หลวงพ่อทัตตชีโว

กินเจแล้วได้บุญหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อครับ คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าการกินอาหารมังสวิรัต หรือกินเจนั้นได้บุญ อยากกราบเรียนถามว่าจริงๆ แล้วได้บุญหรือไม่ครับ คำตอบ: ถ้ากินเจแล้วได้บุญ ควายมันคงจะไปนิพพานก่อนมนุษย์ เพราะควายมันกินหญ้า กินเจมาตลอดชีวิตของมัน แต่ก็เห็นมันยังคงกินอยู่ในทุ่งเหมือนเดิม ไม่เห็นมันเหาะไปไหนสักที แล้วมันก็ไม่ได้ฉลาดเพิ่มขึ้นด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่จะฝากเป็นข้อเตือนใจเอาไว้ขั้นต้น             ประการที่ ๒. การได้บุญนั้นมันอยู่ที่การทำความดี การทำความดีที่จะให้ได้บุญนั้นมันมีกรอบของมันอยู่ เช่น ให้ทานแล้วกำจัดความตระหนี่ได้ ก็ได้บุญ แต่ให้ทานแล้วจะเอาหน้าถือว่ายังไม่ได้บุญ หรือได้ก็น้อย เพราะวัตถุประสงค์ต้องการเอาหน้ามากกว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะกำจัดกิเลส ให้ทานแล้วมุ่งที่จะกำจัดความตระหนี่  อย่างนี้ได้บุญชัดเจน ให้ทานเพราะรู้ว่าให้ไปแล้ว มันเป็นประโยชน์แก่คนนั้นคนนี้ มีจิตเมตตาอยากจะเห็นชาวโลกเป็นสุขเลยให้ทาน อย่างนี้บุญมันเกิดขึ้นมาก  วัตถุประสงค์ในการกินเจต้องชัดเจน  เช่น ๑. กินเจเพราะว่าอาหารมังสวิรัตนี้มันถูกกับโรคของเรา คือถ้าไม่กินเนื้อสัตว์แล้วหันมากินเจแทน ทำให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ กินเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่กินเจเอาบุญ ๒. หาอาหารประเภทเนื้อสัตว์ในบริเวณนั้นได้ยาก คือกินอาหารนั้นเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป             หลายคนเข้าใจว่ากินเจแล้วได้บุญ เพราะว่าไม่มีการสนับสนุนการฆ่าสัตว์ให้เกิดขึ้น ก็ขอเตือนว่าไม่จริงหรอก เพราะการที่เรากินผักแล้วบอกว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการฆ่าสัตว์นั้นไม่จริง หลวงพ่อจบทางด้านการเกษตรมา พอลงมือไถนาเท่านั้น ไม่ว่าไส้เดือนกิ้งกืออยู่ในดินนั้น “ตายเยอะเลย” บางช่วงมีแมลงก็มารบกวน ก็ต้องกำจัดแมลง ฆ่าแมลงอีก ฆ่ากันไม่มีจบ             เพราะฉะนั้นไม่ว่ากินเจหรือว่าไม่กินเจ ไม่ได้ช่วยให้ลดการฆ่าลงได้เลยและไม่ได้ช่วยให้ใจมีเมตตากรุณาอะไรเลย ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ด้วย ควายมันกินหญ้าไปทั้งชาติ ลองเข้าใกล้มันจะขวิดไหม? ขวิดแน่นอน ทำไม? มันไม่ได้ลดความดุลงไปได้เลย เพราะฉะนั้นอาหารไม่สามารถทำให้เราได้บุญได้ อาหารเป็นเครื่องยังชีพ อาหารไม่สามารถจะฟอกใจให้บริสุทธิ์ได้ แต่อาหารช่วยให้มีเรี่ยวแรง  ในการที่จะประกอบคุณงามความดีได้ แยกกันให้ชัดๆ อย่างนี้                เพราะฉะนั้นจะกินเจหรือไม่กินเจ หลวงพ่อไม่ได้มีเรื่องอะไรต่อต้าน ควรกินเพื่อสุขภาพ แต่กินเพราะคิดว่าจะได้บุญ มันไม่ได้ แต่จะได้ความหลงเข้ามาแทน หลงผิด! คิดว่าได้บุญ หลอกตัวเอง ในกรณีนั้นอย่าไปกิน หลวงพ่อเองถ้ามีอาหารเจมาให้ก็ฉัน ถ้าไม่มีอาหารเจเอาอาหารธรรมดามาให้ก็ฉัน อาหารไม่สามารถทำให้เราได้บุญหรือได้บาป อาหารทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้              การจะหาอาหารมากินกันแต่ละมื้อ ก็ต้องระมัดระวังด้วย คือจะกินเนื้อสัตว์ก็มีข้อแม้ ดังนี้             ๑.  ไม่ฆ่าเอง             ๒.  ไม่สั่งให้ใครฆ่า             ๓.  ไม่รู้ไม่เห็นในการฆ่านั้นๆ …

