ทำไมคนโบราณถึงบอกว่า คนที่มีความกตัญญูกตเวที ชีวิตของเขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

คำถาม:
กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ  ลูกขอเรียนถามท่าน คนโบราณบอกไว้ว่าคนที่มีความกตัญญูกตเวที  ชีวิตของเขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง  ลูกอยากทราบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคะ 

คำตอบ:
เจริญพร คนที่มีความกตัญญูกตเวทีก็คือคนที่รู้คุณ แล้วก็รักที่จะประกาศคุณ  ซึ่งเคยได้รับมาจากผู้อื่น  พูดอีกทีหนึ่ง  คนที่มีความกตัญญูกตเวที  เขาเป็นคนโชคดีตั้งแต่เริ่มต้น  โชคดีตรงไหน  โชคดีตรงที่เขาเกิดมา  เขาก็ได้เจอคนดี คนมีน้ำใจ  เพราะเขาเคยได้รับน้ำใจมาจากคนดี 
        บางคนตลอดชีวิตไม่เคยมีใครหยิบยื่นพระคุณมาให้กับเขาเลย  ไม่ว่าเขาจะตกทุกข์ได้ยากอย่างไร  ไม่เคยมีใครหยิบยื่นมาโอบอุ้ม มาช่วยเหลือ มาหอบหิ้วเขาเลย  เมื่อเป็นเช่นนั้น  เขามีความรู้สึกอย่างไร?  เขาจะรู้สึกว่าโลกทั้งโลกมีแต่ความแห้งแล้ง  มีแต่คนใจแคบ  มีแต่ตัวใครตัวมัน  แต่ว่าเขาเป็นคนโชคดี เขาได้เจอคนดี ที่พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้  แล้วเขาก็ได้รับด้วยตัวของเขาเอง 
        ถ้าคนๆ นี้เขาได้คิดอย่างที่ว่านี้  เพราะว่าเขาได้รับความมีน้ำใจมาแล้ว  เมื่อเขาได้รับความมีน้ำใจมาแล้ว  เขาก็รู้คุณค่าของความมีน้ำใจนั้นด้วย  นั่นแหละเขาเรียกว่าคนมีความกตัญญู  คือคนรู้คุณ  ที่เขาเคยทำให้กับตัวเอง
        แต่ถ้าคนไหน ทั้งๆ ที่เขายื่นมือมาช่วยเหลือ  ทำให้ตัวพ้นทุกข์พ้นยาก  แล้วก็ยังนึกถึงคุณเขาไม่ออก  ฟ้องว่าอะไร?  ฟ้องว่าคนนี้ใจบอดเสียแล้ว  ตาของเขาอาจจะยังดีอยู่  แต่ใจของเขามันบอด  บอดตรงที่มองความดีของคนอื่นไม่เห็น  ทั้งๆ ที่ความดีนั้นได้ถูกหยิบยื่นมาให้ตัวเขาเอง  คนประเภทนี้อันตราย  ทำไม? 
        ๑.  เพราะเขาจะมองคนทั้งหลายที่ไม่เคยหยิบยื่นความสุข  ความสะดวกสบายให้เขามาเลย  เหมือนคนไม่รู้จัก หรือบางทีอาจเห็นเป็นศัตรูไปเลย
        ๒.  แม้แต่คนที่หยิบยื่นให้ความช่วยเหลือเขามาแล้ว เขาก็ยังมองไม่เห็นความดีอีก  เมื่อเป็นเช่นนี้  โลกทั้งโลกได้กลายเป็นโลกมืดสำหรับเขาเสียแล้ว  คนประเภทนี้จึงไม่มีความสุขตลอดชีวิต  นี่คือสภาพจิตใจของคนเรา ที่มันแตกต่างกันระหว่างคนมีความกตัญญู กับคนไม่มีความกตัญญู 
        ๓. บางคนมีความกตัญญู  รู้ว่าเขามีคุณกับเรา  แต่ว่าแค่นี้ยังไม่พอ  มันต้องยิ่งกว่านั้น  เช่น สุนัขบางตัวที่เราเลี้ยงให้อาหาร  ถึงเวลามันยังรู้คุณเรา  เพราะฉะนั้นถ้าคนไหน  ใครเขาทำความดีให้แล้วไม่รู้คุณ   คนไทยหรือว่าคนโบราณจึงมีคำพูดหนักๆ กับคนไม่รู้คุณคน  เขาเปรียบเทียบเอาไว้มาก  ในขณะที่สุนัขบางตัวอีกเหมือนกัน นอกจากรู้คุณเจ้าของแล้ว   มันยังช่วยเฝ้าบ้านได้ด้วย  นั่นก็เป็นวิธีตอบแทนคุณอย่างหนึ่งของสุนัข  มันทำได้แค่นั้น
        คนเรานั้น เมื่อรู้คุณแล้วไม่คิดตอบแทนคุณ  ตรงนี้มันไม่ใช่แล้ว  เขาก็มีจิตใจดีงาม  ดีงามขนาดไหน?  ขนาดรู้คุณนั่นก็คือขนาดชั้นอนุบาล  เมื่อรู้คุณแล้ว  แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่คิดตอบแทนคุณ  แค่คิดตอบแทนคุณเท่านั้น เพราะเขามีพระคุณต่อเรา  เมื่อมีโอกาสเราต้องตอบแทนคุณเขา นี่คือธรรมะประจำใจหรือจิตใจของเขา   ระดับธรรมะในจิตใจของเขาก็ยกขึ้นสู่ชั้นประถมได้แล้ว  เมื่อไหร่ลงมือประกาศคุณของผู้ที่มีพระคุณแก่เรา ให้ชาวโลกรู้ ประกาศคุณก่อน  ว่าท่านผู้นั้นหรือท่านผู้นี้ เคยมีพระคุณกับเราอย่างนั้นอย่างนี้  จิตใจหรือธรรมะประจำใจของคนๆ นี้ จะยกระดับอีกขั้นขึ้นสู่ระดับชั้นมัธยมเลย 
        ถ้าจะให้ดีเยี่ยม  ระดับอุดมศึกษาเลย เป็นอย่างไร? ลงมือตอบแทนพระคุณท่านให้สมกับที่ท่านเคยมีพระคุณต่อเรา  คนที่มีจิตใจระดับนี้ฟ้องว่าอย่างไร?  ฟ้องว่าในใจของเขาไม่เคยคิดเรื่องร้าย   คิดแต่เรื่องดี  มองโลกในแง่ดี ตรงตามความเป็นจริง โลกนี้สวยงาม   มองคนก็มองในแง่ดี  โลกนี้ยังมีคนดีอยู่  แล้วเราเองก็จะต้องเป็นคนดีอีกคนหนึ่งในโลกนี้ให้ได้   แล้วเมื่อความคิดอย่างนี้เกิดขึ้น การทุ่มเทค้นหาศักยภาพในตัวเองไปทำความดีมันก็เกิด  เมื่อคนเราค้นหาศักยภาพในตัวเองให้ทำแต่เรื่องดีๆ  คนๆนั้นจะไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน  หรืออิจฉาตาร้อนใคร มีแต่เวลาสำหรับคิดดี พูดดี ทำดี แล้วก็จะต้องได้อย่างเดียว  คือได้ดี ได้ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
        เพราะฉะนั้นบรรพบุรุษของเราพูดถูก  ว่าคนมีความกตัญญูกตเวทีแล้วจะต้องรุ่งเรือง  เรามีปู่ย่าตายายดีๆ ฉลาดๆ อย่างนี้  ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะเชื่อท่าน  แล้วก็ทำตามท่านให้ดีที่สุด  แล้วบ้านเมืองไทยจะเจริญ

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *