มิตรภาพที่เกิดจากการดื่มสุราเป็นน้ำสาบานนั้น จะมีความยั่งยืนอย่างไร

คำถาม:
หลวงพ่อครับ คนเรามักชอบดื่มสุรา ทั้งที่รู้ว่าสุราเป็นของไม่ดี โดยมักจะอ้างว่าสุราเป็นน้ำกระชับมิตร เป็นน้ำประสานใจ บางคนคบหากันแล้วนำสุรามาดื่ม เปรียบเสมือนน้ำสุรานั้นเป็นน้ำสาบาน มิตรภาพที่เกิดจากการดื่มสุราเป็นน้ำสาบานนั้น จะมีความยั่งยืนอย่างไรครับ

คำตอบ:
คุณโยม…ในเรื่องของการดื่มสุรานั้นเรื่องหนึ่ง เรื่องของการสร้างมิตรภาพกันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง สองเรื่องนี่ มันไม่ไปด้วยกันหรอก ก็ไม่รู้ปัญญามันหายไปไหน คนยุคนี้จึงเอาสองเรื่องนี้เข้ามาปนกัน
เรื่องของสุรามันเป็นเรื่องมีแต่เสียกับเสีย ตั้งแต่ เสียทรัพย์ก็รู้กัน เสียสติก็รู้กัน เสียมารยาท หรือ ตัดรอนปัญญาของตัวเองก็รู้กัน
แต่ว่ามันเกิดความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่องกันมานาน คือ กลายเป็นค่านิยมผิดๆในสังคมขึ้นมา แล้วก็เห็นว่า เหล้า สุรา กลายเป็นของดี ความจริง เหล้ามันทอนปัญญา มันปิดปัญญา แต่ว่ามันเปิดนรกให้เยอะเลยนะ
เพราะฉะนั้น คนที่ไปดื่มสุรา ดื่มเหล้าเข้าเมื่อไหร่ เขากำลังแสวงหานรกอยู่ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปแสวงหาเพื่อน น้ำมิตร หรือเพื่อนแท้กับเขาได้ ถ้าได้ก็คงจะได้เพื่อนขาดสติด้วยกัน เพื่อนไร้ปัญญาด้วยกัน เพื่อนประเภทนี้คบไว้ก็มีแต่จะชวนกันลงนรกเท่านั้น
ส่วนในกรณีที่จะผูกน้ำมิตรกันให้ได้ เป็นมิตรภาพกันให้ได้ดี มันเป็นเรื่องของความมีสติสัมปชัญญะ…มันเป็นอย่างไร…มิตรภาพจะยั่งยืน อยู่ที่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเมื่อไหร่ ไม่ว่าลูกรัก เมียรัก เพื่อนรัก อยู่ด้วยกันไม่ได้
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะมีมิตรภาพมีเพื่อนเยอะๆ เพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้องอะไรก็ตามที มาสร้างความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กันและกัน…นั่นแหละ…คุณจะได้เพื่อนแท้
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของมนุษย์นั้น จะเกิดมาได้อย่างไร…ก็ต้องบอกว่า เกิดมาได้ตรงที่ช่วยอุดความขาดแคลนของคนที่เราคบหาอยู่ อุดความขาดแคลนเหล่านั้นของเขาเสียให้หมด  แล้วเราจะรักกัน เราจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ตายก็ไม่พรากจากกัน
ความขาดแคลนของมนุษย์นี่มันมีอยู่ 4เรื่องด้วยกัน
1.ขาดแคลนในเรื่องทรัพย์
2.ขาดแคลนในเรื่องของกำลังใจ
3.ขาดแคลนในเรื่องของภูมิปัญญา ความรู้ความสามารถ
4.ยิ่งทำงานใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งขาดแคลน ความปลอดภัย
เมื่อไหร่เราช่วยอุดช่องว่างรอยโหว่หรือความขาดแคลนทั้ง 4อย่างนี้ ให้กับผู้ที่เราคบค้าสมาคมได้เต็มที่ เมื่อนั้นเราจะได้เพื่อนแท้
แต่บอกก่อนว่า เหนื่อยใจขาดเลย กว่าเราจะทำทั้ง 4อย่างนี้ได้ คือธรรมชาติของคนเรานั้น สมบัติมันมักจะขาดมืออยู่เรื่อยไป เพราะทำทานข้ามภพข้ามชาติมาน้อย เพราะฉะนั้น สมบัติจึงมักจะขาดมือ แต่ว่าความจริงใจของเรา…สมบัติขาดมือก็พอหยิบพอยืมกันได้…อย่างนี้ก็อุ่นใจกันมาได้ระดับหนึ่ง
อีกประการหนึ่ง เวลาเราทำงาน เราจะพบว่า หลายๆครั้ง กำลังใจมันไม่พอ เมื่อเจออุปสรรค สิ่งที่รอนน้ำใจคนอย่างมาก คืออะไร…คำพูด ดูถูกกัน คำพูดเหยียบย่ำกัน ตรงกันข้ามสิ่งที่ให้กำลังใจคนได้มาก คืออะไร…คำพูดอีกเหมือนกัน พุทธองค์ได้ตรัสไว้…ปิยวาจานะลูกนะ ถ้ารักจะกระชับมิตรไว้ให้ดี คำพูดที่ประสานน้ำใจ คำพูดที่ให้กำลังใจกันเป็นปิยวาจา นั่นแหละ สิ่งที่จะกระชับมิตรตัวจริง
ยิ่งกว่านั้น เวลาทำงานมากเท่าไหร่ ที่เกิดอีก คือ ปัญญากับงานมันตามกันไม่ค่อยทัน เราทำงานมากเท่าไหร่ ความรู้ ความสามารถมันก็ชักจะหย่อนลงไปเท่านั้น…แล้วจะทำอย่างไร…ใครมาช่วยเติมตรงนี้ให้เราได้…ขอเทคโนโลยีของคุณบ้าง…ขอปัญญาของคุณบ้าง เดี๋ยวเราก็เอาไปแก้ปัญหาได้ ใครทำอะไรให้ตรงนี้แก่เราได้…รักกันจนวันตาย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า อรรถจริยา ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่กัน คือให้ปัญญากันให้ได้
ประการสุดท้าย หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือ ยิ่งทำงานระดับชาติ ระดับโลก ใหญ่ขึ้นไปเท่าไหร่ความปลอดภัยยิ่งไม่ค่อยจะได้เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ลูกเอ๊ย…ความปลอดภัยจากสภาพสังคมบ้าง ความปลอดภัยจากศัตรูที่แอบอยู่ข้างหลังบ้าง ใครสามารถให้ความปลอดภัยกับเราตรงนี้ได้ คนนั้นน่ารักที่สุด
ทั้ง 4ประการนี้
1.มีอะไรก็ปันกันกิน ปันกันใช้
2.พูดอะไรอย่ารานน้ำใจกัน มีแต่จะให้กำลังใจ ให้คำแนะนำกัน
3.ไม่หวงความรู้ ไม่หวงปัญญากัน
4.เสมอต้นเสมอปลาย
4ประการนี้ ท่านเรียกว่า ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ภาษาพระใช้คำว่า สังคหะ หรือ การสงเคราะห์กัน 4ประการ นี้มีอยู่ในตัวใคร คนนั้นจะได้เพื่อนแท้ และถ้าเรามีมากเท่าไหร่ ใน 4ประการนี้ เพื่อนแท้จะไหลมาหาเราเป็นสายทีเดียว จำไว้ก็แล้วกัน
 

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *