ทำแต่เฉพาะทานรักษาศีลพอหรือไม่ จำเป็นต้องทำสมาธิด้วยหรือไม่

คำถาม:
ลูกเคยชวนเพื่อนมานั่งสมาธิ เขาบอกว่า คนทางโลกอย่างเขา ทำทาน รักษาศีล ก็พอแล้ว ทำไมต้องมานั่งสมาธิด้วย จะอธิบายให้เขาเข้าใจได้อย่างไรเจ้าคะ

คำตอบ:
ก็ต้องดูว่า โดยสภาพใจของเขาแล้ว เขาอยู่ตรงไหน ในการตอบให้คนเห็นความสำคัญของสมาธิ ดูอย่างนี้ก่อน ดูว่าธรรมดาแล้ว เขาเองสนใจคำสอนของพระพุทธศาสนามากน้อยแค่ไหน คือคนบางพวก เขาไม่ค่อยสนใจคำสอนในพระพุทธศาสนามากนักหรอก แต่ก็ตักบาตร ให้ทาน รักษาศีล ตามประเพณีไป นี่พวกหนึ่ง
            พวกที่สอง ทั้งตั้งใจให้ทาน รักษาศีล แล้วก็ศึกษาธรรมะด้วย ศึกษาว่าทำอย่างไร ศีลจึงจะดี มีกฎเกณฑ์อย่างไร ทำอย่างไรทำทานจึงจะได้บุญมาก แต่ว่ามองไม่เห็นคุณค่าของสมาธิ จริงๆแล้วที่ศึกษา เพราะมีครูบาอาจารย์บางท่าน เป็นพระด้วยซ้ำ ท่านมักจะพูดว่า ถึงท่านไม่ฝึกสมาธิ ท่านก็มีสมาธิ ท่านดีอยู่แล้ว จะต้องฝึกไปทำไม อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน
            อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มที่ให้ทาน รักษาศีล ตามประเพณี ก็ทำตามกันสืบๆ กันมา ในกรณีนี้ต้องชี้แนะให้เขาดูว่า ทานที่เขาทำนั้น ถ้าจะให้ได้บุญมากขึ้น  ก่อนทำทาน ให้นั่งสมาธิก่อน ใจจะได้ใสใส แล้วจะได้บุญที่มีคุณภาพมากกว่าทำทานอย่างเดียว หรือ เขาก็รักษาศีลของเขาดี ทำนองเดียวกัน รักษาศีลดีแล้วก็นั่งสมาธิอีกหน่อย ใจก็จะได้ใสใส สมาธิก็จะได้มั่นคงยิ่งขึ้น พวกนี้คงอธิบายให้เขาได้ ในระดับนี้
            หลังจากที่เขานั่งสมาธิไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ก็อธิบายให้เขาฟังเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ ตามจะเห็นสมควร เอาประสบการณ์ที่เรามีในการนั่งสมาธิเป็นแรมปีนั้น ค่อยๆอธิบายให้เขาฟัง เขาก็จะเข้าใจได้ง่ายเอง
            ส่วนในกรณีของพวกที่ตั้งใจศึกษาธรรมะนั้น เรื่องทาน ศีล ก็ตั้งใจศึกษาค้นคว้า ตำราก็ชอบอ่าน แต่เขาไม่ชอบนั่งสมาธิ เพราะเขาเห็นว่า ไม่สำคัญ นั่นเอง
            สำหรับพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของสมาธินั้น ถ้าพวกนี้ไม่ถึงกับต่อต้าน ก็พอที่จะอธิบายได้ในระดับหนึ่ง เช่น คนเราถึงแม้จะให้ทานเพื่อกำจัดความตระหนี่ ไปได้แล้วก็ดี ตั้งใจรักษาศีล ก็ทำให้เราตั้งใจควบคุมกริยามารยาท ควบคุมความวิกฤต ทางกาย วาจา ใจ ได้ ก็ดี แต่ใจยังใสไม่พอ ยกตัวอย่างง่ายๆ ขณะนี้คุณตั้งใจให้ทาน รักษาศีลเป็นประจำ แต่หลายๆครั้งก็มีเรื่อง กระทบกระทั่ง ทำให้ขุ่นใจ ทำให้นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน ทำให้บางครั้งมีการกระทบกระทั่ง แตกหักกับพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ไม่คิดจะแก้ไขสิ่งเหล่านี้บ้างหรือ
            วิธีแก้ไขง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ก็มาฝึกสมาธินั่นเอง ถือว่าการฝึกสมาธิ เป็นเรื่องของการฝึกหักห้ามใจ ลักษณะนี้ถือว่า ให้สติเขา ให้มาฝึกสมาธิ สำหรับว่าใช้เป็นเครื่องหักห้ามใจ
            อีกพวกหนึ่ง ได้ชวนเขามาฝึกสมาธิ ในลักษณะไหน คือถ้าเขาเป็นนักทำงาน แล้วเขาก็ไม่ได้มีเรื่องกระทบกระทั่งกับใคร แต่นักทำงาน พอถึงจุดหนึ่งมันจะล้า แล้ววิธีที่จะให้ใจหายล้าง่ายๆ ไม่มีอะไรเกินสมาธิ ในฐานะที่จะทำให้เขาหายเหนื่อยล้าหรือเบื่อหน่าย เป็นเรื่องของกำลังใจ เป็นการฟื้นฟู ฟอกใจ ให้กำลังใจตัวเองขึ้นมา พูดง่ายๆก็คือ หาอานิสงค์ของการฝึกสมาธิในแง่มุมต่างๆ มาอธิบายให้เขาฟังให้เหมาะกับ จริต อัธยาศัยของเขาให้ได้ เมื่อไปพบที่พอเหมาะกันตรงไหนก็ใช้ตรงนั้นเลย แล้วจะสามารถชวนให้เขาเข้าวัดปฏิบัติธรรม นั่งภาวนาร่วมกันไปได้ไม่ยาก
            และในวาระที่จะชวนคนได้ง่ายๆนั้น ก็มักจะเป็นช่วงที่
            1. ตอนป่วย
            2. ตอนมีทุกข์  ทุกข์จากครอบครัว ที่ทำงาน ฯลฯ  มักต้องการหาที่พึ่ง ตอนป่วยก็ทุกข์กาย ต้องการหาที่พึ่ง ไม่ว่าทุกข์กายทุกข์ใจ ต้องการหาที่พึ่ง จังหวะนั้นจะชวนเขาทำสมาธิ ก็ไม่พลาดสักรายเลย

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *