มหาโควินทสูตรตอนที่ ๔ (โชติบาลกุมาร)
อายตนนิพพาน เป็นที่อยู่ของพระนิพพาน ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เป็นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสุขอันเป็นอมตะ ไม่มีเกิด แก่ ตาย ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการเคลื่อนย้ายอีกต่อไป เป็นจุดสุดท้ายของทุกๆ ชีวิต สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาติต่างมีเป้าหมายเช่นนี้เหมือนกัน การเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องหมั่นปฏิบัติธรรมให้หยุดนิ่งไปตามลำดับ อย่างพระอริยเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน
มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย ธรรมบทความ ว่า
“สุกรํ สาธุนา สาธุ สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ ฯ
ปาปํ ปาเปน สุกรํ ปาปมริเยหิ ทุกฺกรํ
ความดี คนดีทำง่าย ความดี คนชั่วทำยาก ความชั่ว คนชั่วทำง่าย ความชั่ว อริยบุคคลทำได้ยาก”
คนดี หมายถึงผู้ที่มีใจสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากอกุศล มีศีล ๕ เป็นปกติ ผู้ที่มีใจเช่นนี้ เมื่อกระทำความดีก็จะทำได้ง่าย คนดีจะอยู่รวมกันเป็นหมู่ ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใด สุคติโลกสวรรค์เป็นศูนย์รวมของคนที่สร้างความดี แม้ละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ยังตระหนักถึงบุญและจะหาโอกาสสร้างบุญตลอดเวลา
คราวที่แล้ว หลวงพ่อได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเทวโลก มาให้ได้ศึกษากัน ตั้งแต่ท้าวสนังกุมารพรหมมาสู่เทวสมาคม เกิดมหาปีติที่ได้ฟังพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงแสดงฤทธิ์ลอยอยู่ท่ามกลางเหล่าเทวดา ครั้งนี้จะนำเหตุการณ์ที่สืบเนื่องกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างบารมีของพระบรมศาสดา สมัยที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์
หลังจากที่สนังกุมารพรหมลอยอยู่บนอากาศ ได้กล่าวกับเหล่าเทวดาว่า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่า พระศาสดาเป็นผู้ที่มีปัญญามากขนาดไหน” เหล่าทวยเทพทั้งหลายต่างเชิญให้เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยนั้น สนังกุมารพรหมได้เล่าว่า ในอดีต มีพระราชาพระนามว่า ทิสัมบดี ทรงมีพราหมณ์ที่ปรึกษาชื่อ โควินทะ มีพระราชบุตรพระนามว่า เรณุกุมาร ส่วนโควินทพราหมณ์มีบุตรชื่อว่า โชติบาล กุมารโชติบาลเป็นผู้มีบุญมาก
ในวันที่โชติบาลเกิด อาวุธทุกชนิดในเมืองมีแสงลุกโพลงโชติช่วง เมื่อพระราชาทรงเห็นพระแสงมังคลาวุธของพระองค์ลุกโพลงในเวลาใกล้สว่างก็ทรงกลัว เมื่อโควินทพราหมณ์ไปเข้าเฝ้าพระราชาแต่เช้าตรู่ ทูลถามถึงการบรรทม พระราชาทรงตรัสว่า “ท่านอาจารย์ ฉันจะนอนเป็นสุขแต่ที่ไหน” จากนั้นทรงตรัสถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โควินทพราหมณ์กราบทูลว่า “พระองค์อย่าทรงกลัวเลย ลูกชายข้าพระพุทธเจ้าเกิดแล้ว ด้วยอานุภาพของเขา อาวุธทั้งหลายจึงลุกโพลงทั่วทั้งเมือง”
พระราชาดำริว่า “เด็กนี้จะเป็นศัตรูกับเราหรือไม่หนอ” ทำให้ยิ่งกลัวหนักขึ้นไปอีก เมื่อโควินทพราหมณ์ทูลถามพระองค์ว่า “มหาราช พระองค์ทรงคิดอะไร” พระองค์ตรัสบอก โควินท์จึงกราบทูลว่า “มหาราช อย่าทรงกลัวไปเลย เด็กนี้จะไม่ทำร้ายพระองค์ แต่ในชมพูทวีปทั้งสิ้น จะไม่มีใครมีปัญญาเท่าเขา ความสงสัยของมหาชนจะหมดสิ้น เพราะคำของลูกชายของข้าพระพุทธเจ้า และเขาจักพร่ำสอนกิจทุกอย่างแด่พระองค์” จากนั้นพระราชาได้พระราชทานทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะเป็นค่าเลี้ยงดูพลางกับตรัสสั่งว่า “เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ จงนำเด็กมาให้เราด้วย”
ครั้นเด็กน้อยเจริญวัยขึ้น ได้เป็นผู้รุ่งเรือง เป็นผู้สามารถในการรักษา พ่อแม่จึงตั้งชื่อว่า โชติบาล โชติบาลมาณพได้เป็นพระสหายของเรณุราชกุมาร และของราชบุตรต่างเมืองอีก ๖ พระองค์ ซึ่งล้วนเติบโตมาด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านไป โควินทพราหมณ์ละโลกไป พระเจ้าทิสัมบดีทรงคร่ำครวญว่า “เรามอบหมายงานทุกอย่างให้โควินทพราหมณ์ บัดนี้เขาตายแล้ว เราจะได้ใครเป็นที่ปรึกษา” เรณุราชบุตรกราบทูลว่า “ข้าแต่เสด็จพ่อ โชติบาลลูกชายของ โควินทพราหมณ์ยังอยู่และฉลาดกว่าบิดา บิดาของเขาได้พร่ำสอนความรู้ทุกอย่างให้แล้ว”
พระเจ้าทิสัมบดีจึงตรัสสั่งราชบุรุษว่า “เจ้าจงไปหาโชติบาลมาณพด้วยคำพูดของเราว่า ขอความเจริญจงมีแก่โชติบาลมาณพ พระเจ้าทิสัมบดีเหนือหัว รับสั่งเรียกท่าน” ราชบุรุษได้เข้าไปหาโชติบาลมาณพตามรับสั่งของพระราชา โชติบาลมาณพจึงไปเข้าเฝ้าพระเจ้าทิสัมบดี พระองค์ตรัสว่า “ขอให้ท่านโชติบาลจงพร่ำสอนอรรถและธรรมทั้งหลายแก่พวกเราเถิด อย่าทำให้พวกเราเสื่อมเสียจากคำพร่ำสอนเลย เราจะให้ดำรงตำแหน่งแทนบิดาของท่าน” เมื่อโชติบาลมาณพรับสนองพระราชโองการแล้ว พระเจ้าทิสัมบดีทรงอภิเษกโชติบาลมาณพให้ดำรงตำแหน่งมี ชื่อว่า มหาโควินท์
ตั้งแต่นั้นมา มหาโควินท์ได้ทำหน้าที่พร่ำสอน จัดการงานถวายแด่พระเจ้า ทิสัมบดีด้วยความเรียบร้อยอย่างดียิ่ง ไม่มีใครติเตียนท่านได้ ทำให้มหาชนกล่าวขวัญกันว่า ท่านมหาโควินทพราหมณ์นี้เป็นผู้มีความสามารถ จัดแจงราชกิจได้อย่างเรียบร้อยดีงาม สมกับที่ได้ชื่อว่า มหาโควินท์
วันหนึ่ง มหาโควินทพราหมณ์ได้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ ๖ พระองค์ที่เป็นสหายเก่า พลางทูลว่า “พระเจ้าทิสัมบดีทรงชราภาพแล้ว เมื่อพระเจ้าทิสัมบดีเสด็จสวรรคต พวกข้าราชการจะอภิเษกเจ้าเรณุราชบุตรในราชสมบัติ มาเถิด ขอให้พวกพระองค์เข้าเฝ้าเจ้าเรณุราชบุตร และทูลว่า พวกข้าพระพุทธเจ้าเป็นพระสหาย ถ้าพระองค์ได้ราชสมบัติแล้ว ทรงแบ่งราชสมบัติแก่พวกข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด” กษัตริย์ ๖พระองค์ ต่างรับคำของมหาโควินทพราหมณ์ พากันไปเข้าเฝ้าเจ้าเรณุราชบุตรและได้กราบทูลตามนั้น
เรณุราชบุตรตรัสว่า “ถ้าหม่อมฉันได้ราชสมบัติ หม่อมฉันจักแบ่งราชสมบัติให้พวกท่านอย่างแน่นอน เราจะได้ปกครองแว่นแคว้นอย่างมีความสุข” หลังจากนั้น เมื่อพระเจ้าทิสัมบดีเสด็จสวรรคต พวกข้าราชการได้อภิเษกเจ้าเรณุราชบุตรครองราชสมบัติ มหาโควินทพราหมณ์ได้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์อีก และได้กราบทูลเตือนสติว่า “เจ้าเรณุได้รับอภิเษกแล้ว เชิญพระองค์ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเรณุ เพื่อให้พระองค์ทรงระลึกถึงพระราชดำรัสนั้นเถิด”
กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ก็พากันไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเรณุ พลางกราบทูลว่า “ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์ทรงได้รับอภิเษกแล้ว พระองค์ยังทรงระลึกพระราชดำรัสนั้นได้อยู่หรือ” พระราชาเรณุตรัสว่า “หม่อมฉันยังจำได้ ใครเล่าหนอจะสามารถแบ่งมหาปฐพีนี้ ที่ยาวไปทางเหนือและใต้ เป็นเสมือนทางเกวียนให้เป็น ๗ ส่วนเท่าๆ กันได้” พระเจ้าเรณุทรงระลึกได้ว่า “มหาโควินทพราหมณ์เพื่อนเรามีปัญญามาก เราจะให้เขาจัดสรรแผ่นดิน” จึงรับสั่งราชบุรุษให้ไปเชิญมหาโควินทพราหมณ์มาเข้าเฝ้าทันที
เมื่อมหาโควินทพราหมณ์มาเข้าเฝ้าพระเจ้าเรณุแล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า “ท่านโควินท์ ท่านจงช่วยแบ่งมหาปฐพีที่ยาวไปทางเหนือและทางใต้ เป็นเหมือนทางเกวียนออกเป็น ๗ ส่วนให้เท่ากันด้วยเถิด” มหาโควินทพราหมณ์ได้จัดการแบ่งมหาปฐพีให้เป็น ๗ ส่วน เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น ๗ แคว้น มีเมือง ๗ เมือง ตั้งแต่เมืองทันตปุระแห่งแคว้นกาลิงค์ เมืองโปตนะแห่งแคว้นอัสสกะ เมืองมาหิสสดีหรือมเหสัยแห่งแคว้นอวันตี เมืองโรรุกะแห่งแคว้นโสจิระ เมืองมิถิลาแห่งแคว้นวิเทหะ เมืองจัมปาแห่งแคว้นอังคะ และเมืองพาราณสีแห่งแคว้นกาสี แต่ละเมืองแต่ละแคว้นต่างมีพระราชา ๗ พระองค์ปกครอง เมื่อมหาโควินทพราหมณ์ได้แบ่งแว่นแคว้นอย่างนี้แล้ว การปกครองแว่นแคว้น ก็มีความสงบสุขขึ้นไปอีกตั้งแต่นั้นมา เรื่องราวของมหาโควินทพราหมณ์โพธิสัตว์ยังไม่จบ ขอให้ติดตามตอนต่อไป
*มก. มหาโควินทสูตร เล่ม ๑๔ หน้า ๑๔
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/9988
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับศาสดาเอกของโลก
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน
น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
🏵️🌺🌸💮🌼🌷🌷🌼💮🌸🌺🏵️