คำถาม:
ขอกราบเรียน ขอคำแนะนำจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ นักเรียนที่เขาจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ มีทั้งสมหวังและไม่สมหวังจากการสอบ กล่าวคือ ไม่สมหวังที่สอบได้คณะวิชาสาขาซึ่งตัวเองไม่ต้องการเรียน แต่ด้วยคะแนนถูกบังคับ ทำให้เขาได้คณะวิชาที่เขาไม่ต้องการ แต่ก็ต้องฝืนใจเรียน อยากกราบขอคำแนะนำจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า เขาควรจะทำอย่างไรครับ
คำตอบ:
ในกรณีนี้ ในเมื่อตัวเองสอบได้อย่างไร ก็คงต้องเรียนอย่างนั้นไปก่อน แล้วก็มีข้อคิดตรงที่ว่า ไม่ว่าเราจะได้เข้าเรียนในคณะที่เราอยากจะได้หรือว่าไม่อยาก ไม่รักสักเท่าไหร่ก็ตามที ในการจัดหลักสูตรของหมู่คณะ ของทุกมหาวิทยาลัย แต่ละคณะจะต่างกันในบางวิชา แต่จะเหมือนกันในวิชาที่เป็นวิชาพื้นฐานส่วนกลาง ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว ก็อย่าไปเลือกอะไรให้มันมาก อย่าไปคิดมาก ในเมื่อวิชาที่เป็นส่วนกลาง วิชาพื้นฐานมันเหมือนกัน ตั้งใจเรียนวิชาพื้นฐานให้เต็มที่ ส่วนวิชาที่โดยเฉพาะนั้น…ถ้าไม่รักนัก พอผ่าน ก็ไม่ว่ากัน
และในขณะที่กำลังเรียนวิชาพื้นฐานอยู่นั้น หลวงพ่ออยากจะฝากเอาไว้ก็คือ นอกจากจะต้องทำความรู้ ทำความเข้าใจให้ได้ดีจริงๆแล้ว ในขณะที่เรียนอยู่นั้น ให้เอาชั่วโมงเรียน อุปกรณ์การเรียนต่างๆทั้งหลาย เป็นอุปกรณ์ในการฝึกนิสัยของเราไปด้วย
เพราะไม่ว่าเราจะอยู่สาขาใด ถ้านิสัยไม่ดีล่ะก็ ถึงจะจบสาขาวิชาที่เรารัก ก็เอาไปทำงานให้เกิดประโยชน์ไม่เต็มที่หรอก
ตรงกันข้าม แม้ว่าเราจะได้เรียนในสาขาที่เรารักหรือไม่รักก็ตามที แต่นิสัยของเราดี เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ต่อไปในภายภาคหน้า เมื่อเราจบการศึกษาของเราไปแล้ว ถึงคราวไปประกอบอาชีพแล้ว แม้สิ่งที่เราเรียนมาจะไม่ค่อยจะรักนัก ที่เราจบมาจะไม่ค่อยรักนัก แต่ก็ได้ความรู้พื้นฐานมาพอสมควร ก็พอจะประกอบอาชีพได้ในระดับหนึ่ง
แต่ว่านิสัยดีๆของเราที่มีอยู่นั่นแหละ ที่ได้อบรมมา ในระหว่างที่เรากำลังเรียนอยู่ มันจะมีคุณค่ามหาศาลต่อตัวเราเอง คือ จะทำให้เราอย่างน้อยที่สุดก็เป็นคนที่เอางานเอาการ แล้วก็สิ่งใดที่เป็นพื้นฐาน เหมาะควรแก่การดำรงชีวิต พื้นฐานนั้นๆ เราก็มีพร้อม ไม่ว่าจะไปเทียบกับใครก็ตาม เพราะว่ามันเป็นวิชาพื้นฐานเหมือนๆกัน
แต่ว่านิสัยดีๆของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยดีๆในเรื่องของการทำงานเป็นทีม หากเรามี และได้ฝึกมา ในช่วงที่เรากำลังเรียน กำลังศึกษานั้น ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นคุณค่ามหาศาลต่อความสำเร็จในชีวิตของตัวเราเอง
เพราะว่าอะไร…เพราะว่า ไม่ว่าเราจะเรียนจบทางด้านสาขาไหนก็ตาม เมื่อถึงคราวทำงานแล้ว ไม่เคยมีงานไหนๆหรอก ที่ใช้ความสามารถในวิชานั้นเพียงโดดๆ เพียงลำพังๆ
มันต้องใช้สาขาวิชาหลายๆสาขามาร่วมกัน มันต้องใช้ความสามารถของคนหลายๆคนมาช่วยกันทำ พูดง่ายๆ ยิ่งโลกของเราเปิดประตูสู่ความไร้พรมแดนมากเท่าไหร่ การทำงานเป็นทีม และทีมใหญ่ๆด้วย ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น
เพราะฉะนั้น จากความรู้พื้นฐานของเรา มีความรู้เฉพาะทางอาจจะไม่ได้อย่างใจ แต่เราก็เอาความสามารถที่มีอย่างนี้แหละ ด้านพื้นฐานบวกกับมนุษยสัมพันธ์ไปสร้างทีมใหญ่ขึ้นมา
เมื่อสร้างทีมใหญ่ขึ้นมาแล้ว ก็เอาความสามารถที่มีของเราไปให้กับหมู่คณะให้เต็มที่ เพราะสิ่งที่เราขาดไป ที่เราอยากได้แล้วเราขาด ก็ไปตามเอาคนอื่นที่เขามีความรู้มีความสามารถเหล่านั้น มาทำแทนเรา
มันก็สามารถที่จะทำให้งานลุล่วงไปด้วยดี ทีนี้ เมื่อมาเป็นอย่างนี้ คำตอบขั้นต้นก็คือ เราก็สามารถจะประกอบอาชีพของเราได้ เลี้ยงตัวเองเราได้โดยไม่ฝืดเคืองแต่ประการใด
ทีนี้ ถ้ายังอยากจะศึกษาหาความรู้ในด้านที่เรารักจริงๆอีก ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเรามีอาชีพแล้ว เราอยากจะย้อนไปศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่เรารักแล้วเรายังไม่ได้ในภายหลัง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะมีอาชีพแล้ว เราโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราจะเลือกเรียนเอาทีหลังก็ได้ อันนี้เป็นทางออกอย่างหนึ่ง
แต่ก็อยากจะฝากว่า วิชาการใดๆในโลกนั้น เรียนไปแล้วก็ มันก็วนๆเวียนๆอยู่แค่นั้นไม่ไปไหนหรอก ยังเกิดแก่เจ็บตายอยู่…ลูกเอ๊ย
มาเรียนในวิชาพระพุทธเจ้ากันไหม เรียนแล้วพ้นโลกได้ ไม่ต้องวุ่นๆวายๆ มาเรียนดูไหม ถ้าไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน มาเรียนกับหลวงพ่อก็ได้ มาบวชที่วัดกับหลวงพ่อนี่แหละ แล้วมาศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัน ซึ่งเป็นสุดยอดของศาสตร์ของศิลป์ทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ วิชชาของพระองค์เป็นวิชชาที่ทำให้พ้นโลก มาเรียนกันดีกว่านะ แล้วจะได้ไม่ต้องไปวุ่นวาย เลือกคณะอะไรอีกต่อไป
โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา