จีวรของพระสงฆ์จะต้องเป็นสีเหลืองหรือสีกรักเสมอไปหรือไม่

คำถาม:
กราบนมัสการ…หลวงพ่อค่ะ ลูกอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า จีวรของพระสงฆ์จะต้องเป็นสีเหลืองหรือสีกรักเสมอไปหรือไม่เจ้าคะ  เพราะว่ามีฝรั่งเคยถามลูกว่า ทำไมพระถึงต้องห่มตัวสีเหลืองเจ้าค่ะ

คำตอบ:
คุณหนู…สำหรับจีวรของพระ ถ้าว่าไปแล้ว ตั้งแต่สมัยพุทธกาล สีจีวรโดยทั่วไปแล้ว จะไม่ค่อยสม่ำเสมอ สาเหตุก็เพราะว่า ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมา ในการย้อมสีจีวรนั้น ท่านใช้พวกแก่นไม้มาย้อม ใช้ยางไม้มาย้อม ยางไม้ในที่นี้อาจจะเป็นยางผลไม้ก็ได้ เมื่อใช้ยางไม้ ยางจากผลไม้ จากแก่นไม้เหล่านี้มาย้อม สีมันจึงไม่สม่ำเสมอ อย่าว่าแต่เป็นแก่นไม้ต่างประเภทกัน สีมันจะเข้มมันจะจาง แม้แต่แก่นไม้ชนิดเดียวกันนี่แหละ

สมมุติแล้วกันนะ…ตั้งแต่เด็กๆ สมัยประถม มัธยม อยู่ต่างจังหวัด อาตมาเคยไปช่วยรุ่นน้า รุ่นอา เขาย้อมจีวรกัน สมัยโน้นเขาใช้พวกแก่นขนุน พวกแก่นขนุนสีมันจะออกเข้มๆ แต่ว่าสีบางต้นบางพันธุ์ แม้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน สีมันเข้มจัดจนกระทั่งคล้ำ ในขณะที่ขนุนบางต้นบางพันธุ์ สีมันออกเหลืองๆ คล้ายๆดอกจำปา
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ท่านจึงใช้คำว่า ย้อมฝาด คือ ย้อมแล้วทำให้เป็นการรักษาคุณภาพของผ้าด้วยว่า เมื่อย้อมแล้วมันทำให้ผ้านั้นไม่เปื่อยง่าย มันมียางไม้บางประเภทมีคุณสมบัติเป็นยา คือทำให้เชื้อราไม่เจริญง่าย หรือยางไม้บางประเภท แม้ได้เป็นยา แต่ว่าสีมันเข้ม จึงทำให้ดูแล้วไม่เปื้อน หรือเปื้อนนิดๆ หน่อยๆ เพราะมันจะเข้ามาในเนื้อของมัน

ยางไม้บางประเภทเมื่อย้อมแล้ว ทำให้ผ้านั้นไม่เก็บความชื้น วัตถุประสงค์ในการย้อมผ้าอยู่ตรงนั้น
 
เพราะฉะนั้นสบงจีวรของพระตั้งแต่สมัยพุทธกาล สีอาจจะแตกจะต่างกันไปบ้าง ท่านก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์จนเกินไป

แต่อย่างไรก็ตาม สีจีวรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากด้วยอำนาจบุญบารมีที่พระองค์สั่งสมมา สีจีวรของพระองค์ สีเหมือนอะไร…สีเหมือนอย่างกับเปลวเพลิง คือ เหลืองๆ ส้มๆ อาจจะอมแดงนิดๆ หน่อยๆ อะไรก็ตามที

แต่ว่าสีประเภทเหมือนเปลวเพลิงอย่างนั้น เปลวเพลิง เปลวถ่านอย่างนั้น ใครเห็นก็จับตาจับใจ แต่ว่า มันก็ไม่ได้สดใสเหมือนสีแดงสีชมพู หรืออะไรทำนองนั้น จับตาจับใจ แต่ว่าไม่ยั่วยุกามให้กำเริบ แต่ทำให้ผู้เห็นเกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้น เพราะว่า ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่เป็นเครื่องตกแต่ง เรามองกันตรงนี้

พระอรหันต์บางรูปสีจีวรของท่าน สีเหมือนอย่างกับสีอะไร…สีโครุ่น เราไปดูก็แล้วกัน วัวไทยในท้องทุ่งนั่นเอง จะออกสีน้ำตาลเข้ม หรือบางตัวก็ประเภทค่อนข้างจะน้ำตาลอ่อน หรืออะไรก็ตามที สรุปว่า สีจีวรในผืนหนึ่งนั้น

1.อย่ากระดำกระด่าง ถ้ากระดำกระด่าง…คงไม่งาม
2.เวลาพระนุ่งห่มกัน ใช้จีวรกัน
สบงที่นุ่ง
จีวรที่ห่ม
สังฆาฏิที่พาดไหล่
สามผืนที่เราใช้นุ่งห่ม ควรจะต้องเป็นสีเดียวกัน มิฉะนั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นหลวงพ่อสามสีไป สบงที่นุ่งก็สีหนึ่ง จีวรก็แถมอีกสีหนึ่ง สังฆาฏิก็อีกสีหนึ่ง กลายเป็นหลวงพ่อ, หลวงพี่ สามสี อย่างนี้คงไม่งาม แต่ว่าถ้าเป็นสีเดียวกัน และเป็นสีย้อมฝาด ก็อนุโลมกันไป นี่ตั้งแต่โบราณก็จะเป็นกันมาอย่างนี้

บัดนี้ เราไม่ค่อยได้ใช้สีประเภทที่มาจากแก่นไม้กันแล้ว ทำไมล่ะ…ถ้าบวชทีก็ไปเอาแก่นไม้มาที สงสัยพระบวชมากเท่าไหร่ ป่าคงหมดเร็วเท่านั้น ไปเอาแก่นไม้มาย้อม เราจึงต้องใช้สีที่เขาผลิตขึ้นมา สังเคราะห์ขึ้นมาแทน เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็อนุโลมกันพอสมควรว่า ให้มันใกล้กับสีของพวกยางไม้ก็แล้วกัน แก่นไม้ก็แล้วกัน ที่โบราณมีอยู่ ก็ตามประเพณีนิยมในพื้นบ้านนั้นๆ
 
คำว่า พื้นบ้านนั้นๆ หมายถึงอะไร…พระที่บวชอยู่ในประเทศศรีลังกา ถ้าเราสังเกตเห็น จะสีเข้มๆ ค่อนข้างออกแดง แต่ก็อมออกมาคล้ายๆสีเลือดหมู ก็คงแสดงว่า ในประเทศของท่าน ในศรีลังกา คงจะมีแก่นไม้ประเภทนี้ สีนี้มากในสมัยโบราณ แล้วในปัจจุบันนี้จึงถือเป็นสีนิยมกันไป ก็เป็นได้

พระที่มาจากประเทศพม่า ท่านก็มีสีของท่าน ไม่ค่อยเหมือนกับพระไทยหรอก แต่ก็เป็นสีที่ย้อมมาจากแก่นไม้
ในประเทศไทยเราเมื่อก่อนนี้ พระธุดงค์ท่านก็ใช้พวกสีจากแก่นไม้ ก็ไม่มีใครมาถือเป็นอารมณ์กันว่า ทำไมคล้ำไป ส่วนพระที่อยู่ในเมือง ท่านไม่รู้จะไปหาแก่นไม้ที่ไหน ก็อาศัยสีย้อมที่มันมีอยู่ในท้องตลาด แล้วก็มาดูพอสมควร คือไม่ใช่เหลืองอ๋อย แล้วก็ไม่ใช่แดงแฉด หรือไม่ใช่สีหวานจ๋อย ชมพูอะไร ก็สีที่พอสมควรก็แล้วกัน ถ้าเหลืองก็ให้ออกเป็นเหลืองทองพอสู้กันไป

ถ้าอยากจะออกเดินธุดงค์ ก็สีมอๆลงมา เอาว่าใช้สีที่ออกไปในลักษณะผสม ก็ให้ใกล้เคียงกับสีของแก่นไม้ตั้งแต่โบราณ

อาตมาว่า อย่างนี้ก็พอสมควรนะ เพราะว่า เมื่อสมัยโน้นก็ไม่ได้กำหนดสีที่ชัดเจนอย่างที่ว่ามาแล้ว เอาพอสมควรก็แล้วกัน แล้วก็จะเป็นเหตุที่จะต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เป็นไปเพื่อความอยู่สุขของสงฆ์ อาตมาว่า เอากันเพียงแค่นี้ แล้วเราก็จะมีสุข

เมื่อได้นุ่งได้ห่มแล้ว จะสีอะไรก็ตามที เมื่อไม่ผิดพระวินัย แล้วรีบไปศึกษาพระธรรมวินัย ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยให้เคร่งครัด ก็จะได้เป็นเนื้อนาบุญให้กับญาติโยม

เมื่อญาติโยมได้เนื้อนาบุญอย่างท่านแล้ว หมั่นตักบาตรกับท่านด้วยนะ ท่านก็จะได้อยู่กับเรา แล้วมาเทศน์ให้พวกเราฟังต่อไปนานๆ

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *