หลวงพ่อทัตตชีโว

สวดมนต์เป็นยาทาภาวนาเป็นยากิน หมายความว่าอย่างไร

คำถาม: ลูกอยากกราบเรียนถามว่าคำโบราณท่านพูดว่า สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน จริงๆ แล้วมีความหมายว่าอย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: ในเรื่องของการสวดมนต์ คำว่า “สวด” เป็นกิริยาของการท่องนั่นเอง การท่องเป็นทำนอง เป็นจังหวะ “มนต์” คืออะไร? มนต์สำหรับชาวพุทธก็คือคำเทศน์ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นสวดมนต์ของชาวพุทธ ก็เป็นเรื่องของการทบทวนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดไปก็ได้ความรู้ความเข้าใจในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง และแน่นอนความสบายใจก็เกิดขึ้นด้วย เกิดขึ้นเพราะธรรมะที่เราสวดอย่างหนึ่ง และเกิดขึ้นเพราะว่ารำลึกถึงพระคุณ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อีกอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นพร้อมๆ กันไป             ถามว่าขณะที่สวดมนต์อยู่ ใจเป็นสมาธิไหม? ก็เป็น แต่เป็นในระดับตื้น ไม่ได้เป็นสมาธิในระดับลึก เมื่อเป็นสมาธิในระดับตื้น ก็ให้คุณประโยชน์กับใจของเราได้ในระดับตื้น คือให้ความชุ่มชื่น ให้ความเบิกบานระดับหนึ่ง แล้วก็ได้ความปลื้มปีติที่ว่าเราได้ทบทวนคำสอนธรรมะของสมเด็จพ่อของเรา ด้วยเหตุว่าการสวดมนต์นำความปลื้มใจ นำสมาธิมาให้ระดับตื้น ท่านจึงได้อุปมาว่าเหมือนยาทา แต่ว่ายาทาชนิดนี้ ทาแล้วทะลุถึงใจนะ ไม่ใช่ยาทา ยาหม่องธรรมดา             ส่วนคำว่า “ภาวนา” หมายถึง การทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง เมื่อเป็นการทำสมาธิอย่างต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมง เป็นวัน บางทีทำต่อเนื่องกันเป็นเดือน เป็นปี นักทำสมาธิโดยทั่วๆ ไป …

สวดมนต์เป็นยาทาภาวนาเป็นยากิน หมายความว่าอย่างไร Read More »

ใส่บาตรพระไม่กี่รูปทุกวัน กับ ตักบาตรพระจำนวนมากในวันสำคัญ ได้บุญต่างกันอย่างไร

คำถาม: มีคน ๒ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งใส่บาตรพระด้วยอาหารที่ทำสำหรับกินเองทุกวัน แต่แบ่งใส่บาตรพระก่อนวันละ ๑-๒ องค์ แต่อีกกลุ่มใส่เฉพาะวันพระ หรือวันสำคัญ ด้วยอาหารที่ประณีตมากมากมาย ชนิดเลี้ยงพระทั้งวัด อยากทราบว่าอานิสงค์ที่ได้รับต่างกันอย่างไรค่ะ? คำตอบ: เรื่องนี้ต่างกันแน่นอน พวกที่ใส่บาตรทุกวัน ได้รับอานิสงค์คือมีสมบัติให้ใช้ไม่ขาดมือ จะรวยหรือเปล่าไม่ทราบ แต่สมบัติจะไม่ขาดมือ ต้องการเมื่อไรก็มีมาเมื่อนั้น แล้วเกิดไปกี่ภพกี่ชาติไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไร ทรัพย์สมบัติจะเกิดขึ้นกับเขาอย่างง่ายดาย เป็นคนมีโชค อยากได้อะไรเป็นต้องได้ทุกครั้ง ทำประณีตเป็นพิเศษ และทำมากๆ        ส่วนอีกพวกหนึ่ง เนื่องจาก ๗ วันตักบาตรที ถ้าจะมีโชคก็เป็น ๗ วัน จึงจะมีจะได้กับเขาสักครั้ง แต่เนื่องจากทำประณีตเป็นพิเศษ และทำมากๆ ชนิดเลี้ยงพระทั้งวัด ถึงคราวบุญส่งผล เขาก็จะได้ของที่ประณีตเป็นพิเศษ ได้มากๆ แต่ว่านานๆ จึงจะได้สักครั้งหนึ่ง   ทำทุกวันแต่ไม่ประณีตก็ได้สมบัติธรรมดาและสมบัติจะไม่ขาดมือ       ส่วนพวกที่ทำทุกวัน แต่ไม่ประณีตก็ได้สมบัติธรรมดา ไม่ประณีตแต่ก็ได้ไม่ขาดมือ ถ้าทำทุกวันๆ แล้วประณีตด้วย อย่างนี้มีโชคทุกวัน แล้วก็ได้ของดีเยี่ยม เป็นของเลิศ ของที่ตกมาถึงมือเขารับรองได้ …

ใส่บาตรพระไม่กี่รูปทุกวัน กับ ตักบาตรพระจำนวนมากในวันสำคัญ ได้บุญต่างกันอย่างไร Read More »

ลูกอยากได้บุญในการปลูกต้นไม้ จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ

คำถาม: ลูกอยากจะได้บุญในการปลูกต้นไม้ด้วย จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ ? คำตอบ: สำหรับผู้ที่เคยมาวัดพระธรรมกายตั้งแต่ต้น ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า การประดับดอกไม้ทั้งภายในอาคารและรอบๆ อาคารสภาธรรมกายนี้ก็ดี ได้เปลี่ยนรูปแบบไปจากที่เคยทำกันมา คือแทนที่จะเป็นดอกไม้ล้วนๆ หรือใบไม้ที่ตัดเอามาประดับ เราเปลี่ยนวิธีเป็นว่าเราปลูกพวกไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ เอาไว้ในกระถาง        พอถึงเวลาใช้ได้ คือช่อดอก หรือพุ่มใบไม้งามดี ก็ยกทั้งกระถางเอามาประดับ พอเสร็จงานเราก็ยกกลับไปเก็บในเรือนเพาะชำ เพื่อว่าดอกไม้และใบไม้จะได้ไม่ช้ำ และพร้อมที่จะนำไปใช้งานได้อีก โดยไม่ต้องทำอะไรมาก อย่างนี้เราพบว่าประหยัดเงินค่าซื้อดอกไม้ได้มาก        ขอฝากพวกเราก็แล้วกันว่า ใครที่มีไม้กระถางไม้ประดับจะเอามาทำบุญก็ได้นะ ขอเป็นประเภทไม้พุ่มยืนต้นก็แล้วกัน อย่างที่เห็นตั้งอยู่ในศาลา หรือภายในอาคารนั่นแหละ อย่าให้เป็นไม้ประเภทที่เลี้ยงยากนัก เอาชนิดเลี้ยงง่าย ตายยาก ออกดอกมาก กินน้ำน้อย อะไรทำนองนี้แหละ ถ้าสวยๆ ด้วยแล้วละก็ยิ่งดี ถ้าใครมีต้นไม้กระถางเหลือเฟือ แล้วอยากได้บุญ ก็ยกมาทั้งกระถางเลย เอามาไว้ที่วัดพระธรรมกายเถอะ หลวงพ่อรับรองจะดูแลบำรุงรักษาให้อย่างดีทีเดียว ถึงเวลามีงานบุญใหญ่ ก็จะได้เอามาประดับตกแต่งสถานที่กัน สาธุชนเห็นต้นไม้ดอกไม้สวยๆ จะได้รู้สึกชื่นอกชื่นใจ สบายตา อารมณ์ดี ฟังเทศน์เพลิน สาธุชนเห็นต้นไม้ดอกไม้สวยๆ จะได้รู้สึกชื่นอกชื่นใจ สบายตา อารมณ์ดี ฟังเทศน์เพลิน …

ลูกอยากได้บุญในการปลูกต้นไม้ จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ Read More »

ตอนใส่บาตรถ้าไม่ได้เอาน้ำใส่ไปด้วยคนตายจะได้กินน้ำไหมคะ

คำถาม: ตอนใส่บาตร ถ้าไม่ได้เอาน้ำใส่ไปด้วย คนตายจะได้กินน้ำไหมค่ะ? คำตอบ: คุณโยมต้องทำความเข้าใจเรื่องผลของทานเสียใหม่นะ เราตักบาตรถวายทานแด่พระภิกษุ โดยตั้งใจให้เป็นบุญเป็นกุศล ทานที่เราถวายจะก่อให้เกิดผลเป็นบุญทันที จากนั้นบุญจะเปลี่ยนสภาพไปเองโดยอัติโนมัติ ไม่ใช่ใส่อย่างไหน คนตายจะได้กินอย่างนั้น ไม่ใช่นะ         ถ้าเราใส่บาตรด้วยของดี ของประณีต บุญที่เกิดจากการถวายทาน ก็กลายเป็นของดี ของประณีต เหมาะสำหรับผู้ได้รับในภพภูมิที่เขาอยู่ เช่น ถ้าผู้รับเป็นเปรตที่กำลังหิวโหย อยู่ในภพภูมิที่รับบุญได้ พอเขารับรู้ถึงบุญที่เราอุทิศให้ และเขาอนุโมทนาบุญ ความหิวโหยก็จะหายไป         ถ้าผู้รับเป็นเทวดา เขาก็ได้รับความอิ่มทรัพย์ โดยไม่ต้องเคี้ยวข้าวหรอกนะ         หากคุณโยมคิดจะเอาถุงน้ำใส่ลงไปในบาตรพระละก็ ต้องนึกถึงเวลาที่พระท่านเดินกลับวัดด้วยว่า ถ้าถุงน้ำเกิดแตกในบาตร ข้าวปลาอาหารที่ท่านรับมาก็จะเสียหายหมด         ใครอยากได้บุญเรื่องถวายน้ำละก็ ขอแนะนำให้เอาน้ำไปถวายเติมให้เต็มแท็งค์น้ำของวัด หรือไปเจาะบ่อบาดาลถวายวัดที่กันดารน้ำจะดีกว่า ถ้าทำแบบนี้รับรองว่าเกิดไปกี่ภพกี่ชาติจะไม่มีวันอดน้ำแน่นอน โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาอย่างไรถึงจะถูกต้อง

คำถาม:  การปล่อยสัตว์ปล่อยปลา จะได้บุญเสมอไปหรือค่ะ ได้ทราบว่าในที่บางแห่งมีคนจับนกมาขัง แล้วให้กินยาเสพย์ติด สักพักหนึ่งก็เอามาขาย คนซื้อนกติดยามาปล่อยหวังจะได้บุญ แต่นกมันติดยา ปล่อยแล้วก็บินกลับไปหาคนขายอีก ทราบว่านกตัวหนึ่งๆ ขายได้หลายรอบ อย่างนี้บุญที่เราปล่อยสัตว์ จะกลายเป็นบาปหรือเปล่าเจ้าค่ะ? เพราะเท่ากับไปช่วยส่งเสริมสนับสนุนอาชีพเขา ให้จับนกมากักขังเพื่อขาย คำตอบ: การให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน เจตนาเป็นบุญก็ได้บุญ เราได้บุญกันตรงเจตนา ได้บาปได้ชั่วก็ตรงเจตนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนาหํ กมฺมํ วทามิ เราตถาคตกล่าวว่าเจตนานั่นแหละเป็นกรรม         ถ้าเราปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยวัว ปล่อยควาย ให้ชีวิตเป็นทานโดยเจตนาบริสุทธิ์ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ส่วนที่จะได้บุญก็ได้บุญละนะแต่ส่วนที่ว่าสมควรหรือไม่สมควร ยังมีอีก         การกระทำบางอย่างเป็นบุญ แต่ไม่สมควรก็ต้องงด เช่น ไปขอซื้อวัว-ควายจากโรงฆ่าสัตว์มาปล่อยวัด ถ้าตัวเดียวก็พอให้อยู่วัดได้ แต่พอหลายตัวเข้าก็ชักเลอะเทอะกันใหญ่         คนที่คิดจะไปไถ่ชีวิตวัวควายมาให้พระเลี้ยง ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ต้องสงสารวัด สงสารพระกันบ้างเถอะ ท่านบวชเข้ามาก็หวังจะเรียนธรรมวินัย หวังฝึกหัดขัดเกลาตัวเองให้กิเลสเบาบางลงไป จะได้ไปสอนชาวบ้านให้เป็นคนดี มีความสุขความเจริญในการทำมาหากิน         แต่นี่ชาวบ้านกลับจะมาให้ท่านเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ต้องมาคอยล้างขี้วัวขี้ควาย มันสมควรอยู่หรือ?         คราวนี้เรื่องนกติดยาอะไรนี่ ก็อย่าไปกังวลให้มากเลย …

ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาอย่างไรถึงจะถูกต้อง Read More »

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง

คำถาม: หลวงพ่อครับ ในพระพุทธศาสนา เราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้างครับ? คำตอบ: วิธีทำบุญในพระพุทธศาสนาโดยย่อมี 3 วิธี ด้วยกัน คือ         1. ให้ทาน ได้แก่ แบ่งปันทรัพย์สิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลที่สมควรได้รับทานนั้น โดยไม่ถึงกับทำให้ตนเองเดือดร้อน ซึงโดยทั่วไปแล้วชาวพุทธ นิยมทำบุญด้วยการให้ทานกับพระภิกษุบ้าง ผู้มีศีลบ้าง เป็นประจำสม่ำเสมอ         2. รักษาศีล คือการสำรวมกาย วาจา ไม่ให้ทำความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ซึ่งอย่างน้อยต้องรักษาศีล 5 เป็นประจำทุกวัน หากมีโอกาสในวันโกน วันพระ หรือวันหยุดงานประจำสัปดาห์ ชาวพุทธนิยมรักษาศีล 8 เพื่อให้ได้บุญเพิ่มเป็นพิเศษขึ้นมาอีก บางท่านอาจจะปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจการงานที่ทำอยู่ โดยรักษาศีล 8 เป็นประจำ ในวันใดวันหนึ่ง ทุกๆ 7 วัน         3. เจริญภาวนา ได้แก่ การทำบุญด้วยการฝึกใจให้ผ่องใสเป็นสมาธิ(Meditation) ด้วยการศึกษาธรรมะและสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อทำใจให้สงบผ่องแผ้ว ปลอดโปร่งแจ่มใส เป็นประจำทุกคืนๆ ก่อนนอน อย่างน้อยคืนละ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง …

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง Read More »

ทำบุญแบบไหนถึงจะได้เฝ้าและฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต

คำถาม: ทำบุญแบบไหนถึงจะได้ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต และได้ฟังธรรมด้วยกันครับ? คำตอบ: ถ้าอยากจะพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละก็ ต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ได้ครบทั้ง ๓ อย่าง ทุกเช้าพอตักบาตรทำทานแล้วนั่งสมาธิ ให้มากๆ  ต่อไปศีลจะอยู่คู่ตัวได้เองโดยอัติโนมัติ พอศีลมั่นคง ปัญญาจะแตกฉาน จนเข้าใจเรื่องโลกและชีวิตได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งพอถึงจุดนี้จะคิดได้เองว่าควรทำบุญแบบไหนถึงจะได้บุญมากๆ         อีกอย่างขอแนะนำให้แบ่งเวลาอ่านพระไตรปิฎกด้วย แล้วคุณจะรู้เองว่าในอดีตคนที่เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ติดสอยห้อยตามฟังธรรมของพระพุทธองค์นั้น  ชาติก่อนเขาทำบุญมาอย่างไร         สำหรับคุณถ้าจะให้เร็วขึ้น หลวงพ่อขอแนะนำว่าถ้าไม่ติดขัดอะไร พรุ่งนี้ก็บวชเสีย  แล้วก็อธิษฐานตรงดิ่งไปเลยว่า ขอเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เหมือนที่พระสารีบุตรท่านทำบุญแล้วอธิษฐานขอเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวานั่นแหละ         สำหรับรายละเอียดเป็นอย่างไรคงต้องให้มาฟังที่วัด จะได้มีโอกาสเกิดไปใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้า และได้ฟังธรรมกันเต็มอิ่มเชียวละ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก

คำถาม: เรามีหลักการทำทานอย่างไร จึงจะได้บุญมากครับ? คำตอบ: การให้ทานที่จะได้บุญมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ก่อนอื่นจะต้องทำให้ทานนั้นครบองค์ ประกอบ 4 ประการดังนี้ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ ได้แก่ สิ่งที่จะให้ทานต้องเป็นของที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง ไม่ได้คดโกงใครเขา         2. เจตนาบริสุทธิ์ ได้แก่ มีความตั้งใจที่จะให้ทาน เพื่อกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ฆ่าความโลภให้สิ้นไป ไม่ได้หวังลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเครื่องตอบแทน แต่มีความตั้งใจที่จะเสียสละ ให้เกิดเป็นบุญกุศลจริงๆ และการหวังได้บุญ ไม่ใช่เป็นความโลภนะ ขอให้พิจารณาแยกแยะกันให้ดี         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือ ตัวผู้ให้ทานเองต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนให้ก็มีจิตใจผ่องใส ชื่นบาน เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใสอยู่ หลังจากให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่นึกเสียดายเลย         4. ผู้รับบริสุทธิ์ เช่น ถ้าเป็นพระภิกษุ ก็เป็นพระภิกษุที่หมดกิเลส หรือเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ได้บุญมากเป็นพิเศษ และได้บุญทันตาเห็น คือได้รับผลของทานคือบุญในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า …

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก Read More »

การกรวดน้ำหลังทำบุญใส่บาตร ลืมแล้วกรวดน้ำทีหลัง ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่?

คำถาม: ทราบว่าเวลาใส่บาตรแล้วควรกรวดน้ำ แต่ถ้าลืมกรวดน้ำในเช้าวันนั้น  มากรวดใหม่ในตอนกลางคืน ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ได้รับบ้าง แต่ไม่เหมือนกับตอนที่ใส่บาตรใหม่ๆ นะเหมือนตีเหล็กให้ได้รูป ถ้าจะให้ดีต้องตีตอนเหล็กร้อนจัดสีแดงๆ เหมือนเปลวไฟ ถ้าปล่อยให้เหล็กเย็นแล้วจึงตี บางทีดัดให้เข้ารูปไม่ได้เลย ถึงพอจะได้บ้างก็ต้องออกแรงตีจนเจ็บมือ การกรวดน้ำควรจะทำทันทีในขณะที่ใจยังปีติอยู่ในบุญในทานที่ได้กระทำแล้ว ผลของทานจะได้ถึงผู้รับอย่างรวดเร็วและเต็มเม็ดเต็มหน่วย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

การเลือกพระใส่บาตรเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดอย่างไร

คำถาม: การใส่บาตร ถ้ามีความคิดว่าใส่ให้กับพระองค์ไหนก็เหมือนกัน เพราะถือว่าผ้าเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ความคิดนี้ผิดถูกอย่างไรครับ? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ไม่ผิด ตามสะดวก แต่ว่าถ้าอยากจะได้ผลเป็นบุญมากๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทานที่มีผลเป็นบุญต้องประกอบด้วยเหตุ 4 ประการ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ คือไม่ได้ไปโกงใครมา เป็นของที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง         2. เจตนาบริสุทธิ์ คือตั้งใจให้ทานเพื่อเป็นบุญเป็นกุศล การให้ของคนเราต่างกัน เช่น บางคนไปรักสาวคนไหนก็ซื้อแหวนให้ นั่นเป็นการให้ที่มีเจตนาไม่เป็นบุญเป็นกุศล แต่เจตนาให้เขารัก หรือไปรักสาวคนไหน ก็ซื้อของขวัญให้น้องสาวของสาวคนนั้น เป็นการติดสินบนให้เปิดทางให้อีกต่อหนึ่ง นั่นก็เป็นเจตนาที่ไม่เป็นบุญกุศล ถือว่าเป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อบุญล้วนๆ         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ อย่างน้อยมีศีล 5 ถ้าหากตักบาตรไป เมาเหล้าไป บุญส่วนนี้ก็หย่อนไป         4. ผู้รับบริสุทธิ์ คือพระภิกษุรักษาศีลได้ครบถ้วน ไม่ด่างพร้อย มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ยิ่งหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ด้วย เรายิ่งได้บุญมาก หรือแม้ที่สุดท่านยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ด้วย เรายิ่งได้บุญมาก หรือแม้ที่สุดท่านยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ อย่างน้อยท่านก็ตั้งใจประพฤติตนอยู่ในพระธรรมวินัย แค่นี้ก็ยังดีที่ไม่ใช่เป็นพระเกเร         หากผู้รับบริสุทธิ์มาก …

การเลือกพระใส่บาตรเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดอย่างไร Read More »

ให้ตัวแทนเป็นคนกรวดน้ำ จะได้ผลเหมือนกับการที่เรากรวดน้ำด้วยตัวเองหรือไม่

คำถาม: การกรวดน้ำอุทิศแผ่ส่วนบุญ ในงานพิธีบุญที่มีสาธุชนมาก ถ้าหากจะให้ตัวแทนเป็นผู้กล่าวนำคำอุทิศ แล้วเรากล่าวตาม และให้ตัวแทนเป็นผู้กรวดน้ำแทนด้วย จะได้ผลเหมือนทำเองไหมครับ? คำตอบ: การกรวดน้ำในงานพิธีโดยทั่วไป กำหนดให้มีตัวแทนทำหน้าที่กรวดน้ำอยู่แล้ว และขณะกรวดน้ำก็ไม่จำเป็นจะต้องมีคำกล่าวอะไร เพราะว่าขณะที่กำลังกรวดน้ำนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่พระสงฆ์กำลังให้พร ถ้าเรากล่าวอะไรเสียงดังออกไป เท่ากับไปขัดจังหวะ ไปส่งเสียงแข่งกับพระภิกษุ         เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวอะไรทั้งนั้น ใครทำหน้าที่กรวดน้ำ ก็หลั่งน้ำทันทีที่พระสงฆ์ผู้เป็นประธานกล่าวขึ้นต้นคาถาว่า ยถา วาริวหา ปูรา…และให้หยุดหลั่งน้ำ เมื่อพระภิกษุรูปที่สองรับขึ้นว่า สัพพีติโย…         คนอื่นนอกนั้นก็นึกน้อมอธิษฐานจิตนึกถึงบุญและแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปยังผู้ที่เราต้องการส่งบุญไปให้ ทำแค่นี้ก็เหมือนกับเราลงมือกรวดน้ำด้วยตนเองนั่นแหละ มันสำคัญอยู่ที่ใจนะลูกนะ         บทกรวดน้ำ ที่ขึ้นต้นว่า อิทังเม ญาตินัง โหตุฯ นั้นใช้ท่องตามลำพังของเรา หลังจากที่พระให้พรจบแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ในนิทานเรื่องดาวลูกไก่การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระจะได้บุญหรือบาปอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อคะ ถ้าเขาเจาะจงฆ่าสัตว์เอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระ อย่างนี้พระจะพลอยบาปด้วยไหมคะ ถ้ารู้ว่าโยมเจตนาฆ่าสัตว์เพื่อท่าน อย่างเรื่องดาวลูกไก่ ตากับยายอุตส่าห์ตั้งใจแกงไก่มาถวายพระ ส่วนแม่ไก่จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งลูกๆ ของมันด้วย ได้ไปเกิดเป็นดาว แสดงว่าไก่ได้บุญ แล้วตากับยายจะได้บุญบ้างไหมคะ? คำตอบ: คุณโยมเอ๊ย…ทำไมไปเอานิทานที่เขาเล่ากล่อมเด็กมาเป็นจริงเป็นจัง เอาเรื่องคนฆ่าสัตว์มาทำอาหารถวายพระในปัจจุบัน มาพิจารณากันก็ได้ หรือจะเอาตากับยายมาเป็นตัวละครก็ไม่ว่ากัน         คำถามนี้หลวงพ่อขอแยกเป็น 2 ข้อ คือเรื่องของคนทำอาหารข้อหนึ่ง กับเรื่องของพระที่ฉันอาหารของญาติโยมอีกข้อหนึ่ง         ข้อแรก ตากับยาย ที่ฆ่าไก่มาแกงถวายพระ ถามว่าแกได้บาปหรือได้บุญ ตอบว่าแกได้บาปตั้งแต่คิดจะฆ่าไก่แล้ว พอลงมือฆ่าด้วยตนเอง ยิ่งบาปใหญ่เลย และที่แน่ๆ ก่อนจะลงมือฆ่าแกมีบาปก้อนแรกค้างอยู่ในใจก่อนแล้ว คือบาปที่มีความหลงผิด คิดว่าฆ่าสัตว์ถวายให้พระฉันจะได้บุญ         ข้อสอง สำหรับพระภิกษุ ขอให้รับทราบไว้ด้วยว่าเนื้อสัตว์ที่มีผู้ทำอาหารถวายพระนั้น มีพระวินัยอยู่ว่า ถ้าเนื้อนั้น พระได้เห็นหรือได้ยิน ว่าเขาเฉพาะเจาะจงฆ่าสัตว์สำหรับท่านละก็ ท่านฉันไม่ได้นะ         แม้ที่สุดไม่เห็นการฆ่า ไม่ได้ยินตอนเขาฆ่า และไม่รู้เรื่องด้วยว่าเขาฆ่ามาเฉพาะเพื่อท่าน แต่สงสัยว่าเขาฆ่าเฉพาะเพื่อท่าน แม้อย่างนั้นในพระวินัย ก็กำหนดว่าฉันไม่ได้ เช่น สมมุติว่าพระธุดงค์เดินธุดงค์ไปในป่าเจอบ้านโยมหลังหนึ่งก็เข้าไปปักกลดอยู่ห่างๆ พอเช้าขึ้นมาโยมแกงไก่มาถวาย รู้โดยอัตโนมัติเลยว่าเขาฆ่าไก่มาเพื่อท่าน …

ในนิทานเรื่องดาวลูกไก่การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระจะได้บุญหรือบาปอย่างไร Read More »

เราเกิดมาทำไม

คำถาม: คนเราเกิดมาทำไมกันครับหลวงพ่อ คำตอบ:   ก่อนอื่นคุณควรเข้าใจให้ถูกในเรื่องโลกและชีวิต เสียก่อนว่า         ๑. คนเราตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วยังต้องเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน ตราบใดยังปราบกิเลสในตัวไม่หมด ก็ยังต้องเกิด         ๒. กรรมดีกรรมชั่ว ทำแล้วมีผลแน่นอน และจะส่งผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ไม่หายไปไหน         ๓. นรก สวรรค์มีอยู่จริง เมื่อทำความเข้าใจถูกต้องถึงจุดนี้แล้ว เรื่องแรกที่เราควรนึกถึงก็คือ  ทำอย่างไรจึงจะปิดนรกให้ตัวเองได้ หรือมีทางใดบ้างที่เมื่อตายไปแล้ว จะทำให้ไม่ตกนรกและมีแต่สุคติเป็นที่ไป         คุณถามว่าคนเราเกิดมาทำไม  ตอบแบบรวบรัดว่าคนเราเกิดมาเพื่อพัฒนาตนเอง เพื่อยกระดับจิตใจของตนให้สูงขึ้น และเพื่อสั่งสมบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับ  เมื่อบุญบารมีเต็มส่วนแล้วก็จะสามารถปราบกิเลสในตัวได้หมด พ้นจากทุกข์อย่างถาวร เข้านิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด เป้าหมายสุดท้ายของมนุษย์ทุกคนเป็นอย่างนี้ แต่คนเราโดยมากนักจะไม่ค่อยรู้กัน         คุณเองก็เช่นกัน  ในขณะนี้คุณยังไม่ได้บวช  ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ดูแลครอบครัวอยู่  จึงจำเป็นจะต้องมีแนวทาง หรือหลักในการดำรงชีวิตอยู่ในโลก ซึ่งมีอยู่ ๔ ประการ ดังนี้         ๑. มีสัจจะ  คือ  ต้องเป็นคนจริง คนตรง ซื่อสัตย์ คนส่วนมากในสังคมปัจจุบันมีนิสัยชอบโกหก  …

เราเกิดมาทำไม Read More »

ทำไมพระเวสสันดรให้บุตรธิดาเป็นทานแก่ชูชก

คำถาม: กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าพระเวสสันดรให้บุตร-ธิดา เป็นทานแก่ชูชก แล้วบุตร-ธิดาก็ได้รับความลำบาก การให้ทานแบบนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องไหม ผมควรจะตอบคนที่ถามมาอย่างไรครับ? คำตอบ:  เรื่องที่พระเวสสันดรให้พระโอรส พระธิดาเป็นทานไปนั้น หลวงพ่ออยากจะให้ข้อคิดว่า เวลาเรามองการกระทำของใคร ขอให้มองให้ถึงฐานะของคนคนนั้นด้วย อย่าเอาฐานะของเราเข้าไปเปรียบไปเทียบ          ตัวอย่างเช่น ทหารที่ออกไปรบ เขาทิ้งลูกทิ้งเมีย ทิ้งพ่อทิ้งแม่ไป บางครั้งทำให้คนที่อยู่ข้างหลังเหล่านั้น ต้องได้รับความลำบาก         ถามว่า ทหารเขาไม่ห่วงครอบครัวหรือ? ตอบว่า ความจริงเขาก็ห่วง แต่ตัดใจไป เพราะเห็นว่าประเทศชาติสำคัญกว่า ถ้าประเทศชาติเป็นอะไรไป อย่าว่าแต่ลูกแต่เมียเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เขาไม่รักลูกเมีย แต่เพราะว่าเขามีความจำเป็น เขามีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่จะต้องปกป้องผืนแผ่นดินไทย เขาจึงต้องออกรบ         ใครที่ทราบก็สรรเสริญว่าเขาทำถูก เขาทำตามหน้าที่ของชายชาติทหาร ไม่มีใครด่าทหารประเภทนี้สักคน ทุกคนยอมรับและสรรเสริญว่าเขาเป็นคนดี         ถ้าใครด่าทหาร ประเภทที่ยอมสละลูกสละเมียไปรบว่าเป็นคนเลว คนๆ นั้นก็จะถูกตำหนิ จริงอยู่ในฐานะเป็นผัวเป็นเมียกัน หรือ เป็นพ่อเป็นลูกกัน ถ้าเอาแค่ฐานะนี้มาพิจารณาละก็ คนที่ทิ้งลูกทิ้งเมียออกไปรบ ก็จะถูกตำหนิว่าผิด เพราะมีหน้าที่จะต้องดูแลครอบครัว ใครไม่ดูแลนี่ถือว่าผิด แต่คิดให้กว้างออกไปว่านอกจากเขาจะเป็นคนมีลูกมีเมีย มีหน้าที่ดูแลครอบครัวแล้ว เขายังเป็นทหาร …

ทำไมพระเวสสันดรให้บุตรธิดาเป็นทานแก่ชูชก Read More »

เอาเงินทำบุญไปใช้ก่อน หรือลืมทำบุญให้ แล้วเอาไปทำให้ภายหลัง จะบาปหรือไม่

คำถาม: ถ้าเราฝากปัจจัยคือเงินมาทำบุญ โดยเน้นให้ทำในวันนั้น วันนี้ หรือให้ทำอาทิตย์นี้ แต่ผู้ที่เราฝากมาเขาเอาเงินไปใช้ก่อนหรือลืมทำให้ พอนึกได้ก็เอาไปทำ แต่ช้ากว่าวันที่ระบุให้ทำ เช่น ไปทำเดือนหน้า ผู้รับฝากจะบาปหรือไม่ครับ? คำตอบ:  เรื่องนี้ไม่บาป แต่ก็ไม่ดีนัก เหมือนอย่างกับเขาฝากให้เราเอาข้าวเปลือกไปหว่านในนา เราแบกมาแล้ว แต่เอาไปตั้งทิ้งไว้อีกเดือน จึงค่อยไปหว่าน ปรากฏว่าช่วงนั้นหมดฝนแล้ว ข้าวเปลือกที่หว่านลงไป อาจจะงอกเพราะดินยังชื้นอยู่นิดหน่อย แต่ว่าไม่นานก็เหี่ยวเฉาตาย ทำให้เสียประโยชน์ที่ควรจะได้ไป         ปัจจัยที่เขาฝากมาทำบุญก็เช่นกัน ถ้าไปตกค้าง หลงลืมอยู่ที่ใคร จนเลยเวลาที่เขาสั่งไว้ ปัจจัยนั้นอาจจะหมดประโยชน์ เพราะฉะนั้นรับปากใครเขามาแล้ว ก็ต้องทำตามที่รับปากให้ได้         โดยเฉพาะเรื่องการทำบุญทำกุศล เพราะเป็นบุญแก่ทั้งเจ้าของเงินและแก่เราผู้ช่วยทำให้เขาด้วย เป็นการอนุเคราะห์ให้เขาได้ทำบุญโดยสะดวก อย่าเพิกเฉย ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ เพราะใครรับประกันได้ว่าเงินทองนั้นจะไม่สูญหาย เราจะไม่หลงลืม หรือเขาอาจเคราะห์ร้ายมีอันล้มตายไป ไม่ทันเอาปัจจัยที่เขาฝากไปทำบุญให้ ซึ่งก็จะเป็นบาปติดตัว เป็นหนี้เขาข้ามภพข้ามชาติโดยไม่สมควรนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา