากให้พระเดชพระคุณหลวงพ่ออธิบายว่ามันสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องสร้างด้วยครับ คำตอบ: ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะว่า คำว่าเครือข่ายคนดีนี้ มาจากคำว่า กัลยาณมิตตา คือ การคบคนดีเป็นเพื่อนคบคนดีเป็นมิตร โดยตัวเนื้อหาสาระแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนเอาไว้ว่า ในการที่เราจะประกอบอาชีพใดๆก็ตาม ถึงแม้เราจะมีความสามารถในการทำการค้าการขาย ในการประกอบธุรกิจต่างๆ จะเก่งอย่างไรก็ตาม เรามีความจำเป็นจะต้องสร้างจะต้องมีคนดีเป็นเพื่อนเอาไว้เยอะๆ เพราะฉะนั้น เครือข่ายคนดีในที่นี้ก็หมายถึงการมีคนดีเป็นเพื่อนเยอะๆ ตีประเด็นนี้ก่อนนะ เครือข่ายคนดี คือ อะไร เครือข่ายคนดี คือ การมีเพื่อนเป็นคนดีเยอะๆ สำคัญอย่างไร สำคัญ เพราะว่าเราก็จะได้ซึมซับเอาความดีจากรอบทิศมาได้เยอะๆ ทีนี้ พูดง่ายๆ ในวันหนึ่งวันหนึ่ง เราหมดเวลาไปกับการทำมาหากินเยอะ ส่วนว่าความรู้ความดี โดยเฉพาะธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเอามาใช้ปรับปรุงตัว เอามาปราบกิเลสน่ะ เราแทบไม่ค่อยจะมีเวลาไปค้นคว้าพระไตรปิฎกมาอ่านกันเลย เวลาจะไปวัด ยังหากันไม่ค่อยได้ แล้วจะทำอย่างไรล่ะ จะให้ความดีมาถึงบ้าน มีทางเดียว คบคนดีเป็นมิตรเยอะๆ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายคนดี หรือการมีคนดีเป็นเพื่อนเยอะๆ มันอยู่ตรงไหน คำตอบ คือ อยู่ตรงที่ว่ายิ่งสร้างมามากเท่าไหร่ ความดีก็ไหลเข้าตัวเข้าบ้านเรามากเท่านั้นนั่นเอง ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ …

ทำไมต้องสร้างเครือข่ายคนดี มีความสำคัญอย่างไร Read More »

ชายโสดเที่ยวหญิงบริการ ผิดศีลข้อ 3 หรือไม่

คำถาม :  กราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าค่ะ ปัจจุบันนี้ผู้ชายโสดส่วนมากมีความเข้าใจว่าการเที่ยวผู้หญิงที่ขายบริการ ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ เพราะพวกเขาไม่ได้นอกใจใคร แล้วหญิงเหล่านั้นก็สมัครใจด้วย ความเชื่อนี้จะถูกหรือผิดอย่างไรบ้างเจ้าคะ คำตอบ :  ต้องมองว่ามันมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของการผิดศีล อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของเปิดทางนรก หรือเปิดทางพินาศให้กับตัวเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนี้ว่าอบายมุข คือปากทางแห่งความเสื่อม การที่ชายโสดชอบไปเที่ยวกลางคืน เที่ยวกับผู้หญิงขายบริการ มองให้ชัดๆว่าคนที่ไปเที่ยวอย่างนี้เป็นคนเช่นไร ?             ก็คือเป็นคนที่หักห้ามใจไม่เป็น สัตว์เดรัจฉานต่างกับคนตรงนี้แหละ อาศัยอยู่ในโลกเดียวกัน มีชีวิตด้วยกัน มีสิ่งบีบคั้นใจเหมือนกันคือ ความรู้สึกหรือความต้องการทางเพศ มนุษย์ก็มีความต้องการทางเพศ สัตว์เดรัจฉานก็มีความต้องการทางเพศ เมื่อความต้องการทางเพศมันเกิดขึ้น สัตว์เดรัจฉานมันไม่คิดมากหรอก มันคิดไม่เป็น มันก็สนองความต้องการของมันกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ นั่นคือ สัตว์เดรัจฉาน แต่ว่ามนุษย์มีสติปัญญามากกว่านั้น รู้จักหักห้ามใจ ใครไม่เหมาะไม่ควรกับเรา เราเป็นคนโสด แล้วเขาก็ยินดีขายบริการ แต่ว่าสิ่งที่ตามมามันยิ่งกว่านั้น             มันอยู่ที่เราเริ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวเข้าไปแล้ว พอความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะใช้บริการเมื่อนั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ นิสัยเอาแต่ใจอย่างนี้ ไม่รู้จักข่มเอาไว้ วันหลังมันกำเริบมากเข้า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวันนั้น ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในวงการ เป็นที่รู้จักมีหน้ามีตากันในสังคมไทย อายุก็ ๖๐ แล้ว ไปเที่ยวโสเภณีเด็ก เด็กเล็กๆ อายุรุ่นลูกรุ่นหลานขายบริการ ก็เลยไปเที่ยว เรื่องแดงขึ้นมา กลายเป็นว่าศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว ๑๖ ปี จำคุก ศาลอุทธรณ์ตัดสินซ้ำเข้าไปอีก ๓๖ ปี ยังไม่รู้ว่าศาลฎีกาจะว่าอย่างไร นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ในปัจจุบันนี้             การเอาแต่ใจตัว บอกว่าไม่ผิดศีล แต่ว่ามันไม่ได้แค่ผิดศีลเท่านั้น มันฟ้องถึงไม่มีธรรมะประจำใจ คือไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะหักห้ามใจว่า ตัวเองก็แก่แล้ว …

ชายโสดเที่ยวหญิงบริการ ผิดศีลข้อ 3 หรือไม่ Read More »

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีได้อย่างไร

คำถาม: พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีเอาไว้อย่างไรบ้างครับ คำตอบ: คว้าหัวใจเลยเชียวนะ…หลักในการสร้างเครือข่ายคนดี มีย่อๆอยู่สี่คำ คือ ให้ ให้ ให้ แล้วก็ ให้…ชัดเจนดีไหม หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีนั้น เนื่องจากคนทุกคนมีความพร่องอยู่ในใจ จำไว้ก็แล้วกัน แม้เราเองก็มีความพร่องอยู่ในใจ แต่ละคนพร่องในเรื่องอะไรบ้าง พร่องประการที่หนึ่ง คือ พร่องสมบัติ ทรัพย์สมบัติ มันไม่ค่อยจะพอกันทั้งนั้นแหละ มันจึงต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขายกันตลอดชีวิตนั่นแหละ ทำมันทำไม…ทำเอามากิน ทำเอามาใช้นั่นแหละนะ ทรัพย์สมบัติมันพร่อง นี่เป็นธรรมชาติของคนจึงต้องประกอบอาชีพกันตลอดชีวิต พร่องประการที่สอง กำลังใจมันพร่อง ไม่ว่าเราจะเก่งกาจแค่ไหน ทำงานไปแล้ว มันก็เจออุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา เมื่อไปเจออุปสรรคเข้า ถ้าแค่บ้างมันก็แล้วไป แต่พอเจอหนักๆเข้า กำลังใจมันก็ชักถอยๆถดๆไปล่ะนะ เมื่อกำลังใจถดถอยไป กำลังใจมันพร่องไป มันก็ต้องหามาเติม กำลังใจมันคอยจะพร่อง ดูนักกีฬาก็แล้วกัน เล่นกีฬาแล้วไม่มีกองเชียร์เล่นไม่สนุกหรอก ไม่เชื่อนะ คุณลองไปวิ่งคนเดียวดูก็แล้วกัน ไม่มันหรอก มันต้องมีกองเชียร์ แล้วก็ต้องมีคนแข่งด้วย กำลังใจมันพร่องก็ต้องมีคนคอยเชียร์กันบ้าง นี่เป็นตัวอย่างนะ พร่องประการที่สาม พร่องความรู้ความสามารถ โถ…คนเราเกิดมาพร้อมกับความโง่ มารู้ มาเรียนรู้ …

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีได้อย่างไร Read More »

ทำแท้งด้วยความจำเป็น บาปหรือไม่

คำถาม:  กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า การทำแท้งด้วยความจำเป็น เช่น ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหรือตั้งครรภ์แล้วป่วยด้วยหัดเยอรมัน ถ้าเด็กคลอดออกมาก็จะพิการ การทำแท้งด้วยความจำเป็นแบบนี้ บาปหรือไม่เจ้าคะ คำตอบ:  ในเรื่องของการทำแท้ง ไม่ว่าจะทำแท้งเพราะถูกข่มขืน หรือว่าขณะตั้งครรภ์แล้วป่วยเป็นโรคหัด โรคอะไรก็ตามที อยากจะทำแท้ง  ถามว่าบาปไหม?             แน่นอนเลย ทำแท้งคือการฆ่าคน เมื่อขึ้นชื่อว่าฆ่าเสียแล้ว ก็บาปทั้งนั้น แม้ไม่ได้เต็มใจที่จะท้องครั้งนี้ มาโดนข่มขืน หรือว่าเป็นโรคหัด ลูกของเราถ้าปล่อยให้คลอดมาเสี่ยงเหลือเกิน ที่จะพิการ จะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยง จะเต็มใจที่จะมีครรภ์หรือไม่ แต่ฆ่าเมื่อไหร่ บาปเมื่อนั้น ได้เพาะนิสัยโหด สันดานโหดเข้ามาในกมลสันดานมนุษย์เสียแล้ว             มนุษย์มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าสัตว์ตรงที่ไม่ฆ่านี่แหละ ถามว่าทุกชีวิตบนโลกใบนี้รักที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร? ตอบเหมือนกันทั้งโลก ก็ชีวิตตัวเองนั่นแหละ คนอื่นก็รักชีวิตตัวเอง อย่าว่าแต่คนเลย สัตว์เดรัจฉานทุกตัวก็ตอบแบบเดียวกัน นั่นคือใครๆ ก็รักชีวิตตัวเองทั้งนั้น             เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ต้องไม่ฆ่าใคร ทำความเข้าใจตรงนี้ให้ชัด ถ้าไปฆ่าใครมันก็บาป ฉะนั้นแม้โดนข่มขืน จะอยากให้เกิดหรือไม่ แต่เขาเข้ามาเกิดในท้องแล้ว เขาก็มีชีวิตของเขาแล้วคุณฆ่าเขาคุณก็บาป หรือแม้ไม่อยากจะให้เขาเกิดมาเพราะเป็นโรคหัด เมื่อคลอดมาแล้วจะพิการ ถึงพิการ  อย่างไรคุณค่าของคนโดยทั่วไป …

ทำแท้งด้วยความจำเป็น บาปหรือไม่ Read More »

สอนธรรมะให้ผู้พิพากษา

คำถาม: คุณทิพย์สุดา อริยวัตร เขียนมาถามว่า ลูกได้รับมอบหมายจากอธิบดีศาลแพ่ง ให้ทำหน้าที่สอนธรรมะแก่ผู้พิพากษาและข้าราชการเดือนละ ๑ ครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๘ นี้  เลยรู้สึกหนักใจ เนื่องจากผู้พิพากษาก็อยู่ในโลกของเขา คนทั่วไปยากที่จะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของเขาได้ ขอความเมตตาจากหลวงพ่อ ช่วยแนะนำแนวทางในการสอนธรรมะด้วยค่ะ คำตอบ: ตรงนี้ก็ขอตอบเป็นกลางๆ ก็แล้วกัน อย่าว่าแต่ไปให้ความรู้ธรรมะแก่ผู้พิพากษาเลย ซึ่งก็ถือว่าท่านผู้พิพากษานี้ ถ้าสติปัญญาท่านไม่เยี่ยม ท่านก็คงไม่ได้รับตำแหน่งนี้ เมื่อสติปัญญาท่านเยี่ยม ก็ถูกแล้วที่คุณโยมจะรู้สึกประหม่า ที่จะไปมอบธรรมะให้กับท่านเหล่านี้              อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับความจริงเกี่ยวกับเรื่องธรรมะก่อน ในเรื่องของธรรมะกับความรู้วิชาการทางโลก ตรงนี้อย่าปนกัน ผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมในทางโลก ไม่ได้หมายความว่าจะมีสติปัญญาเฉียบแหลมในทางธรรม ตรงนี้ต้องชัดเจนกันเลย เป็นประการที่ ๑.             ประการที่ ๒. แม้ผู้ที่มีความเข้าใจเฉียบแหลม สติปัญญาดีมีความเข้าใจในเรื่องทางธรรมเหมือนๆ กัน แต่ก็อย่าเพิ่งทึกทักว่า จิตใจของเขาจะเป็นธรรมเหมือนกัน เพราะว่ามีความรู้ความเข้าใจธรรมะเหมือนกันนี่แหละ แต่ว่าถ้าความรู้ธรรมะนั้นเป็นความรู้ในระดับที่เข้าใจ ในระดับที่ตรองมา ใช้ตรึกตรอง ใช้พินิจพิจารณาแล้วเข้าใจเหตุผลต้นปลายว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้เป็นอย่างนี้ ที่เกิดเป็นกรรมดีอย่างนั้น เพราะได้ไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วผลจะส่งให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้อะไรต่อไป มองทะลุปรุโปร่งเข้าใจหมด แต่นั่นเป็นเพียงระดับเข้าใจ …

สอนธรรมะให้ผู้พิพากษา Read More »

กราบเท้าพ่อแม่ก่อนนอนจะช่วยพัฒนาคุณธรรมของเด็กได้อย่างไร

คำถาม:  กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า สังคมไทยสมัยก่อน จะให้ลูกกราบเท้าพ่อแม่ก่อนเข้านอน สิ่งนี้จะพัฒนาคุณธรรมในตัวเด็กได้อย่างไร และถ้าคนในยุคนี้จะทำบ้าง ควรจะเริ่มต้นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ คำตอบ: ในเรื่องของการให้ลูกไปกราบเท้ากราบแม่ก่อนนอน ตั้งแต่โบราณ หลักการอยู่ตรงไหน? เป็นหลักการหรือเป็นกุศโลบาย ในการที่จะถ่ายทอดนิสัยอันดีงามที่พ่อแม่ฝึกมาตลอดชีวิต สู่ลูกหลานของตัวเอง ความดีนั้น มันเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝัง จะรอให้เกิดขึ้นเองนั้นไม่ได้ เหมือนข้าวต้องปลูก ผักผลไม้ต้องปลูก ถ้าไม่ปลูก ไม่ขึ้น แต่ว่าหญ้าหรือวัชพืชนั้น ไม่ต้องปลูก มันขึ้นเอง ถอนทิ้งไม่ไหวเลย             ปู่ ย่า ตา ทวด มองได้ลึกซึ้งในเรื่องเหล่านี้ จึงมีกุศโลบายให้ลูกหลานมากราบเท้าท่านก่อนนอน การที่ลูกคลานเข้าไปหาพ่อแม่ แล้วไปกราบ มันได้อะไร มันไม่เป็นการไปบังคับจิตใจลูกมากไปหรือ ไม่เลย เพราะเป็นเรื่องของการหาโอกาสได้ใกล้ชิดกันระหว่างพ่อ แม่ ลูก ก็เลยทำให้ได้พูดกัน ทำให้เห็นกัน ทำให้เข้าใจกัน เมื่อทำกันอย่างนี้ทุกวัน ทุกคืน ก็จะทำให้ลูกของเราเกิดความใกล้ชิด และซาบซึ้งถึงความปรารถนาดีซึ่งพ่อแม่มีกับลูก ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้             หากลูกไปทำอะไรผิดพลาดมาในวันนั้น ตามธรรมดาใจของเด็กจะสะอาด เหมือนผ้าขาว เพราะฉะนั้นถ้าเขาไปทำอะไรผิดมาครั้ง ๒ ครั้ง แรกๆ …

กราบเท้าพ่อแม่ก่อนนอนจะช่วยพัฒนาคุณธรรมของเด็กได้อย่างไร Read More »

พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ตามธรรมเนียมของไทย ในวันสำคัญต่างๆ เช่นวันขึ้นปีใหม่ หรือปรารภเนื่องในวันมงคลต่างๆ ผู้น้อยมักจะไปกราบขอพรผู้ใหญ่อยู่เสมอๆ อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า  พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไรเจ้าค่ะ คำตอบ:  คำว่า “พร” ในภาษาไทย มาจากคำว่า “วร” ในภาษาแขกหรือภาษาอินเดียของเขา แปลว่า “ประเสริฐ” ให้พรก็คือให้ความประเสริฐ คนเราให้ความประเสริฐแก่กันเป็นสิ่งที่ดี             คำถามต่อไปก็คือ แล้วคนเรานั้นประเสริฐตรงไหน? หลักธรรมในพระพุทธศาสนาต้องถูกยกขึ้นมาตรงนี้ ก็ต้องมองอย่างนี้ มองเข้าไปที่ใจคน อย่าไปมองที่รูปร่าง ความประเสริฐทางรูปร่าง เช่น หล่อ เช่น สวย แข็งแรง มันก็ดีหรอก แต่ว่ามันยังดีไม่จริง ถ้าดีจริงมันต้องดีเข้าไปถึงในใจ อย่างนี้ดีแท้             ในใจคนมีอะไรบ้าง? ถ้าคนทั่วไปยังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เราก็ยังมีข้อเสียอยู่ในใจของเราด้วยกันทุกคน มีโลภ โกรธ หลง อยู่ในใจมาก ก็จะต้องทำให้เขาคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ได้มากๆ แล้วบาปก็เกิดมาก แล้วก็บั่นทอนตัวเองไปได้มาก แต่ถ้าใครมีความโลภ โกรธ หลง …

พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไร Read More »

เมื่อจำเป็นต้องสมาคมกับคนพาน ควรวางตัวอย่างไร

คำถาม:  หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมทำงาน ที่ต้องเจอะเจอกับคนพาลที่ชอบชักนำไปในทางไม่ดี เช่น ชวนไปสังสรรค์ดื่มเหล้า เราควรจะวางตัวอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ:  ในสังคมเราหนีคนพาลไม่พ้น แต่ว่าเราก็ต้องแยกออกว่า คนพาลก็มีอยู่ 2 พวก คือ             1. พาลแบบถาวร คือคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นปกติอย่างที่ว่ามา             2. พาลชั่วครั้งชั่วคราว พาลเพราะว่าเผลอไผล สติแตก คือบางครั้งก็คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เมื่ออารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ว่าพออารมณ์ดีขึ้นมา ก็คิดดี พูดดี ทำดีเป็น อย่างนี้เป็นพาลชั่วคราว ซึ่งว่าไปแล้วแม้เราเองก็อยู่สังกัดประเภทนี้ ภาษาพระมีคำพูดเพราะๆ อยู่คำหนึ่ง ซึ่งใช้คำว่ากัลยาณพาล พาลพอทนกันได้ พาลพองาม ความจริงพาลแล้วมันไม่งามหรอกแต่ว่า คือพาลพอทนกันได้ พาลพอแก้ไขได้             ในที่ทำงานเรานั้นมีทั้ง 2 ประเภทอยู่ด้วยกัน มีทั้งพาลถาวร และพาลชั่วคราว ตรงนี้ก็วางตัวลำบากหน่อย แต่ก็ต้องหาทางเอาตัวให้รอดจากบาป นรก รอดจากการที่จะกลายเป็นคนพาลถาวรตามเขา เพราะเชื้อพาลเราก็พอมีอยู่แล้ว             ในขั้นต้นดูที่พาลชั่วคราวก่อน …

เมื่อจำเป็นต้องสมาคมกับคนพาน ควรวางตัวอย่างไร Read More »

บัณฑิตมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไม่ให้เราคบคนพาล ให้คบแต่บัณฑิต แล้วบัณฑิตแบบไหน ที่เราควรจะคบหาด้วย ถ้าคบแล้วดีอย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้ไว้ว่า บัณฑิตคือคนที่คิดดี พูดดี ทำดี เป็นปกติ คือไม่ใช่คิดดี พูดดี ทำดีเป็นครั้งคราว เพราะว่าท่านรู้ดี ถ้าพูดให้ลึก คือท่านเข้าใจถูกในเรื่องโลกและชีวิตเป็นอย่างดี หรือท่านมีความเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแรงกล้า             จากความที่ท่านเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแรงกล้าคือ เข้าใจโลกและชีวิตอย่างจริงจัง ทำให้ท่านรู้ไปถึงเรื่องว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรผิดถูก อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป อะไรควรไม่ควร เลยไปจนกระทั่งทำกรรมอะไรจึงจะไปนรก ทำกรรมอะไรจึงจะไปสวรรค์ ความที่ท่านรู้ดีอย่างนี้ เข้าใจถูกอย่างนี้ ทำให้ท่านคิดดี พูดดี ทำดีเป็นปกติ ท่านกลัวบาป กลัวนรกยิ่งนัก ใครมาบังคับให้ท่านทำความชั่ว ท่านไม่ยอมทำ ฆ่าท่านให้ตายท่านก็ยอม ตายไปท่านก็มั่นใจว่าท่านไม่ตกนรก เพราะท่านคิดดี พูดดี ทำดีมาตลอดชีวิต นี่คือลักษณะของบัณฑิตที่เด่นชัด             เพราะฉะนั้นบุคคลประเภทนี้ ที่คิดดี พูดดี ทำดีด้วยปานนี้ จิตใจของท่านแข็งแกร่งและผ่องใสตลอด และบุคคลอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีใบปริญญา อาจจะอ่านหนังสือไม่ออกก็ได้ เหมือนคุณยายอาจารย์ของเรา …

บัณฑิตมีลักษณะอย่างไร Read More »

ให้กำลังใจคนป่วยหนักอย่างไรดี

คำถาม: กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีปัญหาอยากเรียนถามหลวงพ่อค่ะ หากเราต้องไปเยี่ยมหรือไปดูแลญาติที่ป่วยหนัก ควรจะดูแลหรือให้กำลังใจเขาอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ: หลวงพ่อขอตอบรวมทั้งป่วยหนัก และไม่หนักนะ ผู้ป่วยเราคงแบ่งออกได้เป็น ๒ กรณีด้วยกัน คือ             ๑. ผู้ป่วยไม่สนใจธรรมะเลย             ๒. ผู้ป่วยที่สนใจธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรม ตักบาตร รักษาศีล สวดมนต์ภาวนาเรื่อยมา             กรณีแรก เขาไม่สนใจธรรมะ ตรงนี้ในฐานะที่คุณโยมบอกว่าป่วยหนัก ถ้าเขาป่วยหนักอย่างนี้ จะได้กลับบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในฐานะที่เขากับเราก็สนิทกัน อาจเป็นญาติกันด้วยซ้ำ ในกรณีนี้ถ้าเขาป่วยหนักอย่างนั้น แล้วโอกาสจะกลับบ้านอีกครั้งหนึ่งมีหรือไม่ก็ไม่รู้ หากปล่อยเขาไป ถ้าต้องเสียชีวิตไปในครั้งนี้ เขาคงไปไม่ค่อยดี เพราะเมื่อไม่สนใจธรรมะมา บุญก็ไม่ทำ บาปกรรมก็อาจจะสร้างขึ้นมาด้วย ซึ่งพุทธองค์ตรัสไว้ชัด ใครที่ละโลกไปด้วยใจที่ขุ่นมัวมักจะไปไม่ดี ถ้าเป็นญาติกันแล้วปล่อยให้ไปไม่ดี มันก็ดูใจร้ายเกินไป             เพราะฉะนั้น ต้องหาทางให้เขาหันมาสนใจธรรมะให้ได้ การที่จะทำให้ใครสนใจธรรมะได้ เราก็จะต้องมีธรรมะในใจพอสมควร สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ให้กำลังใจก่อน ให้กำลังใจในที่นี้ไม่ใช่การปลอบใจ แต่ให้เขานึกถึงความดี เพราะไม่ว่าคนเราจะสนใจธรรมะหรือไม่ คนเราต้องมีความดีอะไรมาบ้าง พูดถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ให้ใจเขาฟูเสียก่อน             เมื่อใจฟูแล้ว …

ให้กำลังใจคนป่วยหนักอย่างไรดี Read More »

เมื่อมีความทุกข์ ทำไมบุญถึงยังไม่ส่งผลสักที

คำถาม:  กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีปัญหาอยากจะเรียนถามหลวงพ่อนะคะ ผู้ที่ประสบความทุกข์ในชีวิต มักจะมีความคิดว่าทำไมบุญที่เคยทำไว้ถึงไม่ช่วย จะอธิบายเขาอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ: สำหรับท่านที่บ่นอย่างนี้ พอประสบความทุกข์แล้วรู้สึกว่าบุญไม่ช่วย เรื่องที่น่าคิดก็คือ เขาควรจะต้องสำรวจก่อนว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ถ้ามันเกิดขึ้นเพราะความประมาทพลาดพลั้ง เพราะไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ มันก็สมควรที่เขาจะต้องเจอทุกข์อย่างนั้น เพราะเขาทำผิดจริงในกรณีนี้ อย่าใช้คำว่าบุญไม่ช่วย ต้องบอกว่าเขาไม่ระมัดระวัง หรือเขาทำลายตัวเอง แล้วจะเอาบุญที่ไหนมาช่วย นี่เป็นกรณีที่ ๑             กรณีที่ ๒ เขาไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรเลย ตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดีมาตลอด แต่พอถึงเวลาเข้า ก็ยังมาประสบเคราะห์ร้าย ประสบความทุกข์อย่างที่ไม่น่าจะเป็น             ถ้าในกรณีอย่างนี้ ก็คงจะต้องมาพิจารณากันว่า เคราะห์หามยามร้ายต่างๆ ทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ ที่มนุษย์เจอ มันมีอยู่ ๒ สาเหตุใหญ่ๆ             เหตุที่ ๑ เป็นเหตุข้ามภพข้ามชาติ คือพูดง่ายๆ เคยก่อกรรมทำเข็ญ เคยทำความชั่ว ความร้ายกาจมาก่อนในอดีต อาจจะตั้งแต่ชาติที่แล้วๆ มา แล้วบาปนั้นเพิ่งจะมีโอกาสตามมาส่งผล หรือว่าชาตินี้เมื่อยังวัยรุ่นวัยคะนอง ไปก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ แล้วตัวเองมาเป็นเสือกลับใจเอาเมื่ออายุมากขึ้น ก็มาตั้งหน้าตั้งตาทำความดี …

เมื่อมีความทุกข์ ทำไมบุญถึงยังไม่ส่งผลสักที Read More »