คำถาม:
หลวงพ่อเจ้าคะ มีคนถามลูกว่า จุดประสงค์ของการรักษาศีลแปด คือการประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าเขาสามารถ รักษาศีลข้อที่สามได้ ข้อย่อยๆอย่างอื่น เช่น ข้อหก ข้อเจ็ด ข้อแปด ไม่ต้องรักษาก็ได้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ
คำตอบ:
โยม…ทำอะไร ทำให้มันครบชุดของเข้าไว้ อย่าให้ตกหล่นไป กว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงบัญญัติ ศีลแต่ละข้อขึ้นมา พระองค์ได้ทรงคิดแล้วคิดอีกปกติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอยู่ประการหนึ่งที่รู้กันไปทั่วคือ ท่านจะไม่ตรัส ไม่พูดอะไรเพ้อเจ้อ พูดง่ายๆ อะไรไม่จำเป็นแม้ครึ่งคำพระองค์ก็ไม่พูด พูดเท่าที่จำเป็นเท่านั้นแหละ นี่คือพระจริยวัตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา
เพราะฉะนั้น การที่พระองค์บัญญัติจากศีลที่มีอยู่ ห้า ข้อแล้ว มาเป็น แปด ข้อนี่ แสดงว่าจำเป็นจริงๆ ไปตัดข้อใดข้อหนึ่งของพระองค์ไม่ได้หรอก ทำไมจึงตัดไม่ได้ ต้องมองว่าอย่างนี้ โดยหลักการก็คือ การที่กำหนดให้มีศีลภรต คือ ข้อที่หก ข้อที่เจ็ด ข้อที่แปด ไล่ไปเรื่อยๆ ของพระมีตั้ง 227 ข้อนะ เกินกว่าศีลห้าอีก ได้บอกแล้วว่าศีลในระดับนี้ เป็นศีลเพื่อรุกไล่ กำราบ ปราบกิเลส ให้มันสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษไป เมื่อต้องปราบปรามกันให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษนี่ มันจะต้องเป็นการปฏิบัติการ ประเภทให้มันสิ้นซากกันไปเลย ไม่ใช่ฉาบฉวย เพราะกิเลสที่เกิดในใจมนุษย์นั้นดูกันอย่างนี้
1. เราเกิดมากิเลสอยู่ในใจ เป็นเชื้อฝังใจ หาทางจะให้เราจะกำเริบอยู่เรื่อย บีบคั้นใจเราตลอด ถ้ามันยังทำอะไรใจเราไม่ได้ มันก็จะมีเหยื่อมาล่อ สำนวนศาสนาบอกว่า “มารเอาเหยื่อมาล่อ” โยมคงเข้าใจคำว่าเหยื่อนะ เอาของเล็กน้อยมาล่อ เพื่อให้ของใหญ่เสียหายไป
เช่นชาวประมง เขาก็เอาเหยื่อเกี่ยวเบ็ดมาล่อปลาตัวใหญ่ เอาปลาตัวเล็กๆ มาเกี่ยวเบ็ด ปล่อยไปเดี๋ยวปลาใหญ่ก็กินเบ็ด เขาก็ได้ปลาใหญ่เอามาแกงกิน นี่คือเหยื่อ เรารู้จักแต่เหยื่อปลา แต่เราไม่รู้จักเหยื่อที่เอามาล่อใจมนุษย์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงชี้เหยื่อที่มาล่อใจมนุษย์ไว้ชัดเจน มีอะไรบ้าง
เหยื่อล่อทางตา ก็คือรูปสวยๆ เอามาล่อตาเข้า ตามันชอบ มันก็กระทบใจปุ๊บ ใจก็ฟุ้งขึ้นมาเลย ติดเหยื่อซะแล้ว นอนไม่หลับ
เหยื่อล่อทางหู เอาเสียงมาล่อทางหู พอติดใจเสียงเข้าไป ก็นอนไม่หลับอีกแล้ว
เหยื่อล่อทางจมูก เอากลิ่นหอมๆ มากระทบจมูกเข้า ใจก็ฟุ้งอีกเช่นกัน
เหยื่อล่อทางลิ้น เอาอาหารถูกปากมาล่อ พออาหารกระทบลิ้นเท่านั้น ใจฟุ้งอีกแล้ว
เหยื่อล่อทางกาย เอาของนุ่มๆ นิ่มๆ เอามาล่อ เป็นเหยื่อกระทบกายก็ติดใจ นอนไม่หลับ ต้องตามไปถึงเจ้าตัวอีก
มารเอาเหยื่อมาล่อ ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ล่อแล้วทำให้ใจฟุ้งซ่านวัตถุประสงค์ในการที่จะรักษาศีลภรต ต้องการที่จะกำจัดกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ เมื่อจะให้สิ้นซากไป ก็ต้องกำจัดเหยื่อที่มาล่อนั่นด้วย
เพราะฉะนั้น ถ้าใครตั้งใจรักษาศีลแปด ว่าก็รักษาศีลข้อสาม มาได้ดีแล้วนี่ ข้อที่ หก เจ็ด แปด ไม่ต้องรักษาได้ไหม ขอตอบว่าไม่ได้ เพราะถ้าไม่รักษาข้อที่ หก เจ็ด แปด ให้ดีเดี๋ยวจะติดเหยื่อ ถ้าใครพลาดท่าเหยื่อทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เมื่อไหร่ ที่เหลืออีกกี่ข้อนั้นก็รักษาไม่อยู่หรอก โยนศีลทิ้งกันหมด อย่าว่าแต่ศีลแปดเลย ศีลห้าทำท่าจะไม่อยู่เอาซะอีกนะ
เพราะฉะนั้น รักษาศีล ประพฤติพรหมจรรย์ หรือรักษาศีลภรต ตั้งแต่ศีลแปดไป ห้ามยกเว้นเด็ดขาด ห้ามต่อรอง ถ้ารักษาศีลห้า ก็ต้องเป็นห้า ศีลแปดก็ เป็นแปด ถ้าต่อรองเดี๋ยวติดเหยื่อ ตั้งใจจะให้หลุดออกจากเหยื่อ แล้วจะได้ปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อ ไม่เหลือเศษ ได้โดยง่ายไปทุกภพทุกชาติ แล้วฝากพวกเราทุกคนเอาไว้ด้วยว่า บางยุคบางสมัย ถ้าคนกิเลสไม่มากเกินไป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคนั้นๆ พระองค์ทรงสอนแค่ศีลแปด เท่านั้น พระในยุคนั้นๆ รักษาศีลแปด ก็ไปเป็นพระอรหันต์ได้แล้ว พวกเราตอนนี้กิเลสมันหนาไปหน่อย พระก็ต้อง 227 เพราะฉะนั้น โยมศีลแปด บ้างก็ดีแล้วนะ
โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา