พระวักกลิเถระ
การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นการยาก และการดำรงชีวิตให้เป็นอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ มีจิตใจสูงส่ง มั่นคงในคุณธรรม ดำเนินอยู่บนเส้นทางการสร้างบารมี เส้นทางแห่งอริยมรรคของพระอริยเจ้าให้ได้ตลอดนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ผู้มีบุญมีดวงปัญญาบริสุทธิ์ มีดวงใจที่ผ่องใสเท่านั้น จึงจะใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า เดินหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องปลอดภัย เพราะฉะนั้น เราจะต้องสั่งสมบุญให้มากๆ และมีความหนักแน่นตั้งมั่นอยู่ในเส้นทางแห่งความดี รักในการประพฤติปฏิบัติธรรม และหมั่นนั่งธรรมะทุกๆ วัน อย่าให้ขาดแม้แต่วันเดียว ต้องตั้งใจมั่นอย่างนี้ จึงจะพบกับความสุขสวัสดี ได้ที่พึ่งที่ระลึกภายในคือ พระรัตนตรัยกันทุกคน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อนุตตริยสูตร ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ ไปดูรัตนะคือช้างบ้าง ไปดูรัตนะคือม้าบ้าง ไปดูรัตนะคือแก้วมณีบ้าง หรือไปเพื่อเห็นรัตนะสูงต่ำ ไปเพื่อเห็นสมณะหรือพราหมณ์ผู้ปฏิบัติผิด ภิกษุทั้งหลาย ความเห็นนั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่าความเห็นนั้นไม่มี ก็แต่ความเห็นนั้นนั่นแล ยังทราม เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อนิพพิทา เพื่อวิราคะ เพื่อนิโรธะ เพื่ออุปสมะ เพื่ออภิญญา เพื่อสัมโพธะ เพื่อพระนิพพาน
ภิกษุทั้งหลาย ส่วนชนใดแล มีศรัทธาตั้งมั่น มีฉันทะตั้งมั่นในพระรัตนตรัยโดยส่วนเดียว เลื่อมใสยิ่งแล้ว ไปเพื่อเห็นตถาคตหรือสาวกของตถาคต ภิกษุทั้งหลาย บรรดาการเห็นทั้งหลาย ที่ชนมีศรัทธาตั้งมั่น เลื่อมใสยิ่งแล้ว ไปเพื่อเห็นตถาคตหรือสาวกของตถาคตนั่น ชื่อว่าเป็นศรัทธาที่ยอดเยี่ยม ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อความก้าวล่วงซึ่งโสกะและปริเทวะ เพื่อความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุเญยธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ภิกษุทั้งหลายนี้เราเรียกว่า ทัสนานุตริยะ คือ การเห็นอันยอดเยี่ยม”
ทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ ต่างมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป เช่น หลายคนบอกว่ามนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากลิง บ้างก็บอกว่ามนุษย์เกิดมาจากปากของพรหม เป็นต้น ส่วนจะเชื่อถือกันอย่างไรนั้น เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คนเชื่อไปสู่สวรรค์ และนิพพาน
แต่สิ่งสำคัญคือ ความเชื่อที่จะทำให้เราบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากวงเวียนของวัฏฏะได้ ต้องเป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญาบริสุทธิ์ ต้องอยู่บนพื้นฐานของสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นที่ถูกต้อง เมื่อเรามีความเชื่อที่ถูกต้องแล้ว ความเชื่อนั้นจะปรุงแต่งใจของเรา ให้เป็นความศรัทธามั่น ไม่คลอนแคลน เมื่อศรัทธาเราเปี่ยมล้น ไม่ว่าจะทำบุญทำกุศลอะไร จะมีผลานิสงส์มาก และสามารถนำเราไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตคือ การได้บรรลุธรรมาภิสมัยนั่นเอง
* เหมือนเรื่องของพระอรหันต์รูปหนึ่ง ท่านมีความเชื่อ มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า ท่านเริ่มต้นด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในพระบรมศาสดา มีความเชื่อว่าการได้เห็นได้ศรัทธาในพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ซึ่งมีลักษณะมหาบุรุษครบถ้วน ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ ๘๐ มีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายข้างละ ๑ วา ถือเป็นทัสนานุตริยะ คือเป็นการเห็นอันยอดเยี่ยม ที่ประเสริฐยิ่งกว่าได้เห็นสิ่งอื่นใดในโลก
ก่อนที่ท่านจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์นั้น ท่านได้วางความเลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัยที่เป็นไปในภายนอกเท่านั้น ยังไม่ถึงแก่นของพระรัตนตรัยภายใน ท่านบอกตนเองว่า ถ้ายังเป็นคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือน จะไม่มีโอกาสได้พบเห็นพระบรมศาสดาเป็นประจำ จึงตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดพระพุทธองค์ แต่ถึงกระนั้น ท่านก็ยังไม่ยอมลงมือปฏิบัติธรรม ได้แต่เฝ้าติดตามดูพระรูปอันงดงามของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งเช้าและเย็น เห็นแล้วก็มีความสุขใจ ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายในการเฝ้าดูพระวรกายของพระองค์
พระบรมศาสดาทรงรู้ว่าท่านเพียงเลื่อมใสในพระวรกายที่ประกอบด้วยขันธ์ ๕ อันตกอยู่ในไตรลักษณ์ เลื่อมใสในสิ่งที่หาสาระแก่นสารไม่ได้ ไม่ได้มีความเลื่อมใสในธรรมปฏิบัติของพระองค์ คือไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของพระรัตนตรัยภายใน
แม้พระพุทธองค์จะทรงรู้ว่า พระภิกษุรูปนี้มีความศรัทธายังไม่สมบูรณ์ พระองค์ก็ยังทรงพระกรุณารอคอยความแก่รอบแห่งญาณของท่าน ถึงแม้ท่านจะเที่ยวติดตามไปดูรูปกายของพระองค์ทุกๆวัน วันละหลายเวลา พระองค์ก็มิได้ตรัสสอนอะไร กระทั่งวันหนึ่ง ญาณของท่านแก่รอบเต็มที่ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ดูก่อน วักกลิ จะมีประโยชน์อะไรที่เธอต้องมาดูร่างกายอันเปื่อยเน่านี้ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม นั่นคือ ผู้ใดเห็นธรรมกาย ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเราตถาคต เพราะตถาคตคือธรรมกายนั่นเอง”
แม้พระพุทธองค์จะตรัสสอนอย่างนี้ พระวักกลิก็ไม่ยอมละการมองดูพระรูปอันงดงามของพระองค์ ทั้งไม่ยอมแยกย้ายไปบำเพ็ญสมณธรรมเหมือนภิกษุรูปอื่นๆ พระองค์จึงทรงดำริว่า “ภิกษุนี้ถ้าไม่ได้ความสังเวช ก็จักไม่ได้ตรัสรู้แน่” ครั้นใกล้วันเข้าพรรษา พระองค์จึงขับไล่พระวักกลิให้ไปอยู่ที่อื่น ท่านน้อยใจ จึงตัดสินใจขึ้นไปบนยอดเขาคิชฌกูฏ หมายจะกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตาย
พระศาสดาทรงรู้ด้วยพุทธญาณว่า “หากภิกษุนี้เมื่อไม่ได้รับความสบายใจจากเรา จะทำให้อุปนิสัยแห่งมรรคผลนิพพานพินาศไป” จึงเปล่งพระโอภาสไปปรากฏต่อหน้าพระวักกลิแล้วตรัสว่า “ภิกษุผู้มากไปด้วยความปราโมทย์เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จะพึงบรรลุสันตบท อันเข้าไประงับสังขารเป็นสุขได้” แล้วทรงเหยียดพระหัตถ์ พร้อมกันตรัสว่า “มานี่เถิด วักกลิ” พระเถระเกิดอุพเพงคาปีติว่า พระบรมศาสดาทรงตรัสเรียกเราแล้ว ก็คิดว่าจะไปทางไหนดีหนอ เพราะพระพุทธองค์ทรงลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อไม่รู้หนทางที่จะไปเฝ้า จึงอาศัยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมในพระพุทธองค์ ทำให้กายเบาใจเบา ครั้นกายฟ่องเบา ท่านก็สามารถเดินไปในอากาศได้ ขณะที่เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนพื้น อีกข้างหนึ่งก้าวไปในอากาศ ท่านข่มปีติในอากาศได้ก็บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ในขณะนั้นเอง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธองค์ว่า เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสัทธาธิมุตติคือ หลุดพ้นด้วยศรัทธา
จากเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่า ลำพังเพียงความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยที่สมบูรณ์ ก็ยังต้องเป็นศรัทธาที่เป็นไปเพื่อให้เกิดมรรคผลนิพพานอีก ไม่ใช่ศรัทธาเพียงผิวเผินเท่านั้น พวกเราทุกคนก็เช่นกัน ลำพังเพียงศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า หรือหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงแก่นของพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส คือ ให้เข้าถึงธรรมกายภายในด้วย เมื่อนั้นศรัทธาของเราจึงจะเป็นอจลศรัทธา คือไม่คลอนแคลนอีกต่อไป ดังนั้น ให้ทุกคน หมั่นรักษาศรัทธาไว้ให้ดี และหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งยิ่งๆ ขึ้นไป จนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกภายในกันทุกคน
* มก. เล่ม ๔๓ หน้า ๓ ๙๒
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/17011
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพุทธสาวก-พุทธสาวิกา
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน
น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
🏵️🌺🌸💮🌼🌷🌷🌼💮🌸🌺🏵️