คำถาม :
ถ้ามีญาติหรือมีเพื่อนมาขอยืมเงินเราควรจะวางตัวอย่างไรดี เพราะถ้าไม่มีให้ก็จะเสียน้ำใจ ถ้าให้บ่อยๆ เราก็เดือดร้อน วันนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อของเราจะมาตอบคำถามนี้ให้เรารับทราบกันค่ะ
คำตอบ:
การที่ใครจะมีเพื่อน มีญาติ สิ่งที่ต้องจำไว้ก็คือเราต้องเป็นที่พึ่งให้แก่เขาได้เมื่อถึงคราวจำเป็น ถ้าถึงคราวจำเป็น ใครพึ่งก็ไม่ได้ แล้วใครเขาจะอยากมาเป็นเพื่อน เป็นญาติกับเรา นี่ประการหนึ่ง
อีกประการหนึ่ง เราก็ต้องรู้ไว้ว่าแม้คราวตัวเองก็เหมือนกัน บางครั้งอาจตกเข้าที่คับขัน สิ่งที่เราเตรียมไว้ มีไว้อย่างมหาศาล บางทีก็ถึงคราวขาดแคลนได้ เข้าทำนองถึงเวลาราชสีห์ก็ต้องพึ่งหนูเหมือนกัน ตรงนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกันเอาไว้
เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวญาติ หรือเพื่อน ขอความช่วยเหลือ วิสัยของคนดี คนที่หวังความก้าวหน้าจะต้องเตรียมพร้อมตรงนี้เอาไว้ตลอดเวลา ว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหายบ่ายหน้ามาแล้ว มาขอความช่วยเหลือแล้ว ต้องไม่ยอมให้กลับมือเปล่า จำคำนี้ไว้ก่อน ส่วนว่าจะช่วยกันได้มากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่างไม่ได้จริงๆ ก็ต้องมีค่ารถกลับบ้านได้ ไม่อย่างนั้นมาแล้ว เสียเวลาแล้ว หวังจะได้รับความช่วยเหลือบ้าง กลับไม่ได้อะไรเลย มันก็กระไรอยู่
อย่างไรก็ตาม การที่จะให้ความช่วยเหลือใคร มากน้อยแค่ไหน อย่างไร มีหลักพิจารณาอย่างนี้
๑. ดูความพร้อม ความรู้ ความสามารถ ดูกำลังของเราว่ามีกำลังจะให้เขาพึ่งได้เท่าไหร่ ตรงนี้ดูก่อน จะช่วยใครก็ได้ แต่ว่าอย่าให้เกินกำลังตัว อันนี้ต้องถือเป็นหลักเอาไว้ให้ดี
คราวนี้ ก็มาดูถึงบุคคลที่มาขอความช่วยเหลือเรา ไม่ว่าญาติหรือเพื่อน ดูอย่างไร ข้อแรก ก็คือดูความจำเป็นของเขาว่ามากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มีความจำเป็นอะไรนัก มาเผื่อได้เท่านั้นเอง อย่างนี้ กินข้าว เลี้ยงข้าวสักมื้อหนึ่ง แล้วก็ให้ค่ารถกลับบ้านก็พอแล้ว
แต่ถ้าหากมีความจำเป็น เช่นตัวเขาเองป่วย หรือพ่อแม่ตาย ลูกหลานเกิดอุบัติเหตุฯลฯ มันเป็นเรื่องเหลือวิสัย ตรงนี้ต้องช่วยกัน ไม่มากก็น้อย ต้องช่วยกันให้เต็มที่ เต็มตามกำลังของเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาผู้นั้นเคยมีความสำคัญอันดีกับเราในอดีต เช่น เราเองก็เคยเป็นหนี้พระคุณเขามา ถึงคราวเราเดือดร้อน เขาก็ช่วยเหลือเราเต็มกำลังมาก่อน ถ้าในกรณีนี้ ถึงคราวเขาเดือดร้อนบ้างแล้ว เราก็ต้องช่วยให้เต็มที่ ในกรณีเช่นว่าพ่อแม่เขาป่วยหนัก ตัวเขาเองถูกกลั่นแกล้ง ถูกโกง ถูกคดีความ ต้องมีค่าประกันตัว ไม่เช่นนั้นเขาจะติดคุกติดตาราง ขึ้นโรงขึ้นศาลไม่หวาดไม่ไหว อะไรทำนองนี้ นึกถึงความจำเป็นและนึกถึงความสัมพันธ์อันดีในอดีตซึ่งมีต่อกันแล้ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนชาวพุทธเอาไว้ว่า เพื่อนที่ดี ในวาระอย่างนี้ ต้องหาทางช่วยกันให้เต็มที่ อย่าว่าแต่เขาขอร้อง ขอยืมมาเท่าไหร่แล้วให้เท่านั้น เนื่องจากเขาเป็นคนดี เกรงใจผู้อื่น เพราะฉะนั้นที่เขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือนั้น มันคงเต็มที่แล้ว พระองค์จึงทรงสอนเอาไว้ว่ากรณีเช่นนี้ให้เป็น ให้เป็น ๒ เท่าที่เขาขอเลย เพราะเขาเป็นคนดี เคยมีพระคุณกับเรามาก่อน แล้วก็ครั้งนี้เขาจำเป็นจริงๆ แต่ว่าในเชิงปฏิบัติ ถ้าเราเป็นประเภทเราเองก็ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวให้ห่วง ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ใช้คำว่าลูกผู้ชายใจนักเลง เทกันหมดกระเป๋าช่วยกันเลย ตรงนี้คือวิสัยที่ควรทำ
แต่ว่าถ้าเป็นกรณีทั่วๆ ไปแล้ว เขากับเราก็เพียงรู้จัก แล้วก็นิสัยใจคอก็เพียงแค่พื้นๆ ยังไม่ชัดเจนนักก็พิจารณาดูว่าจมอบายมุขไหม ถ้าจมอบายมุข อย่างนี้ถ้าให้ไปแล้วนอกจากไม่เกิดประโยชน์ ยังกลายเป็นส่งเสริมให้คนทำความชั่วด้วย ในกรณีอย่างนี้ไม่ควรให้ เช่นติดเหล้า เล่นการพนัน ฯลฯ ถ้าเขาจะโกรธก็โกรธไป เพราะถ้าให้ไป เขาก็จะไม่มีโอกาสได้แก้ไขนิสัยของเขาเลย
แต่ถ้าเขาเป็นคนตั้งใจทำมาหากิน นิสัยใจคอก็ ดูก็ไม่มีข้อเสียอะไร ถ้าอย่างนี้ก็ให้ไปตามสมควร ถ้าไม่มากนัก ในกรณีอย่างนี้ ก็ต้องทำใจ คือถ้าให้ไปแล้วไม่คืน หรือคืนแต่ไม่ตรงเวลา แล้วจะเกิดความเสียหายแก่เรา ถ้าอย่างนี้ คงต้องคิดมากสักหน่อย เอาไปสักแค่ครึ่งหนึ่งก็พอ นี่ยกตัวอย่าง ที่เหลือก็ให้เขาไปหาจากพรรคพวกคนอื่นบ้าง เพราะถ้าเขาไม่เอามาคืนตรงเวลา เดี๋ยวเราจะเดือดร้อน อันนี้ก็ช่วยกันไป เพราะว่ายังไม่มีประวัติในทางเสียหาย ช่วยเท่าที่ไม่เกินกำลังเรา
เมื่อให้ไปแล้ว วันหลังเขาเอามาคืนตามที่สัญญาเอาไว้ ในกรณีเช่นนี้ ก็ถือว่าประวัติใช้ได้ ก็เข้าทำนองที่ว่า หากวันหลังเดือดร้อนมาใหม่อีก ก็ให้อีก เพราะประวัติดี พอให้กันได้
แต่ถ้าประเภทไหนที่ให้ไปแล้ว ไม่เคยให้คืนกลับเราเลย ถ้ามาอีก ก็คงให้ไม่ได้ เข้าทำนองที่ว่า ไม่ให้ก็ไม่ให้ คือให้คุณไปแล้ว แล้วคุณไม่ให้คืนกลับ มาขอใหม่อีก ก็เลยไม่ให้
ประการที่ ๓. ในกรณีที่เขาก็เป็นคนดี นิสัยใจคอก็ดี แต่ว่าตอนนี้เขาเคราะห์หามยามร้าย กลายเป็นคนพิการไปแล้ว อาจจะรถเฉี่ยวรถชน หรือจะอะไรก็ตามที รู้เลยว่าให้ไปแล้วไม่ได้คืน เพราะวันนี้เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้เสียแล้ว ในกรณีนี้ทำใจเสียต้องให้ในระดับที่เราไม่เดือดร้อน ให้ได้เท่าไหร่ให้ไป เพราะเขาเป็นคนดี แต่เพียงว่าเขาโชคร้าย เขาไม่ใช่คนเลว อย่างนี้ต้องให้กัน ถึงจะไม่มีปัญญามาใช้คืน ก็ไม่ว่ากัน คิดเสียว่าถ้าถึงคราวเราเคราะห์หามยามร้าย ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ รถคว่ำ จนพิการ อุบัติเหตุ จนกระทั่งตาบอดหูหนวกไปเสียแล้ว ทำมาหากินก็ขาดแคลนเต็มที ขาดบ้าง ไม่ขาดบ้าง อย่างนี้เราก็ไม่รู้จะเจอภาวะอย่างนี้เมื่อไหร่
เพราะฉะนั้น ช่วยใครได้ก็ช่วยไป คือให้ไปแล้ว เขาจะคืนได้หรือไม่ เมื่อมาใหม่ก็ต้องให้ไปอีก นึกว่าสงสารลูกนกลูกกา เผื่อว่าถ้าคราวเราต้องเคราะห์หามยามร้ายอย่างนี้ ก็คงจะมีใครเมตตาเราบ้าง เพราะบุญที่เราทำไว้กับเพื่อนคนนี้ หรือญาติคนนี้
ถ้าจะให้ดี สร้างบุญไว้ตั้งแต่วันนี้เยอะๆ ถึงเวลาสมบัติมันจะเกิดกับเรา มันได้เกิดเยอะๆ ใครเดือดร้อนมา เราก็จะได้ช่วยเขาได้ทีเยอะๆ กลายเป็นไม้ใหญ่ให้นกให้กาได้อาศัยได้เยอะๆ ได้มากๆ มันก็ดีเหมือนกัน
โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา