ทำอย่างไรจะให้คนในชาติมีความสามัคคี

คำถาม:
หลวงพ่อเจ้าขา ในสังคมมีการกระทบกระทั่งกันมาก ทำให้แตกความสามัคคีจะทำอย่างไรดี ให้คนในชาติของเรามีความสามัคคีกันเจ้าคะ

คำตอบ:
เรื่องของความสามัคคีของคนในชาติ เราร้องหากันมานาน แต่ว่ามีแต่ผู้ร้องหา ไม่มีร้องเรียกให้มาช่วยกันทำ เพราะเราไม่พยายามเจาะเข้าไปว่า ที่ขาดความสามัคคีมันมาจากอะไรกัน?
            ข้อที่ 1. เรื่องผลประโยชน์ ในโลกนี้มนุษย์ส่วนมากคิดแต่จะเอา ไม่ค่อยคิดจะให้ เมื่อคิดแต่จะเอา ไม่คิดจะให้ มันก็ไม่ต่างกับนกกาเท่าไหร่ นกกาตื่นเช้ามันก็ร้องตามเสียงสำเนียงมัน มันชวนกันไปหากิน คือชวนกันไปเพื่อเอา ไม่ใช่ชวนกันไปเพื่อให้ นี่คือเรื่องที่หนึ่ง ที่มนุษย์ถ้าไม่ระวังตัว พฤติกรรมของมนุษย์ก็ตกลงไปเช่นเดียวกับสัตว์อีกเหมือนกัน
            เรื่องที่ 2. มนุษย์ส่วนมากมักจะไม่มีวินัย คือเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ นิสัยไม่ดี นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ใช่นิสัยรักวินัยเคร่งครัดต่อวินัย มันก็เลยเป็นที่มาแห่งการกระทบกระทั่งกันอย่างมาก
            เรื่องที่ 3. ที่มนุษย์เสียหายมาก ทำให้เกิดความแตกแยกคือ ขาดความเคารพเกรงใจกัน มีแต่คอยจะจับผิดกัน จับถูกนี่หายาก มีแต่จับผิดกันตั้งแต่เช้า ตื่นขึ้นมาก็จะได้เห็นแต่การจับผิดกัน เช่น เช้าขึ้นมาถ้าเปิดวิทยุ ก็จะมีเสียงวิจารณ์จับผิดกัน จับผิดใครต่อใครตั้งแต่เช้ามืด นั่นคือเสียงไม่เป็นมงคลมาแล้ว เสียง ภาพที่ได้ยินได้เห็น มันไม่ค่อยจะช่วยให้มนุษย์คิดถึงความดีของกันและกัน มีแต่จะจับผิดกัน ก็เลยขาดความเคารพ ขาดความเกรงใจกัน จากนั้นความถนอมน้ำใจก็ไม่มี และความแตกแยกก็ตามมา
            สิ่งเหล่านี้ ปู่ย่าตาทวดของเราสอนเอาไว้ แก้เอาไว้ให้แล้ว แต่ว่าพวกเรามักจะมองว่าสิ่งที่ท่านทำ ท่านสอนเป็นเรื่องเก่าไปแล้ว แต่เราควรนำกลับมายึดทำตามท่านนะ
            ข้อแรก มนุษย์คิดแต่จะเอาประโยชน์เข้าตัว เช่นเดียวกับนกกา เพื่อป้องกันสิ่งนี้เกิดขึ้น แทนที่คิดจะไปโกยเอาเข้ามา รีบให้เสียก่อนเลย เช้าใดยังไม่ได้ให้ทาน เช้านั้นอย่าเพิ่งกินข้าว รีบให้เสียก่อน ไปตักบาตรเสียก่อน ตักบาตรกับพระที่ผ่านหน้าบ้านเรา ท่านเดินผ่านหน้าบ้านมาบิณฑบาต รีบให้ซะ พระในบ้านด้วย คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ผู้เฒ่าที่อยู่ในบ้าน เมื่อเราเล็กๆ ท่านให้เรากินก่อน ตอนนี้ท่านแก่แล้ว ก่อนเราจะกิน ควรจัดให้ท่านอีกเหมือนกัน นี้คือเช้าใดยังไม่ได้ให้ทาน ไม่ได้ให้ทานกับพระในบ้าน พระนอกบ้านก็ตามที อย่าเพิ่งกินข้าว ให้เสียก่อน แล้วเราจะไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ นี้ก็เป็นที่มาแห่งความสามัคคีของคนในชาติ ขั้นที่ 1.
            ประการที่ 2. พยายามรักษาศีลของเราให้ดี เคร่งครัดในศีลให้ได้ และเมื่อเคร่งครัดในศีล 5 ได้ เราก็จะรู้ว่าในบรรดาศีลทั้ง 5 ข้อ ที่รักษายากที่สุดคือศีลข้อที่ 4 คือการที่จะพูดจริง พูดตรงประเด็นนี่ยาก เมื่อเขาผ่านตรงนี้ได้ เขาจะกลายเป็นคนที่เคร่งครัดในวินัยเรื่องอื่นๆ ตามมาโดยอัตโนมัติ
            เพราะฉะนั้นปู่ย่าตาทวดท่านบอกไว้เลยว่า วันใดถ้ายังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล วันนั้นอย่าเพิ่งออกจากบ้าน เมื่อทำอย่างที่ท่านว่าไว้ ก่อนจะออกจากบ้าน ไปสัญญากับหลวงพ่อ หลวงปู่บนหิ้งนั้น ว่าวันนี้จะรักษาศีล 5 ให้ดี สัญญาแล้วค่อยจากบ้านไปทำงานกันไป ถ้าอย่างนี้ความมีวินัยมันจะเกิดขึ้นอยู่ในตัวของเราโดยอัตโนมัติ แล้วความเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ มันก็จะคลายไป ก็เป็นที่มาแห่งความสามัคคีประการที่ 2.
            ประการที่ ๓. เนื่องจากมนุษย์คอยจะจับผิดกันตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเข้านอน ท่านก็เลยบอกไว้ว่า ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระก่อน กราบพระเสร็จ นั่งสมาธิ(Meditation) ใจมันจะเป็นกลาง เมื่อใจเป็นกลางแล้ว นอกจากจะไม่คิดจับผิดใคร มันคิดจับถูกจับดีเสียแทน ทำให้คิดได้ว่าพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์องค์เจ้า พระพุทธศาสนา มีคุณกับตัวเราอย่างไร ก่อนนอนขอให้นึกถึงความดีของมนุษย์ทั้งโลก หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราทั้ง 6 ทิศ เมื่อนึกถึงความดีอย่างนี้ พลังใจที่จะสร้างความดีตาม หรือปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้นมันจะเกิด
            เพราะฉะนั้นบทสรุปก็คือ เช้าใดยังไม่ได้ให้ทาน เช้านั้นอย่าเพิ่งกินข้าว วันใดยังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล วันนั้นก็อย่าเพิ่งออกจากบ้าน คืนใดยังไม่ได้สวดมนต์ภาวนา ยังไม่นึกถึงความดีของคนรอบด้าน คืนนั้นก็อย่าเพิ่งนอน ทำ 3 ประการนี้ ความสามัคคีจะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในผืนแผ่นดินไทย 

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *