ธรรมะเพื่อประชาชน

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๒ (พุทธคุณ ๘ ประการ)

มหาโควินทสูตรตอนที่ ๒ (พุทธคุณ ๘ ประการ) บุญ คือ สิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้เกิดความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง ทำให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยโลกียสมบัติและอริยสมบัติ ถ้ามีบุญมากเราจะสร้างบารมีได้สะดวกสบาย และบรรลุมรรคผลนิพพานได้อย่างง่ายดาย ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้ว การสั่งสมบุญจึงเป็นกิจที่เราทั้งหลายต้องกระทำกันทุกวัน ทุกเวลาและทุกสถานที่ มีวาระบาลีที่ปรากฎใน อรรถกถาขุททกนิกาย ชาดก ว่า “บุคคลจะเป็นอุบาสกหรืออุบาสิกาก็ตาม ผู้ถึงพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยคุณอันอุดมอย่างนี้ ชื่อว่าจะเป็นผู้บังเกิดในนรกเป็นต้น ย่อมไม่มี อนึ่งพ้นจากการบังเกิดในอบายแล้ว ยังจะเกิดขึ้นในเทวโลกได้เสวยมหาสมบัติ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งที่ระลึกของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย การบังเกิดขึ้นของพระองค์ เป็นสิ่งที่มวลสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างรอคอยด้วยใจที่จดจ่อ เพื่อจะได้มีโอกาสฟังพระสัทธรรม อันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ เข้าถึงบรมสุขอันเป็นอมตะ เป็นความสุขที่อิสระไม่มีทุกข์เจือปนแม้แต่น้อย เมื่อคราวที่แล้ว หลวงพ่อได้นำเรื่องราวในมหาโควินทสูตรมากล่าวเอาไว้ในเบื้องต้น เป็นเรื่องราวการสร้างบารมีของปัญจสิขเทพบุตร ที่ไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ และได้กล่าวถึงมหาเทวสันนิบาต ซึ่งการประชุมใหญ่ในแต่ละครั้งของเหล่าเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ปัญจสิขเทพบุตรได้ทูลเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนสวรรค์ชั้นนั้นถวายพระศาสดาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์  เมื่อประชุมกันในวันธรรมสวนะก็จะทบทวนถึงบุญที่ตนเองได้สร้าง” ใครที่ได้สร้างบุญในพระพุทธศาสนา เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กายทิพย์ของเทพเหล่านั้นจะสว่างไสวมากกว่าเทพองค์อื่นๆ สังเกตได้จากรัศมีที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจบุญ ท้าวสักกะจอมเทพที่ดูแลปกครองเทพทั้งหลายในดาวดึงส์จะเสด็จไปอนุโมทนาด้วยคาถาว่า “โอหนอ ผู้เจริญทั้งหลาย พวกเราเหล่าเทพชั้นดาวดึงส์ย่อมบันเทิงไหว้พระตถาคต เคารพพระธรรม พวกเทพใหม่ที่มีรัศมี มียศ ได้ประพฤติพรหมจรรย์ในศาสนาของพระสุคต  …

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๒ (พุทธคุณ ๘ ประการ) Read More »

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๓ (สนังกุมารพรหม)

มหาโควินทสูตรตอนที่ ๓ (สนังกุมารพรหม) การประพฤติปฏิบัติธรรม ทำใจหยุดใจนิ่ง จะนำความบริสุทธิ์ให้กับชีวิต และจะเป็นทางแห่งความสำเร็จ ใจที่หยุดนิ่งดีแล้วจะถูกจุดแห่งความสำเร็จ และความสุขที่ไม่มีประมาณ เป็นสุขที่ละเอียดประณีต ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงดวงปฐมมรรคอันเป็นเบื้องต้น จนถึงสุขที่เกิดจากการเข้าถึงกายในกายที่ละเอียดขึ้นไป กระทั่งเข้าไปถึงพระธรรมกายซึ่งเป็นพุทธรัตนะในตัว  เมื่อเราตระหนักถึงพระรัตนตรัยเช่นนี้แล้ว ต้องหมั่นหยุดใจให้ได้ทุกๆวันอย่างสม่ำเสมอ มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกายธรรมบทความ ว่า “อนฺธภูโต อยํ โลโก      ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ สกุโณ ชาลมุตฺโตว       อปฺโป สคฺคาย คจฺฉติ ชาวโลกนี้ เป็นผู้มืดบอด มีน้อยคนที่เห็นแจ้งในโลกนี้ น้อยคนเหลือเกินที่จะไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เหมือนนกน้อยตัวที่รอดพ้นจากตาข่ายมีน้อยเหลือเกินฉะนั้น” สังสารวัฏมีภัยมากมาย ซึ่งเกิดจากบาปอกุศลที่ส่งผลให้ไปสู่อบายภูมิ ทำให้มีแต่ความทุกข์ทรมาน มีชาวโลกไม่มากนักที่จะใช้โอกาสในการเกิดมาเป็นมนุษย์ให้คุ้มค่า เป็นสัมมาทิฏฐิบุคคลที่ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตอยู่ไปวันหนึ่งๆ โดยไม่รู้เป้าหมายของการเกิดมา น้อยคนนักที่สามารถประคับประคองตนให้รอดพ้นอบายภูมิได้ ผู้ที่สามารถนำชีวิตไปสู่จุดหมายอันสูงสุดได้ จะต้องรู้จักพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น คราวที่แล้ว หลวงพ่อได้นำเรื่องราวที่เหล่าเทวดาทั้งหลายมาประชุมกัน ฟังท้าวสักกะจอมเทพตรัสถึงพระคุณ ๘ ประการของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นเรื่องราวที่ปัญจสิขเทพบุตรได้ประมวลเหตุการณ์ต่างๆ มาเล่าถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนี้หลวงพ่อจะได้มาเล่าต่อ ขณะที่เหล่าเทวดาฟังพระคุณของพระศาสดาและพากันปีติโสมนัส ทันใดนั้น ทางทิศเหนือปรากฏแสงสว่างเจิดจ้า ครอบงำรัศมีของเหล่าทวยเทพ ท้าวสักกะจอมเทพจึงตรัสว่า เพื่อนทั้งหลาย …

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๓ (สนังกุมารพรหม) Read More »

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๔ (โชติบาลกุมาร)

มหาโควินทสูตรตอนที่ ๔ (โชติบาลกุมาร) อายตนนิพพาน เป็นที่อยู่ของพระนิพพาน ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เป็นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสุขอันเป็นอมตะ ไม่มีเกิด แก่ ตาย ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการเคลื่อนย้ายอีกต่อไป เป็นจุดสุดท้ายของทุกๆ ชีวิต สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาติต่างมีเป้าหมายเช่นนี้เหมือนกัน การเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องหมั่นปฏิบัติธรรมให้หยุดนิ่งไปตามลำดับ อย่างพระอริยเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย ธรรมบทความ ว่า “สุกรํ สาธุนา สาธุ        สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ ฯ ปาปํ ปาเปน สุกรํ         ปาปมริเยหิ ทุกฺกรํ ความดี คนดีทำง่าย ความดี คนชั่วทำยาก ความชั่ว คนชั่วทำง่าย ความชั่ว อริยบุคคลทำได้ยาก” คนดี หมายถึงผู้ที่มีใจสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากอกุศล มีศีล ๕ เป็นปกติ ผู้ที่มีใจเช่นนี้  เมื่อกระทำความดีก็จะทำได้ง่าย คนดีจะอยู่รวมกันเป็นหมู่ ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใด …

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๔ (โชติบาลกุมาร) Read More »

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๕ (พบมหาพรหม)

มหาโควินทสูตรตอนที่ ๕ (พบมหาพรหม) มนุษย์ทุกคนล้วนแสวงหาความสุขกันทั้งสิ้น แต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินภายนอกนั้น ไม่ใช่เป็นการแก้ทุกข์ที่ต้นเหตุ ความสุขที่แท้จริงต้องเป็นความสุขที่เที่ยงแท้ถาวร เป็นสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปน สุขอย่างนี้เกิดจากการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องเริ่มจากการนำใจมาหยุดนิ่งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ทำอย่างต่อเนื่องและถูกวิธี จึงจะพบกับความสุขที่แท้จริงได้ มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกายธรรมบทความ ว่า “ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ        กุสเลน ปีถียติ โส อิมํ โลกํ ปภาเสติ       อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา บุคคลใด ละบาปกรรมที่ตนทำไว้แล้วได้ด้วยกุศล บุคคลนั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจดวงจันทร์พ้นแล้วจากหมอก ฉะนั้น” การใช้ชีวิตในโลกนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จะต้องมีสติประคับประคองตนให้ดี ตัวเราเท่านั้นจะเป็นที่พึ่งได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความขยันหมั่นเพียรในการพัฒนาให้ชีวิตดำรงอย่างมีความสุข คำว่าตนเอง มีทั้งหยาบและละเอียด หยาบๆก็คือหมั่นพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยความรู้ความสามารถ ส่วนความหมายที่ละเอียดลึกซึ้ง คือต้องหมั่นปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในตัวให้ได้ พระธรรมกายเป็นตัวตนที่แท้จริง สามารถเป็นที่พึ่งให้กับเราทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า  ดังนั้น เราต้องลงมือปฏิบัติธรรมด้วยตัวของเราเอง ผู้อื่นไม่สามารถทำให้เราได้ เช่นเดียวกับชีวิตของมหาโควินทพราหมณ์รักในการฝึกตนอย่างมาก เป็นผู้ที่ไม่ยอมหยุดในการฝึกฝนตนเองเลย คราวที่แล้ว ได้นำเรื่องราวที่มหาโควินทพราหมณ์โพธิสัตว์ใช้อัจฉริยปัญญา แบ่งแว่นแคว้นออกเป็น …

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๕ (พบมหาพรหม) Read More »

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๖ (ขอลาบวช)

มหาโควินทสูตรตอนที่ ๖ (ขอลาบวช) ชีวิตหลังความตาย เป็นชีวิตที่ยาวนานกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ การศึกษาในทางพระพุทธศาสนามีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งหลักที่สำคัญอยู่ที่การฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อให้เข้าถึงแหล่งแห่งความสุข และความรู้ที่สมบูรณ์ เป็นความรู้ที่ทำให้พ้นทุกข์ ทั้งในปัจจุบันและทุกข์หลังความตาย ตลอดไปจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน อุตตรสูตร ความว่า “อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข ชีวิตมีอายุน้อย ถูกชราต้อนเข้าไป ชีวิตที่ถูกชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมต้านทานไม่ได้ ผู้เห็นภัยในความตายนี้มุ่งต่อสันติ พึงละโลกามิสเสีย” ผู้ใดดำรงชีวิตอยู่บนความประมาทพระศาสดาตรัสว่า การเกิดมาของผู้นั้น มีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีคุณค่าประโยชน์ใดๆ ส่วนผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร ย่อมใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีคุณค่าที่สุด เช่นเดียวกับชีวิตของพระบรมโพธิสัตว์ในอดีตที่หลวงพ่อได้เล่าค้างไว้ คือ เรื่องราวการสร้างบารมีของมหาโควินทพราหมณ์ ภายหลังที่ได้ถามปัญหาท่านสนังกุมารพรหม เกี่ยวกับการที่จะเข้าถึงพรหมโลกได้นั้น ต้องทำอย่างไร สนังกุมารพรหมตอบว่า ต้องละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของเรา ให้รู้ว่ากายมนุษย์นั้นไม่ใช่อัตตาที่แท้จริง ละทิ้งความเป็นอัตตา ตั้งใจปฏิบัติธรรมเจริญฌานสมาบัติก็จะเข้าถึงพรหมโลกได้ ท่านมหาโควินทพราหมณ์ถามปัญหาต่อไปว่า “ข้าพเจ้ารู้จากท่านว่า ละความยึดถืออัตตาเป็นของเราได้แล้ว คนบางคนในโลกนี้ …

มหาโควินทสูตร ตอนที่ ๖ (ขอลาบวช) Read More »

มหาโควินทสูตร ตอนที่ 7 (ออกบวช)

มหาโควินทสูตร ตอนที่ 7 ( ออกบวช ) สมบัติในโลกนี้ บังเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นเพียงเครื่องอาศัยสำหรับใช้สร้างบารมี ทรัพย์ละเอียด คือบุญเท่านั้นที่จะติดตามตัวเราไปได้ทุกหนทุกแห่งเหมือนเงาตามตัว หากรู้เช่นนี้แล้ว จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสมบัติทั้งหลาย ให้นำสิ่งเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือในการสร้างบารมี จะได้มุ่งไปแสวงหาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารของชีวิต คือการสร้างบารมีเพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพานกันทุกคน มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ความว่า ” ปวิเวกรสํ  ปิตฺวา    รสํ  อุปสมสฺส  จ นิทฺทโร  โหติ  นิปฺปาโป    ธมฺมปีติ  รสํ  ปิวํ บุคคลผู้ปีติในธรรม เมื่อดื่มรสอันเกิดแต่วิเวก และรสแห่งความสงบแล้ว ย่อมไม่มีความกระวนกระวาย ไม่มีบาป ” รสพระธรรมนั้นเป็นรสที่เลิศกว่ารสทั้งปวง เป็นรสที่เกิดจากความสงบเยือกเย็น ระงับความกระวนกระวายอันเกิดจากอาสวกิเลส บุคคลใดมีโอกาสลิ้มรสอันเกิดแต่ปีติสุขแห่งธรรม ชีวิตจะมีความสุขสงบ ไม่มีความกระวนกระวายร้อนรนอันเกิดจากทุกข์ประจำและทุกข์ที่จรมาทั้งหลาย บัณฑิตผู้มีปัญญา ต่างแสวงหาหนทางระงับทุกข์ ด้วยรสแห่งความสุขอันเกิดจากธรรมนั่นเอง * ดังเช่นชีวิตของมหาโควินทพราหมณ์ ที่ดำรงอยู่อย่างบัณฑิตผู้มีปัญญา เมื่อรู้ว่าหนทางที่ประเสริฐที่สุด คือ การทำตนให้ปราศจากกลิ่นเหม็น อันเกิดแต่ความโกรธ ความเท็จ เป็นต้น …

มหาโควินทสูตร ตอนที่ 7 (ออกบวช) Read More »

ศาสดาเอกของโลก (๕) – พุทธประวัติ

ศาสดาเอกของโลก (๕) พุทธประวัติ การเจริญสมาธิภาวนา เป็นทางลัดที่สุดที่จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ กาย วาจา   ใจ ถ้ามีความบริสุทธิ์มาก บุญกุศลย่อมเกิดขึ้นมาก ถ้ามีความบริสุทธิ์น้อย บุญกุศลก็ลดหย่อนลงไป ความบริสุทธิ์เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข เป็นสิ่งที่สั่งสมได้ ถ้าเราเจริญภาวนาทุกๆ วัน ยิ่งเป็นการเพิ่มเติมความบริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงความสุขที่แท้จริง อันเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตล้วนปรารถนา ดังเช่นพระบรมศาสดาของเรา ที่ดำรงตนเป็นแบบอย่างให้กับชาวโลกมานานนับหลายพันปี  ดังนั้น เราจึงควรหมั่นเจริญภาวนา เพื่อให้ชีวิตของเราเข้าถึงความสุขและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปล่งพุทธอุทานว่า “ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺมํ เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่  เมื่อนั้นความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อมดับหายไป เพราะมารู้ชัดธรรมพร้อมทั้งเหตุ” พระพุทธองค์ทรงเปล่งวาจาอันเป็นสิริมงคลนี้ ในวันขึ้น ๑๕ คํ่าเดือน ๖ ตรงกับวันวิสาขบูชา ครั้งที่นั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์ใต้ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งในปฐมยามพระองค์ได้เข้าถึงพระธรรมกายโสดาบัน …

ศาสดาเอกของโลก (๕) – พุทธประวัติ Read More »

จันทกุมาร บำเพ็ญขันติบารมี (๑)

จันทกุมาร บำเพ็ญขันติบารมี (๑) เวลาเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนมีเสมอกัน ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แล้วแต่ใครจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์และมีคุณค่าได้มากกว่ากัน คำว่า “ไม่มีเวลา” ไม่มีในโลก ขึ้นอยู่กับเรา จะให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่ากัน เรามักเอาเวลาไปเพลินกับสิ่งไร้สาระ และเอาความเกียจคร้านมาเป็นข้ออ้างว่า ไม่มีเวลา หากเราจัดสรรเวลาให้เป็น เราจะมีเวลาเหลือเฟือเพื่อทำสิ่งที่ดี ชีวิตเป็นของน้อยนิดไม่ยืนยาว จงใช้เวลาให้มีคุณค่า ด้วยการทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ไม่ควรดูเบากับเวลาที่ผ่านไป เมื่อมีโอกาสทำความดีพึงรีบทำ อย่ามัวรีรอ อย่ามีข้อแม้ เรามีเวลาในโลกอย่างจำกัด จงรีบเร่งทำความเพียรแต่วันนี้ เพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อขันติสูตร ว่า ” ปญฺจิเม ภิกฺขเว อานิสํสา ขนฺติยา กตเม ปญฺจ พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป น เวรพหุโล โหติ น วชฺชพหุโล อสมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติ กายสฺส เภทา ปรมฺมรณา สุคตึ …

จันทกุมาร บำเพ็ญขันติบารมี (๑) Read More »

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๐ ( อย่าบอกความลับแก่ใคร )

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๐ ( อย่าบอกความลับแก่ใคร )                 การที่ชีวิตจะปลอดภัยจากภัยทั้งหลายในสังสารวัฏนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการสั่งสมบุญบารมี ยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ หมั่นตรึกระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยตลอดเวลา ทำใจให้เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัยให้ได้ และควรจะนำความรู้ที่เกิดจากการเข้าถึงพระรัตนตรัย ไปทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร เป็นแสงสว่าง แก่โลก นี่คือหัวใจของการสร้างบารมี ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมาในภพชาตินี้ หากพวกเราทุกคน เป็นผู้ที่เอาจริงเอาจังในการปฏิบัติธรรม ชีวิตย่อมจะคุ้มค่าสมกับที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีวาระพระบาลีใน ปัณฑรกชาดก ความว่า          ” นรชนใดบอกความลับแก่คนอื่น นรชนนั้นจัดเป็นคนโง่เขลา นับวันจะต้องเสื่อม โดยไม่ต้องสงสัย เพราะโทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ และฉันทาคติ   ผู้ใดปากพล่อย นับเข้าในพวกอสัตบุรุษ ชอบกล่าวถ้อยคำในที่ประชุมชน นักปราชญ์เรียกผู้นั้นว่า ผู้มีปากชั่วร้ายคล้ายอสรพิษ ควรเว้นคนเช่นนั้นเสียให้ห่างไกล ”         เรื่องมโหสถบัณฑิต ในตอนนี้เป็นเรื่องของความลับว่า  ควรเปิดเผยแก่ใคร ไม่ควรเปิดเผยแก่ใครบ้าง เมื่อพูดถึงความลับ หมายถึง เป็นสิ่งที่ไม่ควรแพร่งพราย เพราะหากมีคนอื่นรู้ และแพร่ขยายออกไป …

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๐ ( อย่าบอกความลับแก่ใคร ) Read More »

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๑ ( ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา )

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๑ ( ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา )         กรณียกิจที่สำคัญของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การฝึกฝนใจให้สะอาดบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร หากไม่หมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่ง เราจะถูกกิเลสครอบงำอยู่รํ่าไป มารจะได้ช่องบังคับให้เราทำความชั่ว โดยทำให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง และละเลยการแสวงหาแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต ชีวิตจึงต้อง เวียนวนอยู่ในห้วงทะเลทุกข์ โอกาสที่จะได้สัมผัสธรรมรส    อันยอดเยี่ยมซึ่งเป็นวิมุตติรส จึงลดน้อยถอยลงไปทุกที เพราะฉะนั้น การให้โอกาสอันสำคัญกับตนในการทำสมาธิเจริญภาวนา เพื่อกลั่นกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ จึงเป็นทางลัดที่สุดที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จากการบังคับบัญชาของพญามาร มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย ชาดก ความว่า         “ภัยเกิดจากตนเอง ย่อมตามถึงบุคคลผู้ไร้ปัญญา  พูดพล่อยๆ ไม่ปิดบังความรู้ ขาดความระมัดระวัง ขาดความพินิจพิจารณา นรชนใด ยินดีบอกมนต์ลึกลับ ที่ตนควรจะรักษาแก่คนโง่ เพราะความหลง ภัยย่อมตามถึงนรชนนั้น มิตรเทียมไม่ควรจะให้รู้เหตุสำคัญอันลึกลับ ถึงมิตรแท้แต่เป็นคนโง่หรือมีปัญญาแต่ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์    ก็ไม่ควรจะให้รู้ความลับเหมือนกัน”         กลยุทธ์ในการเอาชนะข้าศึกฝ่ายตรงข้ามนิยมใช้กันในปัจจุบันประการหนึ่ง คือ การโจรกรรมข้อมูล …

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๑ ( ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา ) Read More »

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๒ ( ผู้สําเร็จราชการแผ่นดิน )

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๒ ( ผู้สําเร็จราชการแผ่นดิน )                 ชีวิตของมนุษย์นั้นสั้นนัก แต่ชีวิตหลังความตายเป็นชีวิตที่ยาวนานเกินกว่าจะคาดเดาได้ หากทำบุญไว้มากย่อมจะได้เสวยสุข ในสุคติภูมิเป็นเวลายาวนาน ถ้าเผลอพลั้งพลาดไปทำบาป ย่อมจะต้องไปเสวยทุกข์อยู่ในทุคติภูมิอีกยาวนานเช่นกัน  การประคับประคองตัวของเราให้ดำเนินชีวิตอยู่บนหนทางแห่งความดี เส้นทางแห่งบุญจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในการปกป้องคุ้มครองตัวเราให้ปลอดภัย ทั้งภัยในชีวิต ในอบายภูมิ และในสังสารวัฏ  ดังนั้น ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง อย่าท้อแท้ในการสั่งสมบุญกุศลเพื่อตัวเอง เพื่อภพชาติหน้าอันสมบูรณ์กว่า และเพื่อเป้าหมายอันสูงสุด คือ การได้บรรลุมรรคผลนิพพาน     มีวาระพระบาลีใน โคทัตตเถรคาถา ความว่า             “นักปราชญ์ทั้งหลายเป็นผู้มีความสุข และได้ชัยชนะในที่ทุกแห่งไป การไม่ได้ลาภโดยชอบธรรม กับการได้ลาภโดยไม่ชอบธรรม ทั้งสองอย่างนี้ การไม่ได้ลาภอันชอบธรรมประเสริฐกว่าการได้ลาภ โดยไม่ชอบธรรม ระหว่างคนที่ไม่มีความรู้แต่มียศ กับคนมีความรู้แต่ไม่มียศ คนมีความรู้ไม่มียศ ประเสริฐกว่าคนที่ไม่มีความรู้แต่มียศ”             ลาภสักการะเป็นสิ่งที่ปุถุชนคนทั่วไปมุ่งมาดปรารถนา ต่างแสวงหากันตลอดชีวิต สำหรับวิสัยของบัณฑิตนักปราชญ์นั้น ท่านจะแสวงหาลาภสักการะ ด้วยวิธีการที่ซื่อสัตย์สุจริตไม่ฉ้อโกงใครมา หากได้มาจากความทุกข์ของคนอื่น ท่านจะไม่ทำเด็ดขาด …

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๒ ( ผู้สําเร็จราชการแผ่นดิน ) Read More »

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๑) – สุเมธดาบส

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๑)      พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของชาวโลก เป็นความปรารถนาอันสูงสุดที่มีได้ทัดเทียมกัน  เมื่อใดที่มวลมนุษยชาติได้เข้าถึงพระรัตนตรัย เมื่อนั้นจะพบกับความเหมือนกันที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งรูปร่างหน้าตา คุณสมบัติ ความบริสุทธิ์ และอานุภาพ จะรู้จักกายมาตรฐานที่เป็นสากลจริงๆ เป็นกายที่สวยงาม อันประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ กายจะเหมือนเป็นพิมพ์เดียวกัน มีความเสมอภาคกันอย่างแท้จริง เนื่องจากเพราะเป็นวงศ์แห่งพระอริยเจ้า จึงไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ มีดวงใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความคิดคำพูด และการกระทำ จะบริสุทธิ์บริบูรณ์เหมือนกัน มีความรักความปรารถนาดีต่อกันอย่างแท้จริง ไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์ หรือเบียดเบียนแก่งแย่งชิงดีกัน เราจะเข้าใจลึกซึ้งได้เมื่อลงมือปฏิบัติธรรม จนกระทั่งได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวของเรา      * เหล่าเทวดาในหมื่นโลกธาตุได้กล่าวให้สาธุการแด่สุเมธดาบสโพธิสัตว์ว่า      “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่ง พึงบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ ให้เต็มเปี่ยมฉันใด ข้าแต่ท่านมหาวีระ ขอท่านจงบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ ให้เต็มเปี่ยมฉันนั้นเถิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ตรัสรู้ที่โพธิมณฑล ฉันใด ข้าแต่ท่านมหาวีระ ขอท่านจงตรัสรู้ที่โพธิมณฑลของพระชินเจ้า ฉันนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทรงประกาศพระธรรมจักร ฉันใด ขอท่านจงประกาศพระธรรมจักร ฉันนั้น พระจันทร์ในวันเพ็ญผ่องแผ้ว …

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๑) – สุเมธดาบส Read More »

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๒) – สุเมธดาบส

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๒)      เวลาแห่งการทำใจให้หยุดนิ่ง เป็นเวลาที่ทรงคุณค่า นับเป็นการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง คำสอนในพระพุทธศาสนา เป็นคำสอนที่นำไปสู่การปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง และนำไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล แม้เราได้ศึกษาคำสอนมามากมายเพียงไร แต่ถ้ายังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ก็ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทรงธรรม ยังคงเป็นเพียงใบลานเปล่า คือ รู้เฉพาะภาคทฤษฏี แต่ภาคปฏิบัติเข้าไม่ถึง  เพราะฉะนั้น การจะเป็นผู้ทรงธรรมที่มีชีวิตสมบูรณ์ ได้รับรสแห่งธรรม ที่เรียกว่า ชนะรสทั้งปวงนั้น ต้องเริ่มจากการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งนี่เอง      มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย เถรคาถาว่า     “ พหูนํ วต อตฺถาย    อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา      อิตฺถีนํ ปุริสานญฺจ    เย เต สาสนการกา     พระตถาคตเจ้าทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์สุขแก่คนหมู่มาก ทรงบำเพ็ญประโยชน์ทั้งแก่สตรี และบุรุษ ผู้ทำตามคำสอนของพระองค์ ”      ตถาคต เป็นพระนามหนึ่งของพระบรมศาสดา หมายถึง ผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ เสด็จไปที่ไหนก็เป็นมงคล จนกระทั่งเสด็จไปสู่อายตนนิพพาน นอกจากนี้พระพุทธองค์ยังทรงชี้ทางบรรเทาทุกข์ ชี้สุขเกษมศานต์ และชี้ทางพระนิพพานแก่เหล่าสาวก ให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัยพิบัติต่างๆ ตามพระองค์ไปด้วย พระพุทธองค์ยังทรงเป็น …

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๒) – สุเมธดาบส Read More »

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๓) – สุเมธดาบส

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๓)      การหมั่นฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม เป็นวิถีทางของนักปราชญ์บัณฑิตที่จะทำให้เป็นคนดีที่โลกต้องการ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนดีย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกๆ คน บุคคลเป็นคนดีเพราะมีคุณงามความดี แต่คุณงามความดีในชีวิตจะมีขึ้นได้ ต้องเริ่มต้นจากกาย วาจา ใจ ที่สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส โดยต้องเริ่มจากใจที่หยุดนิ่ง เนื่องจากใจที่อบรมด้วยการเจริญสมาธิภาวนาเป็นใจที่ตั้งมั่น สามารถรองรับธรรมะอันละเอียดลุ่มลึกภายใน เป็นเหตุให้เข้าถึงต้นแหล่งแห่งคุณธรรมความดีทั้งหลาย ซึ่งรวมประชุมอยู่ในธรรมกาย ธรรมกายยังเป็นเป้าหมายของชีวิตที่สมบูรณ์อีกด้วย      ครั้งนั้น สุเมธดาบสโพธิสัตว์ได้กล่าวสอนตนเองไว้ใน พุทธการกธรรมว่า     “เราจักเลือกเฟ้นธรรมทั้งหลายอันกระทำซึ่งความเป็นพระพุทธเจ้าทางโน้นและทางนี้ ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำทั่วทั้งสิบทิศ ตลอดถึงธรรมธาตุ  เมื่อเราเลือกเฟ้นอยู่ในกาลนั้น ได้เห็นทานบารมีอันเป็นพุทธการกธรรมข้อที่ ๑ เป็นทางใหญ่ อันพระพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน ทรงเลือกเฟ้นแล้ว จึงสอนตนว่า เธอจงบำเพ็ญทานบารมีอันเป็นพุทธการกธรรมข้อที่ ๑ นี้ สมาทานทำไว้ให้มั่น ถ้าเธอปรารถนาบรรลุพระโพธิญาณ เปรียบเหมือนหม้อน้ำที่ใครคนหนึ่งคว่ำปากลง น้ำก็ออกจากหม้อมิได้เหลืออยู่เลย มิได้รักษาน้ำไว้ในหม้อนั้น แม้ฉันใด เธอเห็นยาจกทั้งหลายทั้งที่เป็นชั้นต่ำ ชั้นกลาง ชั้นสูงก็ตาม จงให้ทานโดยไม่เหลือ เหมือนหม้อน้ำที่เขาคว่ำปาก ฉันนั้นเหมือนกัน”      * ก่อนหน้าที่พระบรมโพธิสัตว์จะบังเกิดเป็นสุเมธดาบส ท่านได้สร้างบารมีเพื่อปรารถนาพุทธภูมิมาก่อนหน้านั้นแล้ว ได้บำเพ็ญบารมีมาในช่วงแรก โดยตั้งความปรารถนาในใจ ๗ …

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๓) – สุเมธดาบส Read More »

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๔) – สุเมธดาบส

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๔)      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเข้าถึง และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากอาสวกิเลส กิจที่จะทำยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ในฐานะที่พวกเราเป็นสาวกของพระพุทธองค์ จะต้องดำเนินรอยตามพระองค์ ด้วยการใช้วันเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ สร้างบารมีทำความดี ทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ให้เกิดขึ้น เรามีกิจที่จะต้องรู้แจ้งให้ได้ว่า เราเกิดมาจากไหน มาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต และจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร เราควรหมั่นฝึกฝนอบรมจิตใจให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งเข้าถึงผู้รู้แจ้งภายใน คือ พระธรรมกายให้ได้กันทุกคน      มีธรรมภาษิตใน ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ว่า     “ดูก่อนสุเมธดาบส ท่านจงสมาทานศีลบารมีข้อที่ ๒ นี้ กระทำให้มั่นก่อน จงถึงความเป็นผู้มีศีลบารมี หากท่านปรารถนา เพื่อจะบรรลุพระโพธิญาณ หางจามรีคล้องติดในที่ไหนก็ตาม ถ้าปลดขนหางออกไม่ได้ มันก็ยอมตายในที่นั้น แม้ฉันใด ท่านจงบำเพ็ญศีลให้บริบูรณ์ในภูมิทั้งสี่ อย่าได้เห็นแม้แก่ชีวิต รักษาเฉพาะศีลเท่านั้นในกาลทุกเมื่อ เหมือนจามรีรักษาขนหางด้วยชีวิต ฉันนั้นเถิด”      ครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงแนวคิดการสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ว่า จะต้องเริ่มต้นจากทานบารมีเป็นอันดับแรก เพราะเสบียงเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะยกตน และสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ ไปสู่ฝั่งอมตมหานิพพาน …

แนวคิดการบำเพ็ญบารมี (๔) – สุเมธดาบส Read More »