หลวงพ่อทัตตชีโว

อธิษฐานไม่ให้มีคู่ครอง จะได้ผลหรือไม่

คำถาม: ถ้าทำบุญแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดกี่ชาติๆ อย่าได้มีคู่ครองเลย คำอธิษฐานจะเป็นผลหรือไม่ครับ? คำตอบ: เมื่อทำบุญ ผลของบุญต้องเกิดแน่ แต่ว่าถ้าตราบใดเรายังเข้าไม่ถึงพระธรรมกายในตัวละก็ คำอธิษฐานนี้ยังไม่ค่อยจะได้ผลนะ แต่ว่าถ้าผู้ที่อธิษฐานเข้าถึงพระธรรมกายในตัวแล้ว และสิ่งที่อธิษฐานก็อยู่ในเส้นทางพระนิพพาน ที่ตนกำลังปฏิบัติอยู่ คำอธิษฐานจะศักดิ์สิทธิ์ได้ผลตามความปรารถนา ตั้งแต่ชาตินี้เป็นต้นไป         เพราะฉะนั้น ถ้าใครเห็นทุกข์เห็นภัยในการครองเรือน และต้องการป้องกันไม่ให้ตัวถลำไปมีคู่ครองอีกละก็ ตั้งใจฝึกสมาธิให้ดีเอาให้ถึงธรรมกาย  ให้ได้ตั้งแต่ชาตินี้ แล้วหมั่นอธิษฐานขอเป็นโสดเรื่อยไป ทำอย่างนี้ได้จึงจะรอดตัว         ถ้ายังเข้าไม่ถึงก็ยังไม่แน่นอนนะ อาจจะรอดหรืออาจจะไม่รอด แต่ถ้าเข้าถึงธรรมกายละก็ ร้อยเปอร์เซนต์รอดแน่เลย แล้วเราไปบวชต่อด้วยกันในชาติหน้าอีกนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

พระสามารถใช้ยาฆ่าแมลงหรือโรยยาป้องกันแมลงมารบกวนได้หรือไม่

คำถาม: พระภิกษุใช้ยาฆ่าแมลงในกุฏิ หรือกรณีมีแมลงมาทำลายต้นไม้ในวัด จึงโรยยาป้องกัน ถูกทำร้าย โดยคนทำก็ไม่มีเจตนาเช่นเดียวกัน คำตอบ:   ขอฝากข้อสังเกตสักนิด ถ้าบ้านไหน วัดไหนมีมด มีแมลงมาก มันก็ฟ้องว่าการดูแลที่อยู่อาศัย ดีไม่พอ ตั้งแต่ไม่ค่อยปัดกวาดเช็ดถูเท่าที่ควร หรือปล่อยบริเวณรอบ ๆ ให้รก อาจจะมีหญ้ามาก หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือเป็นเพราะการเปิดไฟสว่างมากเกินไป เปิดต่อเนื่องกันนานเกินไปก็ได้ แมลงมันมาเล่นไฟแล้วมันก็ตาย แล้วมดมันก็มากินแมลงอีกที เลยทำให้มดชุม         กรณีนี้แก้ไขได้ง่าย เช่น เวลากลางคืนจะดูหนังสือ ก็เปิดไฟชนิดไฟโคมดูเฉพาะที่ แล้วทันทีที่ใช้เสร็จก็ปิดไฟเลย วิธีนี้ก็ช่วยได้มากแต่อย่าลืมว่าท่านลงมือฆ่าเมื่อไหร่ ก็ผิดพระวินัยเมื่อนั้น หนีไม่พ้น ทางที่ดีควรเกณฑ์เด็กวัดช่วยกันถางหญ้าเสียบ้าง หมั่นกวาดวัด จัดระบบรักษาความสะอาดให้ดี         ส่วนหลวงพ่อหลวงพี่ก็หมั่นกวาดวัด จัดระบบรักษาความสะอาดให้ดี ป้องกันไว้ดีกว่าจะไปตามแก้ไข แล้วพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีป้องกันให้มากที่สุด โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

อานิสงส์และสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปคืออะไร

คำถาม: ขอความกรุณาหลวงพ่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับอานิสงส์ และสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปด้วยค่ะ? คำตอบ: ก่อนที่จะฟังอานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูป ขอเล่าถึงสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปว่าสร้างขึ้นมาทำไม         เรื่องเดิมมีอยู่ว่าเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ หลังจากได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อน แล้วจะต้องบำเพ็ญบารมีต่ออีกอย่างน้อย 4 อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งนับว่านานไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว         เพราะเหตุนี้นานๆ จึงจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง เมื่อพระองค์ใดบังเกิดขึ้นแล้วก็จะทรงรีบประกาศธรรมะให้ชาวโลกรู้ ชาวโลกที่รู้แล้วก็ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นอย่างดี จนกระทั่งหมดกิเลสเข้านิพพานตามพระองค์ไป เพราะฉะนั้น ใครที่เกิดทันเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ชื่อว่ามีโชคดีอย่างยิ่ง         คราวนี้สำหรับผู้ที่มาเกิดไม่ทันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบแต่คำสอนของพระองค์ นึกหน้าเจ้าของคำสอนไม่ออกจะทำอย่างไรดี?         ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว ท่านมองการณ์ไกล รู้ว่าในภายหน้าจะเกิดมีปัญหาเรื่องนี้แน่นอน จึงปั้นองค์พระตามลักษณะที่ท่านเห็นในกายภายในออกมา พระพุทธรูปที่ท่านแกะสลักจำลองออกมาจากภายในจึงสวยงามมาก เพื่อให้คนรุ่นหลังอย่างเรากราบไหว้กัน         ในสมัยแรกๆ ธรรมะในตัวของท่านเหล่านั้นหนักแน่น มั่นคง แจ่มชัด เพราะฉะนั้นใครก็ตาม อย่าว่าแต่ได้ยินคำสอนเลย เพียงแค่เห็นพระพุทธรูปที่ท่านแกะสลักหรือปั้นขึ้นมา ใจก็ชุ่มชื่นเบิกบานเสียแล้ว เพราะว่าได้พบพุทธลักษณะ ซึ่งเป็นลักษณะที่สง่างาม ใครๆ เห็นแล้วก็อยากประพฤติปฏิบัติตนให้หมดกิเลสตาม ยิ่งเมื่อได้ศึกษาถึงธรรมะที่พระองค์ได้ทรงประกาศไว้ ก็ยิ่งมีกำลังใจที่จะทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป …

อานิสงส์และสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปคืออะไร Read More »

ถ้าเราไปซื้อปลาที่มันชามาปล่อยให้มันตายเองเสียก่อน แล้วเอามาทำอาหาร อย่างนี้จะบาปไหม

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะบางทีเราไปตลาด เราเห็นปลาช่อนที่เขาเอามาขายมันเริ่มชาแล้ว อย่างไรเสียอีกไม่นาน มันก็ต้องตายเอง เราไปซื้อปลาที่มันชา เอามาบ้านแล้วปล่อยให้มันตายเองสียก่อน แล้วเอามาทำอาหาร อย่างนี้จะบาปไหมคะ ? คำตอบ: ประเด็นนี้ก็ได้ชื่อว่ามีส่วนในการฆ่าเหมือนกัน ลองมาฟังนิทานดูสักเรื่อง บอกก่อนนะว่าเรื่องนี้เป็นเพียงนิทาน แต่ว่าเคยเป็นข้อสอบที่เอามาถามกันในการสอบนักธรรมของพระภิกษุสามเณร         เรื่องอยู่ว่า มีตากับยายสองคน เข้าวัดเป็นประจำทั้งคู่ วันโกนวันพระก็ไปนอนวัด ถือศีล ๘ กันตลอดพรรษา เช้ารุ่งขึ้นจากวันพระวันหนึ่ง ก็พายเรือกลับมาบ้านด้วยกัน ตาพายท้าย ยายพายหัวขณะพายเรือฉับ ๆ ไปนั่นเอง ก็มีปลาเจ้ากรรมตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาในเรือ ทั้งตาทั้งยายถือศีลกันมานาน ก็รู้อยู่นะว่าฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ปลานี้มันตัวโต แล้วทั้งคู่ก็อยากกินแกงปลาติดหมัดขึ้นมาเดี๋ยวนั้นทีเดียวก็คิดกันอยู่ในใจทั้งคู่ละนะว่า ทำอย่างไรหนอจะได้กินแกงปลาอร่อย ๆ แล้วก็ไม่บาปด้วย         ตาก็เอื้อมมือไปจับปลาตัวนั้น แล้วก็โยนไปให้ยายที่นั่งอยู่หัวเรือ บอกว่า “ยาย…แกปล่อยปลาซิ” ยายก็แหม….กำลังมองหาผักบุ้งยอดอ่อน ๆ มาใส่แกงส้มปลาอยู่พอดี แต่ว่าก็กลัวบาป เลยจับปลาโยนกลับไปให้ตาพร้อมกันบอกว่า “ตา..แกปล่อยเองถอะ” ตาก็จับปลาโยนกลับมาใหม่ “แกปล่อยเถอะ” โยนกันไปโยนกันมาจนปลาตาย         ถามว่าบาปไหม ? ตอบว่าบาป …

ถ้าเราไปซื้อปลาที่มันชามาปล่อยให้มันตายเองเสียก่อน แล้วเอามาทำอาหาร อย่างนี้จะบาปไหม Read More »

การมีอาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕

คำถาม: การมีอาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ไม่ทราบว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕ หรือไม่อย่างไร หลวงพ่อกรุณาช่วยอธิบายด้วยคะ ? คำตอบ: เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หลวงพ่อจะเล่าเรื่องเก่าให้ฟัง ที่บ้านหลวงพ่อแต่เดิมก็เป็นเอเย่นค้าเหล้า ถามว่าแล้วมีบาปติดตัวไหม ?         ตอบว่ามี หลวงพ่อเองตอนนี้เป็นนิสิตมหาวิทยาลัย เคยได้ชื่อว่าเป็นถังเหล้าเคลื่อนที่อยู่ระยะหนึ่ง คนที่ค้าเหล้านี่โดยทั่วไปเขารู้ไหมว่าคนที่ซื้อเหล้าไปกินจะเสียผู้คน รู้ไหมว่ากินแล้วเขาจะเมา “รู้” แต่เขาไม่สงสารคนกิน เขาขาดคุณธรรม คือเมตตาจิต เห็นแก่จะได้ฝ่ายเดียว แล้วก็เลยตั้งหน้าตั้งตาขายไปทั้งเหล้าทั้งบริการ         ด้วยบาปที่ขาดเมตตาจิตนี้ ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ถ้าตกทุกข์ได้ยากเมื่อไร จะไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ชาตินี้แม้เคยช่วยใครมาเท่าไร ๆ พอถึงคราวตัวเองทุกข์ได้ยากบ้าง ก็จะไม่มีคนช่วยเคยช่วยคนอื่นไว้ อาจจะเป็นบุญแค่ปลายนิ้วก้อย แต่บาปที่เขาขาดเมตตาจิตมอมเมาคนทั้งโลกนี่ เทียบกันแล้วบาปเป็นกระบุงเป็นตระกร้าเอามาเทียบกับบุญที่ทำไว้แค่ปลายนิ้วก้อย มันถ่วงกันไม่ได้ งัดกันไม่ขึ้นหรอกนะ         โบราณจึงบอกว่า ใครที่ค้าเหล้าค้ายาเสพติด ทำบุญกับใครไม่ขึ้น จริง ๆ แล้วก็บุญส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป แต่ว่าบาปมันมีตั้งเยอะ เมื่อเทียบกับบุญที่ทำไว้นิดเดียว มันก็เลยเทียบกันไม่ได้ คนพวกนี้ทำบุญคุณกับใครแล้วเขาไม่เห็นความดีหรอก เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนขายเหล้า เป็นเจ้าของกิจการขายเหล้า หรือเป็นคนเสิร์ฟ …

การมีอาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕ Read More »

คนที่ชอบโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้นบาปหรือไม่

คำถาม: ศีลข้อที่ ๔ เรื่องมุสานั้น หมายความว่าไม่ให้พูดคำที่ไม่เป็นจริงเลยหรือครับ หรือมีข้อยกเว้นอย่างไรบ้าง ? คำตอบ: แน่นอนคำที่ไม่เป็นจริง ห้ามพูดเด็ดขาด ข้ออ้างชนิดที่เรียกว่าโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้นฟังไม่ขึ้น โกหกแล้วใครจะสบายใจหรือไม่สบายใจยังไงก็ตามเถอะ โกหกก็คือโกหก มันผิดนะ         คำถามประเภทนี้มักจะได้ยินจากพ่อบ้านจอมเจ้าชู้อยู่บ่อย ๆ “กับคนอื่นผมไม่โกหกหรอก ผมจะโกหกเฉพาะกับเมียผมเท่านั้นแหละคือพูดให้แกสบายใจ ผมคงไม่บาปนะหลวงพ่อ” นั่นแหละบาปชัด ๆ เสียแรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งนาน ยังหลอกกันได้         คนที่ชอบอ้างว่าโกหก เพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้น ลองสำรวจตัวเองใหม่จะพบว่า ถ้าเราเองได้จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราอย่างรอบคอบถูกต้องแล้ว การที่จะมาโกหกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้น ก็เป็นอันหมดห่วงไปได้ เพราะว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เราจะต้องไปโกหกใครนั่นเอง แต่ถ้าเรายังต้องโกหกคนโน้นคนนี้อยู่ ก็แสดงว่ายังมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องแอบแฝงไว้ ต่อไปชีวิตของเราจะไม่ราบรื่นแน่ถ้าไม่รีบแก้ไข โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ให้สัจจะว่าจะรักษาศีล 8 ตลอดไป แต่ต้องไปทำงานทางโลก ต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ จะต้องทำอย่างไร

คำถาม: ผมให้สัจจะว่าจะรักษาศีล ๘ ตลอดไป แต่ผมต้องไปทำงานทางโลก ซึ่งอาชีพที่ทำต้องมีการพบปะสังสรรค์กับลูกค้าผมจะทำอย่างไรดีครับ ? คำตอบ: หลวงพ่อจะยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง สมัยก่อนบวชหลวงพ่อก็ต้องทำงานทางโลก ต้องพบปะลูกค้า ต้องไปนั่งร่วมวงกับเขาแต่หลวงพ่อก็นั่งอยู่ได้ โดยไม่ต้องกินเหล้าไปกับเขาด้วย ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก เขากินเหล้า เราก็กินน้ำอัดลม กินกับแกล้ม ก็คุยกันได้เรื่อยไป ตอนนั้นหลวงพ่อถือศีล ๕ อยู่ ยังไม่ถือศีล ๘ มีอาชีพเป็น Sale-man บางครั้งก็ต้องพาลูกค้าไปเลี้ยง เขาจะกินเหล้าก็กินไป ไม่ว่ากัน เราไม่กินเหล้า แต่เรากินกับแกล้ม         ความจริงกับแกล้มเหล้าของพวกขี้เมานี่อร่อยดีเหมือนกันนะ แหม..เนื้อย่างก็อร่อยเข้าท่า ลาบก็เข้าท่า อร่อยอีกเหมือนกัน หลวงพ่อกินกับแกล้มอุตลุดหมด เขากินเหล้าไป เราก็กินกับแกล้มไป พอชักคอแห้งก็กินน้ำอัดลม ก็ไม่เดือดร้อน ไม่ขัดคอกัน หนักเข้า ๆ พวกเพื่อนขี้เมาไม่อยากให้หลวงพ่อไปด้วย มันตั้งฉายาให้ว่า “ขุนกับแกล้มวินาศ” คบไม่ได้         วันหลังพอมันจะไปกินเหล้ากัน มันบอกตรง ๆ เลย “ไม่ชวนไปหรอก กับแกล้มมีเท่าไหร่เอ็งกินหมด!” แต่เราก็เข้าหากันได้ …

ให้สัจจะว่าจะรักษาศีล 8 ตลอดไป แต่ต้องไปทำงานทางโลก ต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ จะต้องทำอย่างไร Read More »

เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่

คำถาม: เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่งไหมคะ ? คำตอบ: ศีลข้อที่หนึ่งท่านใช้คำว่า “ปาณาติปาตา เวระมะณี” คือเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ที่มีลมปราณ คือเริ่มมีลมหายใจ ถ้าไข่ที่เราซื้อมาเป็นไข่ที่ฟักไม่ได้เลย หรือฟักไม่เป็นตัว ก็ไม่ได้ผิดอะไร         ถ้าถามต่อว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไข่ที่ซื้อมาฟักเป็นตัวแล้ว ตอบว่าไข่ที่ฟักเป็นตัวได้แล้วนั้น จะเริ่มเป็นจุดเมื่อกกไข่ไปได้ประมาณสัก ๔-๗ วัน ถ้ายกฟองไข่ส่องดูจะเห็นจุดโตประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวหรือถ้าเอาไฟฉายส่องดูตอนกลางคืน จะเห็นเส้นเลือดขึ้นเป็นคล้ายตาข่ายชัดเจน ซึ่งแสดงว่าไข่เริ่มมีชีวิตอยู่ข้างใน ถ้าทุบไข่ตอนนั้นก็ถือว่าทำให้ชีวิตขาดล่วงไป เป็นปาณาติบาต คือฆ่าสัตว์         แต่ว่าถ้าไข่นั้นยังไม่ได้ถูกฟัก หรือถึงเอาเข้าฟักแล้ว แต่เป็นไข่ที่ไม่มีเชื้อตัวผู้ผสมอยู่ ไม่มีชีวิตเกิดอยู่ภายใน การกินไข่นั้นก็ไม่ผิดศีลอะไร โดยทั่วไปไข่ไก่ ไข่เป็ดในท้องตลาดขณะนี้ เนื่องจากผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เลี้ยงแยกตัวผู้ตัวเมียออกจากกัน ไข่ที่ออกมาจึงเป็นพวกไข่ลม คือไม่มีเชื้ออยู่แล้ว จะกินก็กินไป ไม่ต้องกลัวผิดศีลข้อฆ่าสัตว์         ยกเว้นบางครั้งจับผลัดจับผลู เขาเอาไข่ที่ผสมแล้วและฟักแล้วจนมันเริ่มเป็นชีวิตขึ้นมา เอามาขาย ถ้ากรณีนั้นศีลข้อหนึ่งของเราก็จะพร่องไป แต่ก็แค่ด่างพร้อย เพราะเราไม่รู้ว่าไข่นั้นมีชีวิตอยู่ คือเราไม่มีเจตนาฆ่านะ (ดูประกอบเพิ่มเติมเรื่ององค์แห่งศีล) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง …

เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่ Read More »

เมื่อทำบุญแล้วควรอธิษฐานอย่างไรและควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่

คำถาม: เมื่อทำบุญแล้ว จะอุทิศส่วนกุศลควรอธิษฐานอย่างไร และควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ ? คำตอบ: อธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติและผู้ที่มีพระคุณของเราขอให้ได้มาอนุโมทนารับบุญไปตามส่วน ใครที่เราเคยล่วงเกินไว้ ก็ขอให้มาอนุโมทนาบุญด้วย และขอให้อโหสิกรรมแก่เรา แคนี้ก็พอแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำบุญใส่ชื่อคนตาย เขาจะได้รับหรือไม่

คำถาม: การทำบุญถ้าจะใส่ชื่อคนตาย โดยเราประสงค์จะอุทิศส่วนกุศลให้ เขาจะได้รับหรือไม่ ? คำตอบ: เราจะเขียนหรือไม่เขียนชื่อก็ได้ การทำบุญผู้ที่ได้บุญแน่นอนคือตัวผู้ทำบุญนั้นเอง เมื่อเราได้บุญจะอุทิศส่วนกุศลให้ใคร ก็เพียงแต่นึกในใจว่า ขอให้บุญจงถึงแก่ท่านผู้นั้น ถ้าท่านผู้นั้นอยู่ในฐานะที่จะรับได้ ท่านก็ได้รับทันที         อย่างเช่น โยมพ่อของหลวงพ่อนั่งสมาธิ(Meditation) จนกระทั่งใจใสสว่างดีแล้ว ก็นึกให้โยมพ่อมาอนุโมทนาเอาบุญถึงที่นั่งสมาธิ ให้มารับบุญไปมาก ๆ ให้สมกับที่เลี้ยงเจ้าลูกดื้อคนนี้มาอย่างลำบากยากเย็น ก็นึกอย่างนี้ทุกครั้งถ้าเราต้องการอุทิศกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่เคยทำบุญให้ทานเลย ท่านจะสามารถรับส่วนกุศลที่เราอุทิศไปให้ได้หรือไม่ ?         ถ้าท่านไปตกนรกลึก ๆ ก็ไม่สามารถจะรับได้ แต่ไม่เป็นไร ญาติคนอื่นอาจจะรับต่อได้ ขอให้ทำต่อไป การอุทิศส่วนกุศลนี้ บางคนก็ได้รับ บางคนก็ไม่ได้รับ อุปมาเหมือนคนป่วยหนักในโรงพยาบาล มีคนเอาผลไม้ไปเยี่ยม แต่เนื่องจากป่วยหนักเข้าจึงไม่สามารถกินผลไม้เหล่านั้นได้ผู้ที่ได้กินแทนก็คือคนเฝ้าไข้ พอเขาอิ่มหนำสำราญ เขาก็ดูแลคนไข้อย่างดีเป็นผลทางอ้อม แต่ถ้าคนป่วยไข้เพียงเล็กน้อย เราเอาผลไม้หรืออาหารไปเยี่ยม ก็คงจะพอกินได้บ้าง         เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าตกนรกลึก ๆ ก็เหมือนคนป่วยหนักจะอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่าไรก็ไม่ถึง แต่จะถึงกับญาติคนอื่น ๆ ที่อยู่ในฐานะจะรับได้ แต่ถ้าผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ทำบาปเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนคนป่วยอาการเล็กน้อย คงจะพอได้รับส่วนกุศลที่เราอุทิศได้บ้าง         …

ทำบุญใส่ชื่อคนตาย เขาจะได้รับหรือไม่ Read More »

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม

คำถาม: ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหมคะ ? คำตอบ:   จบก็คือจบ อุทิศก็คืออุทิศ คนละอย่างกัน จบ คือการอธิษฐาน โดยยกของหรือถาดใส่ของที่จะถวายพระขึ้นเหนือศีรษะหรือจรดหน้าผาก แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้ ขอให้หมดกิเลสไปพระนิพพาน”         แต่เวลากรวดน้ำเขาขอว่า “ทานที่ข้าพเจ้าทำดีแล้วนี้ ขอให้ถึงแก่ญาติคนนั้น ๆ”         การอธิษฐานเป็นการสร้างอธิษฐานบารมี ตั้งความปรารถนามุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตนเอง ส่วนการกรวดน้ำเป็นอาหารแสดงการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ถ้าให้แก่คนที่อายุน้อยกว่าเรา ก็เป็นลักษณะของ เมตตาบารมี ถ้าให้กับผู้ที่เป้นผู้ใหญ่กว่าเรา มีพระคุณแก่เรา นั่นเป็นการแสดงกตัญญูกตเวที         เพราะฉะนั้นการจบอาหารก่อนใส่บาตร กับการกรวดน้ำหลังตักบาตรนี่ต่างกันนะ         การกรวดน้ำนั้นเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติ เป็นอุบายวิธีทำให้ใจสงบ เยือกเย็นและกว้างขวาง พร้อมที่จะอุทิศผลบุญให้ผู้อื่นอย่างเต็มที่ คนที่ฝึกสมาธิ(Meditation)มาดีแล้ว สามารถเข้าสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเป็นสื่อ เพราะฉะนั้นถ้าหาน้ำไม่ทันหรือโอกาสไม่อำนวย ทำบุญแล้วก็ควรนึกอุทิศส่วนกุศลทันที ในขณะที่ใจยังปีติอิ่มอยู่ในบุญ         ในทำนองเดียวกัน เมื่อจะตักบาตร ทำทานก็ควรจบหรือนึกอธิษฐานบุญ ตั้งผังกำหนดทิศทางการส่งผลของบุญให้ถูกต้องก่อนด้วย         ส่วนที่ถามว่าผู้ที่เราอุทิศให้ด้วยใจ แต่ไม่ได้กรวดน้ำให้ จะได้ส่วนบุญหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเองว่าเขาอยู่ในฐานะที่จะรับได้หรือไม่ ถ้าตกนรกลึกนัก …

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม Read More »

ภิกษุณีกับแม่ชีมีความแตกต่างกันอย่างไร

คำถาม: ขอความกรุณา หลวงพ่อช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องภิกษุณี กับชีในปัจจุบันด้วยครับว่าต่างกันอย่างไร? คำตอบ:   ภิกษุณีมีศีล ๓๑๑ ข้อ แต่ชีมีศีล ๘ ข้อ ภิกษุณีนั้นหมดไปนานแล้ว ชีก็ส่วนชี ภิกษุณีก็ส่วนภิกษุณี เป็นคนละประเภทกัน แม่ชีนั้นเทียบได้แค่อุบาสิกาเท่านั้นเอง เพราะถือศีล ๘ ยกขึ้นไปเทียบกับภิกษุณีไม่ได้เลย         เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๒๙ มีนักบวชหญิงมาจากไต้หวัน เขาบอกว่าเขาเป็นภิกษุณีของเขายังมีอยู่ ส่วนทางหินยานหรือเถวรวาทของพวกเรา ภิกษุณีหมดไปตั้งแต่เมื่อพระพุทธศาสนาแผ่จากอินเดียมาปักหลักที่ลังกาแล้ว แต่ว่าภิกษุณีของทางมหายานจะมีศีลมีวินัยถูกต้องครบที่ทรงบัญญัติไว้ในสมัยพุทธกาลเพียงใดนั้นเราไม่ทราบ เพราะขาดการติดต่อกัน แต่เมื่อเขามา ทางเราก็ต้อนรับเขา        พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ขอเล่าไว้เป็นเกร็ดความรู้สักนิด พระภิกษุในฝ่ายมหายาน โดยเฉพาะในประเทศเกาหลี ไต้หวัน เขามีสิ่งที่เขาภูมิใจอยู่สิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราไม่มีแล้ว สิ่งนั้นคือการสืบสายถึงอุปัชฌาย์ น่าสรรเสริญที่เขาสามารถรักษาขนบธรรมเนียมเอาไว้ได้ คือเวลาจะบวชกับอุปัชฌาย์ เพียงองค์ ๒ องค์ เท่านั้น ส่วนมากเขาบวชแล้วไม่มีการสึกกัน        เวลามีคนมาขอบวชพระกับอุปัชฌาย์องค์ไหนก็ตาม พระอุปัชฌาย์ จะต้องบอกลูกศิษย์ก่อนว่า “คุณจำไว้นะ อุปัชฌาย์ของฉันชื่อนั้น อุปัชฌาย์ ของอุปัชฌาย์ชื่อนั้น ๆ” ไล่ชื่อกันไปถึงโน่น พระอานนท์พระมหากัสสปะ …

ภิกษุณีกับแม่ชีมีความแตกต่างกันอย่างไร Read More »

ตัดต้นไม้ที่มีรุกขเทวดาอยู่บาปไหม

คำถาม: ตัดต้นไม้ที่มีรุกขเทวดาอยู่ บาปไหมครับ ? คำตอบ:  ถามก่อนว่าเราตัดต้นไม้ถือว่าเป็นปาณาติบาตไหม ? ไม่เป็นนะ เราตัดต้นไม้ เราไม่ได้ฆ่าใครก็ไม่บาป แต่ถ้าต้นไม้นั้นมีรุกขเทวดาอยู่ เราทำลายที่อยู่อาศัยของเขา บางทีเขาก็เล่นงานเราเหมือนกัน แต่ถ้าเรามีบุญอยู่ในตัว เขาก็เล่นงานเราไม่ได้         ในพระวินัยของสงฆ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงห้ามโค่นต้นไม้ที่มีเทวดาอยู่อาศัย ท่านใช้คำว่า “ภูตคาม” คือต้นไม้ที่เป็นวิมานของเทวดา ห้ามตัด ซึ่งก็คงเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ ๆ นะ         อย่างไรก็ดี ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แล้ว อย่าตัดต้นไม้เลย เพราะจะทำให้บรรยากาศแห้งแล้ง แผ่นดินแตกระแหง โล่งเตียน พอฝนตกมาก น้ำก็หลากไหลไปท่วมบ้านเรือนเร็วขึ้น เพราะไม่มีต้นไม้คอยปะทะหรือช่วยดูดซับน้ำเอาไว้ ใครย้ายข้าวของหนีไม่ทัน ก็จะเสียหายกันยกใหญ่         แต่หากจำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะโค่นต้นไม้ต้นไหนที่คิดว่ามีเทวดาอาศัยอยู่ ให้บอกท่านก็แล้วกัน เชิญให้เทวดาไปหาที่อยู่ใหม่ เพราะจำเป็นต้องโค่นต้นไม้ต้นนี้ พอโค่นแล้ว เราก็ตักบาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เทวดา ทำอย่างนี้จะสบายใจขึ้น โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา …

ตัดต้นไม้ที่มีรุกขเทวดาอยู่บาปไหม Read More »

กรณีที่พระยืนรอรับบิณฑบาตนั้นผิดหรือสมควรหรือไม่

คำถาม: กรณีที่พระถือบาตรมายืนหน้าร้านขายอาหาร รอผู้ที่จะมาใส่บาตร ถามว่าผิดหรือสมควรหรือไม่คะ ? คำตอบ:   ตอบว่า ไม่ผิด แต่ถามว่าสมควรหรือไม่?  ก็ไม่ค่อยสมควรนะ คืออาจจะยืนรอได้ แต่พอรายแรกหรือคนกลุ่มแรกเขาใส่บาตรให้แล้วควรเดินต่อไปเลย แต่ถ้า ๒ รายก็แล้ว ๓ รายก็แล้ว ๖-๗ รายแล้วก็ยังยืนปักหลักรออยู่อีก อย่างนี้ก็ไม่สมควร         แต่ถ้าจะเอาผิดเอาถูกกัน ก็ตอบว่าไม่ผิด จะผิดก็ต่อเมื่อได้อาหารมาหลายชุดจนล้นบาตร กลับไปถึงวัด แล้วยังกลับมารับอีกอย่างนี้ผิดแน่นอน         พระท่านเดินรับบิณฑบาตจากหลายบ้าน จนของล้นบาตร ก็เพื่อรักษาศรัทธาญาติโยม ส่วนพวกญาติโยมก็ควรเอ็นดูพระบ้าง อย่าเคี่ยวเข็ญ ยัดเยียดให้ท่านหอบหิ้วจนทุลักทุเลนักเลย         สำหรับเรื่องนี้ต้องค่อย ๆ พิจารณาให้ดี อย่าเอาแค่ผิดแค่ถูก ต้องเอาความควรหรือไม่ควรด้วย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

คนที่คิดในเรื่องกาม แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร บาปหรือไม่

คำถาม: คนที่คิดในเรื่องกาม แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร บาปหรือไม่ครับ ? คำตอบ:  บาป ยิ่งเจ้าชู้เท่าไรยิ่งบาปมาก ถึงแม้ว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางเพศกับใคร ไม่ได้ทำให้ศีลข้อกาเมฯ ขาดหรอก แต่วัน ๆ นึกเห็นแต่หน้าคนโน้นคนนี้โผล่ขึ้นมา “อุ้ยแม่นั่นสวย แม่นี่ก็ยิ้มหวาน แม่นั่นก็อื้อฮือ” นึกแบบนี้ทั้งวันก็แย่แล้วละ รีบแก้ไขตัวเองเสีย         ถามว่าไม่ดียังไง ? ไม่ดีเพราะมันฟ้องว่าใจขุ่นแล้ว ใจขุ่นเพราะมัวเมาหมกหมุ่น ครุ่นคิดในเรื่องเพศ เฝ้าคิดถึง คนึงหา หวงหึงสารพัด แค่วันทั้งวันไม่ได้คิดสร้างสรรค์งานการอะไรเลย นี่ก็แย่แล้วถ้าสร้างสรรค์อะไรก็วกเข้าเรื่องส่งเสริมกามราคะเสียทั้งหมด สังคมก็เดือดร้อน         พวกนี้เวลาใกล้ ๆ ตาย ภาพที่ติดอยู่ในเรื่องกามเหล่านี้มันจะกลับมาทำให้นึกเรื่องบุญไม่ออก เมื่อนึกถึงบุญไม่ออก แม้จะเคยทำบุญไว้บ้างก็ไม่มีทางได้ไปสวรรค์ และถ้าใจยังวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่แต่เรื่องเหล่านี้ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ดีไม่ดีอาจตกนรกเอาง่าย ๆ         เรื่องรัก ๆ ใคร่ๆ เรื่องกามเหล่านี้ ทำให้คนเอาตัวไม่รอดมานักต่อนักแล้ว แม้เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ สังเกตดูจากข่าวหนังสือพิมพ์ก็ได้ จะเห็นว่ามีคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกวัน และมีคนอยู่จำพวกหนึ่งไม่ได้ยุ่งกับลูกเขาเมียใคร แต่วัน ๆ เอาแต่สร้างสื่อลามกออกเผยแพร่ทำให้เกิดคดีทางเพศเพิ่มขึ้นไม่น้อย …

คนที่คิดในเรื่องกาม แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร บาปหรือไม่ Read More »