กินเจแล้วได้บุญหรือไม่ Read More »

การทำบุญด้วยเงินที่โกงเขามาจะได้บุญหรือไม่

คำถาม: กรณีคนที่โกงเขามา แล้วเอาเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ ผลบุญจะได้แก่ผู้ที่โกงเขามาทำบุญหรือไม่ครับ? คำตอบ: การทำบุญที่ได้ผลบุญ ต้องประกอบด้วยองค์ 4 ประการ คือ 1. วัตถุบริสุทธิ์ คือไม่ได้โกงใครมา คำถามนี้พอเริ่มต้นที่วัตถุก็โกงเขามาเสียแล้ว เพราะฉะนั้นวัตถุไม่บริสุทธิ์ บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ 2. เจตนาบริสุทธิ์ ถึงแม้วัตถุบริสุทธิ์ ไม่ได้ขโมยใครมา แต่ที่เอาไปทำบุญ ไม่ใช่เพราะอยากได้บุญ แต่อยากจะได้ประโยชน์จากเขา เช่น ถวายของให้เจ้าอาวาส เพื่อประจบจะได้ฝากลูกเข้าทำงานในบริษัทของโยมอุปัฏฐากของท่าน อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญ เพราะเจตนาไม่บริสุทธิ์ เท่ากับติดสินบนเชียวนะ 3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือตัวผู้ทำบุญมีศีลตามเพศภาวะของตน คือ เป็นฆราวาสก็ต้องมีศีล 5 คำถามนี้บอกว่าไปโกงเขามา เพราะฉะนั้นศีลข้อ 2 ก็ขาดไปแล้ว บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ 4. ผู้รับมีศีล ถ้าพระภิกษุผู้รับทานรักษาศีล 227 ข้อได้กะพร่องกะแพร่ง หรือผู้รับเป็นขอทานขี้เมา ซ้ำยังติดยาเสพย์ติดอีกต่างหาก บุญที่ผู้ทำทานควรจะได้ก็ตกๆ หล่นๆ ไป เพราะไม่รู้จักเลือกเนื้อนาบุญ         ถ้าการทำบุญไม่ครบองค์ประกอบทั้ง 4 ข้อ อานิสงส์ที่ได้ก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย          คนที่โกงเขามาทำบุญ แม้ว่าเจตนาอยากได้บุญ …

การทำบุญด้วยเงินที่โกงเขามาจะได้บุญหรือไม่ Read More »

การบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญหรือไม่ ถ้าเป็นจะได้อานิสงส์อย่างไร?

คำถาม: การบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญหรือไม่ ถ้าเป็นจะได้อานิสงส์อย่างไรครับ? คำตอบ: เป็นบุญแน่นอน การบริจาคโลหิตถือว่าเป็นการให้เลือดเนื้อเป็นทานทีเดียว ได้บุญมากระดับอุปบารมี คือเป็นบุญที่ส่งผลทันตาเห็น         ผลในชาตินี้ ทางการแพทย์ยืนยันว่าใครที่บริจาคโลหิตไปร่างกายก็จะผลิตเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ ที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพสูงกว่า เพื่อทดแทนโลหิตที่บริจาคไป ส่วนอานิสงส์ที่จะได้ติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป คือจะไปเกิดกีภพกี่ชาติก็ตาม จะมีร่างกายแข็งแรงและมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมเหนือมนุษย์ทั้งหลาย         ถ้าเราอ่านเรื่องโบราณๆ จะพบว่าบางคนมีแรงมาก ขนาดชักคะเย่อกับช้างได้ หรือแม้ที่สุดกับคนหนุ่มฉกรรจ์ประเภททหารเกณฑ์ขนาด 1 ต่อ 100 ก็ยังชักคะเย่อชนะ ให้ปล้ำต่อสู้กับเสือ ยังหักคอเสือได้ พวกที่แข็งแรงอย่างนี้เป็นเพราะกำลังบุญจากอดีตที่เคยบริจาคโลหิตเป็นทานนั่นเอง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่า เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็นญาติสนิท เขาก็ไม่ได้รับบุญ

คำถาม: จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่า เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็นญาติสนิท เขาก็ไม่ได้รับบุญที่เราอยากให้เขาได้? คำตอบ: เรื่องนี้ก็มีส่วนจริงนะ การกรวดน้ำ คือการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่เราทำให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เราระบุถึง ถ้าเราไม่ให้ เขาก็ไม่ได้รับน่ะซิ         ในสมัยพุทธกาล มีอยู่คราวหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารท่านทำบุญแล้วไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้กับใคร ทีนี้พวกญาติในอดีตชาติของท่านซึ่งชอบยักยอกของที่เขาเตรียมไว้จะถวายพระ พวกนี้ตายแล้วไปเกิดเป็นเปรตนานจนนับเวลาไม่ถ้วน ตลอดเวลานั้นก็รออยู่ว่า เมื่อไหร่หนอพระเจ้าพิมพิสารจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้บ้าง แต่ทำบุญกี่ครั้งๆ พระองค์ก็ไม่กรวดน้ำให้สักที เขาไม่ได้บุญ ก็เลยไม่พ้นจากสภาพการเป็นเปรต         วันหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารทำบุญถวายวัดเวฬุวันให้แก่สงฆ์แล้วก็ไม่ได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ใครอีกเช่นเคย เพราะไม่เคยทำสักที แต่เนื่องจากบุญครั้งนี้มากเป็นพิเศษ เป็นที่รู้กันทั่วไปหลายภพหลายภูมิ พวกเปรตที่เป็นญาติเก่าก็รู้ด้วย และรอรับส่วนบุญอยู่ พอไม่ได้อย่างที่หวังตั้งตารอ ก็นัดกันประท้วง         เจ้าเปรตพวกนี้พอนัดแนะกันอย่างดีแล้ว ตกกลางคืนก็ไปร้องกรี๊ดๆ ทำเสียงโหยหวนอยู่รอบพระราชวัง บ้างก็แสดงกายให้พระเจ้าพิมพิสารเห็นพอพระเจ้าพิมพิสารได้ยินเสียง ก็สงสัย เอ๊ะ! มันอะไรกัน พอเห็นตัวชัดก็ตกพระทัยว่า เจ้าเปรตพวกนี้จะมาทำลายแว่นแคว้นหรือจะมาเอาชีวิตพระองค์ หรือจะยังไงกันแน่ วันรุ่งขึ้น ก็เลยรีบเสด็จแต่เช้า ไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เปรตพวกนี้เคยเป็นญาติของพระเจ้าพิมพิสารในชาติก่อนๆ โน้นนานมาแล้ว เขาไม่ได้มาทำร้ายอะไรหรอก แต่มาขอส่วนบุญ …

จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่า เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็นญาติสนิท เขาก็ไม่ได้รับบุญ Read More »

คุณแม่ทำบุญด้วยเงินที่ลูกให้ท่านจะได้บุญหรือไม่

คำถาม:  คุณแม่ของหนูท่านแก่แล้ว ทำอะไรไม่ค่อยไหว ลูกๆ ให้เงินท่านใช้ ท่านก็แบ่งเอาไปทำบุญบ้าง แต่ดูท่านมีกังวล ไม่เบิกบานเหมือนคนอื่นที่เขาไปทำบุญกัน ถามได้ความว่าคุณแม่กลัวไม่ได้บุญ เพราะไม่ใช่เงินของท่าน กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ท่านจะได้บุญไหมค่ะ เพราะเงินนั้นเป็นเงินที่ลูกๆ ให้เป็นสิทธิ์ของท่านแล้วค่ะ คำตอบ: เมื่อเงินนั้นเป็นสิทธิ์ของท่านแล้ว ท่านจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของท่าน ถ้าท่านเอาไปทำบุญ ท่านก็ได้บุญ ถ้าท่านเอาไปทำบาป ท่านก็ได้บาป คุณแม่กลัวไม่ได้บุญ เพราะไม่ใช่เงินของท่าน        หลวงพ่อฝากช่วยเอาคำตอบของหลวงพ่อไปอธิบายให้ท่านเข้าใจด้วยนะ ท่านจะได้ดีใจว่าท่านได้บุญทุกครั้งที่เอาเงินของลูกที่มอบให้ไปทำบุญ และจริงๆ แล้วลูกๆ ก็ได้บุญด้วย ทั้งบุญที่ได้จากการตอบแทนคุณพ่อแม่ และบุญจากเงินที่ลูกหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงไปก่อให้เกิดประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา เท่ากับว่าคุณแม่ได้ช่วยโลกีย์ทรัพย์ธรรมดาๆ ของลูกให้เป็นอริทรัพย์       นี่เป็นลักษณะบุญต่อบุญ สามารถขยายผลมากอย่างนี้ ขอให้ดีใจกันทั้งคุณแม่และคุณลูกนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ใส่บาตรพระไม่กี่รูปทุกวัน กับ ตักบาตรพระจำนวนมากในวันสำคัญ ได้บุญต่างกันอย่างไร

คำถาม: มีคน ๒ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งใส่บาตรพระด้วยอาหารที่ทำสำหรับกินเองทุกวัน แต่แบ่งใส่บาตรพระก่อนวันละ ๑-๒ องค์ แต่อีกกลุ่มใส่เฉพาะวันพระ หรือวันสำคัญ ด้วยอาหารที่ประณีตมากมากมาย ชนิดเลี้ยงพระทั้งวัด อยากทราบว่าอานิสงค์ที่ได้รับต่างกันอย่างไรค่ะ? คำตอบ: เรื่องนี้ต่างกันแน่นอน พวกที่ใส่บาตรทุกวัน ได้รับอานิสงค์คือมีสมบัติให้ใช้ไม่ขาดมือ จะรวยหรือเปล่าไม่ทราบ แต่สมบัติจะไม่ขาดมือ ต้องการเมื่อไรก็มีมาเมื่อนั้น แล้วเกิดไปกี่ภพกี่ชาติไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไร ทรัพย์สมบัติจะเกิดขึ้นกับเขาอย่างง่ายดาย เป็นคนมีโชค อยากได้อะไรเป็นต้องได้ทุกครั้ง ทำประณีตเป็นพิเศษ และทำมากๆ        ส่วนอีกพวกหนึ่ง เนื่องจาก ๗ วันตักบาตรที ถ้าจะมีโชคก็เป็น ๗ วัน จึงจะมีจะได้กับเขาสักครั้ง แต่เนื่องจากทำประณีตเป็นพิเศษ และทำมากๆ ชนิดเลี้ยงพระทั้งวัด ถึงคราวบุญส่งผล เขาก็จะได้ของที่ประณีตเป็นพิเศษ ได้มากๆ แต่ว่านานๆ จึงจะได้สักครั้งหนึ่ง   ทำทุกวันแต่ไม่ประณีตก็ได้สมบัติธรรมดาและสมบัติจะไม่ขาดมือ       ส่วนพวกที่ทำทุกวัน แต่ไม่ประณีตก็ได้สมบัติธรรมดา ไม่ประณีตแต่ก็ได้ไม่ขาดมือ ถ้าทำทุกวันๆ แล้วประณีตด้วย อย่างนี้มีโชคทุกวัน แล้วก็ได้ของดีเยี่ยม เป็นของเลิศ ของที่ตกมาถึงมือเขารับรองได้ …

ใส่บาตรพระไม่กี่รูปทุกวัน กับ ตักบาตรพระจำนวนมากในวันสำคัญ ได้บุญต่างกันอย่างไร Read More »

ลูกอยากได้บุญในการปลูกต้นไม้ จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ

คำถาม: ลูกอยากจะได้บุญในการปลูกต้นไม้ด้วย จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ ? คำตอบ: สำหรับผู้ที่เคยมาวัดพระธรรมกายตั้งแต่ต้น ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า การประดับดอกไม้ทั้งภายในอาคารและรอบๆ อาคารสภาธรรมกายนี้ก็ดี ได้เปลี่ยนรูปแบบไปจากที่เคยทำกันมา คือแทนที่จะเป็นดอกไม้ล้วนๆ หรือใบไม้ที่ตัดเอามาประดับ เราเปลี่ยนวิธีเป็นว่าเราปลูกพวกไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ เอาไว้ในกระถาง        พอถึงเวลาใช้ได้ คือช่อดอก หรือพุ่มใบไม้งามดี ก็ยกทั้งกระถางเอามาประดับ พอเสร็จงานเราก็ยกกลับไปเก็บในเรือนเพาะชำ เพื่อว่าดอกไม้และใบไม้จะได้ไม่ช้ำ และพร้อมที่จะนำไปใช้งานได้อีก โดยไม่ต้องทำอะไรมาก อย่างนี้เราพบว่าประหยัดเงินค่าซื้อดอกไม้ได้มาก        ขอฝากพวกเราก็แล้วกันว่า ใครที่มีไม้กระถางไม้ประดับจะเอามาทำบุญก็ได้นะ ขอเป็นประเภทไม้พุ่มยืนต้นก็แล้วกัน อย่างที่เห็นตั้งอยู่ในศาลา หรือภายในอาคารนั่นแหละ อย่าให้เป็นไม้ประเภทที่เลี้ยงยากนัก เอาชนิดเลี้ยงง่าย ตายยาก ออกดอกมาก กินน้ำน้อย อะไรทำนองนี้แหละ ถ้าสวยๆ ด้วยแล้วละก็ยิ่งดี ถ้าใครมีต้นไม้กระถางเหลือเฟือ แล้วอยากได้บุญ ก็ยกมาทั้งกระถางเลย เอามาไว้ที่วัดพระธรรมกายเถอะ หลวงพ่อรับรองจะดูแลบำรุงรักษาให้อย่างดีทีเดียว ถึงเวลามีงานบุญใหญ่ ก็จะได้เอามาประดับตกแต่งสถานที่กัน สาธุชนเห็นต้นไม้ดอกไม้สวยๆ จะได้รู้สึกชื่นอกชื่นใจ สบายตา อารมณ์ดี ฟังเทศน์เพลิน สาธุชนเห็นต้นไม้ดอกไม้สวยๆ จะได้รู้สึกชื่นอกชื่นใจ สบายตา อารมณ์ดี ฟังเทศน์เพลิน …

ลูกอยากได้บุญในการปลูกต้นไม้ จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ Read More »

ตอนใส่บาตรถ้าไม่ได้เอาน้ำใส่ไปด้วยคนตายจะได้กินน้ำไหมคะ

คำถาม: ตอนใส่บาตร ถ้าไม่ได้เอาน้ำใส่ไปด้วย คนตายจะได้กินน้ำไหมค่ะ? คำตอบ: คุณโยมต้องทำความเข้าใจเรื่องผลของทานเสียใหม่นะ เราตักบาตรถวายทานแด่พระภิกษุ โดยตั้งใจให้เป็นบุญเป็นกุศล ทานที่เราถวายจะก่อให้เกิดผลเป็นบุญทันที จากนั้นบุญจะเปลี่ยนสภาพไปเองโดยอัติโนมัติ ไม่ใช่ใส่อย่างไหน คนตายจะได้กินอย่างนั้น ไม่ใช่นะ         ถ้าเราใส่บาตรด้วยของดี ของประณีต บุญที่เกิดจากการถวายทาน ก็กลายเป็นของดี ของประณีต เหมาะสำหรับผู้ได้รับในภพภูมิที่เขาอยู่ เช่น ถ้าผู้รับเป็นเปรตที่กำลังหิวโหย อยู่ในภพภูมิที่รับบุญได้ พอเขารับรู้ถึงบุญที่เราอุทิศให้ และเขาอนุโมทนาบุญ ความหิวโหยก็จะหายไป         ถ้าผู้รับเป็นเทวดา เขาก็ได้รับความอิ่มทรัพย์ โดยไม่ต้องเคี้ยวข้าวหรอกนะ         หากคุณโยมคิดจะเอาถุงน้ำใส่ลงไปในบาตรพระละก็ ต้องนึกถึงเวลาที่พระท่านเดินกลับวัดด้วยว่า ถ้าถุงน้ำเกิดแตกในบาตร ข้าวปลาอาหารที่ท่านรับมาก็จะเสียหายหมด         ใครอยากได้บุญเรื่องถวายน้ำละก็ ขอแนะนำให้เอาน้ำไปถวายเติมให้เต็มแท็งค์น้ำของวัด หรือไปเจาะบ่อบาดาลถวายวัดที่กันดารน้ำจะดีกว่า ถ้าทำแบบนี้รับรองว่าเกิดไปกี่ภพกี่ชาติจะไม่มีวันอดน้ำแน่นอน โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาอย่างไรถึงจะถูกต้อง

คำถาม:  การปล่อยสัตว์ปล่อยปลา จะได้บุญเสมอไปหรือค่ะ ได้ทราบว่าในที่บางแห่งมีคนจับนกมาขัง แล้วให้กินยาเสพย์ติด สักพักหนึ่งก็เอามาขาย คนซื้อนกติดยามาปล่อยหวังจะได้บุญ แต่นกมันติดยา ปล่อยแล้วก็บินกลับไปหาคนขายอีก ทราบว่านกตัวหนึ่งๆ ขายได้หลายรอบ อย่างนี้บุญที่เราปล่อยสัตว์ จะกลายเป็นบาปหรือเปล่าเจ้าค่ะ? เพราะเท่ากับไปช่วยส่งเสริมสนับสนุนอาชีพเขา ให้จับนกมากักขังเพื่อขาย คำตอบ: การให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน เจตนาเป็นบุญก็ได้บุญ เราได้บุญกันตรงเจตนา ได้บาปได้ชั่วก็ตรงเจตนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนาหํ กมฺมํ วทามิ เราตถาคตกล่าวว่าเจตนานั่นแหละเป็นกรรม         ถ้าเราปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยวัว ปล่อยควาย ให้ชีวิตเป็นทานโดยเจตนาบริสุทธิ์ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ส่วนที่จะได้บุญก็ได้บุญละนะแต่ส่วนที่ว่าสมควรหรือไม่สมควร ยังมีอีก         การกระทำบางอย่างเป็นบุญ แต่ไม่สมควรก็ต้องงด เช่น ไปขอซื้อวัว-ควายจากโรงฆ่าสัตว์มาปล่อยวัด ถ้าตัวเดียวก็พอให้อยู่วัดได้ แต่พอหลายตัวเข้าก็ชักเลอะเทอะกันใหญ่         คนที่คิดจะไปไถ่ชีวิตวัวควายมาให้พระเลี้ยง ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ต้องสงสารวัด สงสารพระกันบ้างเถอะ ท่านบวชเข้ามาก็หวังจะเรียนธรรมวินัย หวังฝึกหัดขัดเกลาตัวเองให้กิเลสเบาบางลงไป จะได้ไปสอนชาวบ้านให้เป็นคนดี มีความสุขความเจริญในการทำมาหากิน         แต่นี่ชาวบ้านกลับจะมาให้ท่านเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ต้องมาคอยล้างขี้วัวขี้ควาย มันสมควรอยู่หรือ?         คราวนี้เรื่องนกติดยาอะไรนี่ ก็อย่าไปกังวลให้มากเลย …

ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาอย่างไรถึงจะถูกต้อง Read More »

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง

คำถาม: หลวงพ่อครับ ในพระพุทธศาสนา เราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้างครับ? คำตอบ: วิธีทำบุญในพระพุทธศาสนาโดยย่อมี 3 วิธี ด้วยกัน คือ         1. ให้ทาน ได้แก่ แบ่งปันทรัพย์สิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลที่สมควรได้รับทานนั้น โดยไม่ถึงกับทำให้ตนเองเดือดร้อน ซึงโดยทั่วไปแล้วชาวพุทธ นิยมทำบุญด้วยการให้ทานกับพระภิกษุบ้าง ผู้มีศีลบ้าง เป็นประจำสม่ำเสมอ         2. รักษาศีล คือการสำรวมกาย วาจา ไม่ให้ทำความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ซึ่งอย่างน้อยต้องรักษาศีล 5 เป็นประจำทุกวัน หากมีโอกาสในวันโกน วันพระ หรือวันหยุดงานประจำสัปดาห์ ชาวพุทธนิยมรักษาศีล 8 เพื่อให้ได้บุญเพิ่มเป็นพิเศษขึ้นมาอีก บางท่านอาจจะปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจการงานที่ทำอยู่ โดยรักษาศีล 8 เป็นประจำ ในวันใดวันหนึ่ง ทุกๆ 7 วัน         3. เจริญภาวนา ได้แก่ การทำบุญด้วยการฝึกใจให้ผ่องใสเป็นสมาธิ(Meditation) ด้วยการศึกษาธรรมะและสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อทำใจให้สงบผ่องแผ้ว ปลอดโปร่งแจ่มใส เป็นประจำทุกคืนๆ ก่อนนอน อย่างน้อยคืนละ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง …

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง Read More »

ทำบุญแบบไหนถึงจะได้เฝ้าและฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต

คำถาม: ทำบุญแบบไหนถึงจะได้ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต และได้ฟังธรรมด้วยกันครับ? คำตอบ: ถ้าอยากจะพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละก็ ต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ได้ครบทั้ง ๓ อย่าง ทุกเช้าพอตักบาตรทำทานแล้วนั่งสมาธิ ให้มากๆ  ต่อไปศีลจะอยู่คู่ตัวได้เองโดยอัติโนมัติ พอศีลมั่นคง ปัญญาจะแตกฉาน จนเข้าใจเรื่องโลกและชีวิตได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งพอถึงจุดนี้จะคิดได้เองว่าควรทำบุญแบบไหนถึงจะได้บุญมากๆ         อีกอย่างขอแนะนำให้แบ่งเวลาอ่านพระไตรปิฎกด้วย แล้วคุณจะรู้เองว่าในอดีตคนที่เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ติดสอยห้อยตามฟังธรรมของพระพุทธองค์นั้น  ชาติก่อนเขาทำบุญมาอย่างไร         สำหรับคุณถ้าจะให้เร็วขึ้น หลวงพ่อขอแนะนำว่าถ้าไม่ติดขัดอะไร พรุ่งนี้ก็บวชเสีย  แล้วก็อธิษฐานตรงดิ่งไปเลยว่า ขอเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เหมือนที่พระสารีบุตรท่านทำบุญแล้วอธิษฐานขอเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวานั่นแหละ         สำหรับรายละเอียดเป็นอย่างไรคงต้องให้มาฟังที่วัด จะได้มีโอกาสเกิดไปใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้า และได้ฟังธรรมกันเต็มอิ่มเชียวละ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก

คำถาม: เรามีหลักการทำทานอย่างไร จึงจะได้บุญมากครับ? คำตอบ: การให้ทานที่จะได้บุญมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ก่อนอื่นจะต้องทำให้ทานนั้นครบองค์ ประกอบ 4 ประการดังนี้ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ ได้แก่ สิ่งที่จะให้ทานต้องเป็นของที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง ไม่ได้คดโกงใครเขา         2. เจตนาบริสุทธิ์ ได้แก่ มีความตั้งใจที่จะให้ทาน เพื่อกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ฆ่าความโลภให้สิ้นไป ไม่ได้หวังลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเครื่องตอบแทน แต่มีความตั้งใจที่จะเสียสละ ให้เกิดเป็นบุญกุศลจริงๆ และการหวังได้บุญ ไม่ใช่เป็นความโลภนะ ขอให้พิจารณาแยกแยะกันให้ดี         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือ ตัวผู้ให้ทานเองต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนให้ก็มีจิตใจผ่องใส ชื่นบาน เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใสอยู่ หลังจากให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่นึกเสียดายเลย         4. ผู้รับบริสุทธิ์ เช่น ถ้าเป็นพระภิกษุ ก็เป็นพระภิกษุที่หมดกิเลส หรือเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ได้บุญมากเป็นพิเศษ และได้บุญทันตาเห็น คือได้รับผลของทานคือบุญในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า …

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก Read More »

การกรวดน้ำหลังทำบุญใส่บาตร ลืมแล้วกรวดน้ำทีหลัง ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่?

คำถาม: ทราบว่าเวลาใส่บาตรแล้วควรกรวดน้ำ แต่ถ้าลืมกรวดน้ำในเช้าวันนั้น  มากรวดใหม่ในตอนกลางคืน ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ได้รับบ้าง แต่ไม่เหมือนกับตอนที่ใส่บาตรใหม่ๆ นะเหมือนตีเหล็กให้ได้รูป ถ้าจะให้ดีต้องตีตอนเหล็กร้อนจัดสีแดงๆ เหมือนเปลวไฟ ถ้าปล่อยให้เหล็กเย็นแล้วจึงตี บางทีดัดให้เข้ารูปไม่ได้เลย ถึงพอจะได้บ้างก็ต้องออกแรงตีจนเจ็บมือ การกรวดน้ำควรจะทำทันทีในขณะที่ใจยังปีติอยู่ในบุญในทานที่ได้กระทำแล้ว ผลของทานจะได้ถึงผู้รับอย่างรวดเร็วและเต็มเม็ดเต็มหน่วย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

การเลือกพระใส่บาตรเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดอย่างไร

คำถาม: การใส่บาตร ถ้ามีความคิดว่าใส่ให้กับพระองค์ไหนก็เหมือนกัน เพราะถือว่าผ้าเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ความคิดนี้ผิดถูกอย่างไรครับ? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ไม่ผิด ตามสะดวก แต่ว่าถ้าอยากจะได้ผลเป็นบุญมากๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทานที่มีผลเป็นบุญต้องประกอบด้วยเหตุ 4 ประการ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ คือไม่ได้ไปโกงใครมา เป็นของที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง         2. เจตนาบริสุทธิ์ คือตั้งใจให้ทานเพื่อเป็นบุญเป็นกุศล การให้ของคนเราต่างกัน เช่น บางคนไปรักสาวคนไหนก็ซื้อแหวนให้ นั่นเป็นการให้ที่มีเจตนาไม่เป็นบุญเป็นกุศล แต่เจตนาให้เขารัก หรือไปรักสาวคนไหน ก็ซื้อของขวัญให้น้องสาวของสาวคนนั้น เป็นการติดสินบนให้เปิดทางให้อีกต่อหนึ่ง นั่นก็เป็นเจตนาที่ไม่เป็นบุญกุศล ถือว่าเป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อบุญล้วนๆ         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ อย่างน้อยมีศีล 5 ถ้าหากตักบาตรไป เมาเหล้าไป บุญส่วนนี้ก็หย่อนไป         4. ผู้รับบริสุทธิ์ คือพระภิกษุรักษาศีลได้ครบถ้วน ไม่ด่างพร้อย มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ยิ่งหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ด้วย เรายิ่งได้บุญมาก หรือแม้ที่สุดท่านยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ด้วย เรายิ่งได้บุญมาก หรือแม้ที่สุดท่านยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ อย่างน้อยท่านก็ตั้งใจประพฤติตนอยู่ในพระธรรมวินัย แค่นี้ก็ยังดีที่ไม่ใช่เป็นพระเกเร         หากผู้รับบริสุทธิ์มาก …

การเลือกพระใส่บาตรเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดอย่างไร Read More »

ให้ตัวแทนเป็นคนกรวดน้ำ จะได้ผลเหมือนกับการที่เรากรวดน้ำด้วยตัวเองหรือไม่

คำถาม: การกรวดน้ำอุทิศแผ่ส่วนบุญ ในงานพิธีบุญที่มีสาธุชนมาก ถ้าหากจะให้ตัวแทนเป็นผู้กล่าวนำคำอุทิศ แล้วเรากล่าวตาม และให้ตัวแทนเป็นผู้กรวดน้ำแทนด้วย จะได้ผลเหมือนทำเองไหมครับ? คำตอบ: การกรวดน้ำในงานพิธีโดยทั่วไป กำหนดให้มีตัวแทนทำหน้าที่กรวดน้ำอยู่แล้ว และขณะกรวดน้ำก็ไม่จำเป็นจะต้องมีคำกล่าวอะไร เพราะว่าขณะที่กำลังกรวดน้ำนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่พระสงฆ์กำลังให้พร ถ้าเรากล่าวอะไรเสียงดังออกไป เท่ากับไปขัดจังหวะ ไปส่งเสียงแข่งกับพระภิกษุ         เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวอะไรทั้งนั้น ใครทำหน้าที่กรวดน้ำ ก็หลั่งน้ำทันทีที่พระสงฆ์ผู้เป็นประธานกล่าวขึ้นต้นคาถาว่า ยถา วาริวหา ปูรา…และให้หยุดหลั่งน้ำ เมื่อพระภิกษุรูปที่สองรับขึ้นว่า สัพพีติโย…         คนอื่นนอกนั้นก็นึกน้อมอธิษฐานจิตนึกถึงบุญและแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปยังผู้ที่เราต้องการส่งบุญไปให้ ทำแค่นี้ก็เหมือนกับเราลงมือกรวดน้ำด้วยตนเองนั่นแหละ มันสำคัญอยู่ที่ใจนะลูกนะ         บทกรวดน้ำ ที่ขึ้นต้นว่า อิทังเม ญาตินัง โหตุฯ นั้นใช้ท่องตามลำพังของเรา หลังจากที่พระให้พรจบแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา