นิรยภูมิสำหรับคนบาป

นิรยภูมิสำหรับคนบาป

มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาต่างรักตัวกลัวตาย คือรักตัวเองมากที่สุด ส่วนความรักที่มีต่อคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรักพ่อแม่ รักญาติพี่น้อง รักภรรยาสามี  เป็นเรื่องที่รองลงไป น้อยคนนักที่จะรักคนได้ทั้งโลกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันดังเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์เข้าถึงกายธรรมอรหัตพ้นจากความทุกข์ทั้งมวลแล้ว ทรงเมตตาแนะนำมนุษย์และเทวาตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ในสังสารวัฏ เข้าสู่อายตนนิพพานซึ่งเป็นความสุขอันเป็นนิรันดร์ ใจของพระองค์รักมวลมนุษยชาติเสมอเหมือนพระญาติร่วมสายโลหิต นั่นเป็นเพราะพระองค์ทรงมีพระเมตตา มีใจที่เป็นกลางๆ ไม่มีอคติ ไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง ดังนั้น เมื่อเรารักตนและผู้อื่น จะต้องทำตนให้เข้าถึงธรรมกาย สันติสุขจะได้ขยายไปทั่วโลก

มีวาระพระบาลีที่ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน เทวทูตสูตร ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะโยนสัตว์นรกเข้าไปในมหานรก ก็มหานรกนั้นมีสี่มุม สี่ประตู แบ่งไว้โดยส่วนเท่ากัน มีกำแพงเหล็กล้อมรอบ ครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็ก พื้นของนรกใหญ่นั้นสำเร็จด้วยเหล็กล้วนๆ ลุกโพลง แผ่ไปตลอดร้อยโยชน์รอบด้าน ประดิษฐานอยู่ทุกเมื่อ”

นรกคือดินแดนที่เสวยวิบากกรรมของผู้ที่ได้ทำบาปอกุศลเอาไว้ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ซึ่งเกิดขึ้นมาด้วยอำนาจของบาปที่มีภพภูมิไว้รองรับผู้ทำบาปกรรมเอาไว้ในสมัยที่เป็นมนุษย์ การที่หลวงพ่อได้ยกข้อความในเทวทูตสูตรมากล่าว ก็เพื่อจะได้นำเรื่องราวเส้นทางการเดินทางไปสู่ปรโลก ที่ต้องไปเสวยทุกข์ในอบายภูมิมาเล่าให้ทุกท่านได้ศึกษากัน จะมีรายละเอียดในแง่มุมต่างๆ ที่หลวงพ่ออยากจะให้ทุกท่านได้ทราบว่า นรกมีจริงไหม อยู่ที่ไหน และเป็นที่เสวยวิบากกรรมของใครบ้าง ถ้าหากนรกมีอยู่จริง ทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่จึงไม่เห็นนรก และดูเหมือนจะไม่กลัวตกนรกกันเลย นี่ก็เป็นความกังขาที่เรามักได้ยินคำถามนี้กันบ่อยๆ

การที่มนุษย์เรามองไม่เห็นอบายภูมิได้ด้วยตาเนื้อนั้น ก็ไม่ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีอยู่จริงๆ ของที่เรามองไม่เห็น จะบอกว่าไม่มีก็คงไม่ถูก เพราะผู้รู้ทั้งหลายได้กล่าวเอาไว้ตรงกันว่า นรกมีจริง เพียงแต่เรายังพิสูจน์ไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ผู้รู้จริงก็ยังมีอยู่ ในพระไตรปิฎกก็มีบันทึกเรื่องราวการเสวยวิบากกรรมอันทุกข์ทรมานในนรกเอาไว้มากมาย ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรชื่อเทวสูตร ว่า

* สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี พระองค์ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมมติว่ามีเรือน ๒ หลังมีประตูตรงกัน บุรุษผู้มีตาดียืนอยู่ระหว่างกลางเรือน ๒ หลังนั้น พึงเห็นมนุษย์กำลังเข้าไปในเรือนบ้าง กำลังออกจากเรือนบ้าง กำลังเดินมาบ้าง กำลังเดินไปบ้าง ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือตถาคตสามารถมองเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีหรือตกยาก ด้วยธรรมจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมทราบชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมได้ว่า

สรรพสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไปแล้วเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ก็มี บังเกิดในหมู่มนุษย์ก็มี ส่วนสัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฎฐิ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงเปตวิสัยก็มี เข้าถึงกำเนิดสัตว์เดรัจฉานก็มี เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกก็มี

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่ายมบาลจะจับสัตว์นั้น ไปแสดงแก่พญายมราชว่า ข้าแต่พระองค์ บุรุษนี้ไม่ปฏิบัติชอบในมารดา ไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ ไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล ขอพระองค์จงลงอาญาแก่บุรุษผู้มีกรรมอันลามกนี้เถิด”

นี่ก็เป็นพุทธพจน์ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า พระพุทธเจ้าของเราทรงเห็นนรก รวมไปถึงดินแดนของพวกเปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องราวการไปเกิดมาเกิดของสรรพสัตว์เหล่านี้ ทันทีที่ทรงตรัสรู้ เหนือรัตนบัลลังก์ใต้ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์นั่นเอง

ความหมายของคำบาลีว่า อบาย ทุคติ วินิบาต นรกมีความแตกต่างกันอย่างไร คำว่า อบายภูมิ เป็นความหมายเดียวกันกับคำว่า นิรยภูมิ นรกชื่อว่าอบายภูมิก็เพราะปราศจากความเจริญ ที่สมมติกันว่าเป็นแดนบาป เป็นดินแดนที่ความสุขความเจริญงอกงามขึ้นไม่ได้แม้เพียงนิดเดียว มีแต่ความทุกข์ล้วนๆ ไม่มีความสุขเจือปนเลย

คำว่า ทุคติ คือคติที่ต้องเสวยทุกข์อย่างเดียว และเป็นคติที่เกิดขึ้นมาเพราะกรรมชั่วร้ายที่มีโทษมาก ซึ่งตนเองทำเอาไว้ในคราวที่เป็นมนุษย์ คือตรงข้ามกับสุคติที่เสวยสุขอย่างเดียว ส่วนคำว่าวินิบาต เป็นภูมิของพวกสัตว์ผู้ทำชั่ว เมื่อตกไปที่ภูมินี้ก็จะเป็นผู้ไร้อำนาจวาสนา หรือหมายถึงเป็นสถานที่พวกสัตว์ผู้กำลังพินาศ มีอวัยวะใหญ่น้อยแตกกระจัดกระจายน่ากลัวมาก

ที่ชื่อว่า นิรยะหรือนรกนั้น เพราะเป็นสถานที่ไม่มีความเจริญ เป็นดินแดนที่ไร้ความยินดี มีแต่ความน่าหวาดเสียว น่าสะพรึงกลัวอยู่ตลอดเวลา  เมื่อตกลงไปเป็นสัตว์นรกแล้ว ไม่มีสัตว์นรกตัวไหนอยากอยู่ในมหานรกนั้น แค่เห็นเพียงประตูนรกเปิดแง้มออกเท่านั้น สัตว์นรกต่างรีบวิ่งเพื่อจะหลบหนีจากการถูกทัณฑ์ทรมาน แต่ก็หนีไม่พ้นต้องทนทุกข์ทรมานจนกว่ากรรมจะหมด สัตว์นรกจะหลบหนีออกมาเหมือนนักโทษในโลกมนุษย์ที่แหกคุกหนี หรือจะหลีกเลี่ยงการถูกจำคุกไม่ได้เลย เพราะเป็นกฎแห่งกรรมซึ่งเป็นกฎเหล็ก ที่สัตว์นรกจำเป็นต้องก้มหน้าก้มตารับใช้กรรมที่ทำเอาไว้สถานเดียวเท่านั้น

กำเนิดของพวกสัตว์เดรัจฉานถือว่าเป็นอบายภูมิเหมือนกัน สัตว์เดรัจฉานเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะไปตามขวาง คือขวางทางพระนิพพาน เพราะไม่สามารถหาศูนย์กลางกายได้ เมื่อหาศูนย์กลางกายไม่เจอ ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงได้ อย่างมากก็ทำได้เพียงยังจิตให้เลื่อมใสเท่านั้น เหมือนพญานาคที่เคยแปลงกายมาบวชเป็นพระ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบก็ห้ามท่านบวชอีกต่อไป เพราะอย่างไรก็ถือว่าเป็นเพียงเดรัจฉาน จะทำได้ก็รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น จึงจัดเป็นอบายภูมิอยู่นั่นเอง

กำเนิดสัตว์เดรัจฉานแม้จะเป็นหนึ่งในอบายภูมิ ๔ แต่ก็ไม่จัดเป็นทุคติทั้งหมด เพราะบางทีก็เป็นสถานที่เกิดของสัตว์ผู้มีฤทธิ์มากเช่น พญานาคบ้าง พญาครุฑบ้าง สัตว์เหล่านี้สามารถเนรมิตกายเป็นคนได้ หรือเป็นเหมือนเทวดาที่เหาะขึ้นไปบนสวรรค์เข้าสู่เทวสมาคมก็ได้ อีกพวกหนึ่งคือเปรตและอสุรกาย ถือเป็นทุคติภูมิเหมือนกัน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ อาจเข้าใจยากสักนิด ให้ค่อยๆ พิจารณาตรองตามไป จะได้เข้าใจในรายละเอียดของภพภูมิที่เรียกว่าอบายภูมิหรือทุคติภูมิได้อย่างถูกต้อง

เปตวิสัยจัดเป็นทั้งอบายภูมิและเป็นทุคติ เพราะเป็นดินแดนที่ปราศจากความเจริญ เปตโลกนี้ไม่ถือว่าเป็นวินิบาต เพราะไม่มีการตกไปแล้วถูกทำลาย เปรตบางจำพวกมีฤทธิ์มากถึงกับมีทิพยวิมานขึ้นรองรับ เช่น เวมานิกเปรตเสวยทุกข์ตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนจะเสวยสุขเหมือนชาวสวรรค์ ส่วนอสุรกายท่านถือว่าเป็นวินิบาต เพราะเมื่อเป็นอสุรกายแล้ว ก็เสื่อมจากโภคสมบัติทุกอย่าง ดำรงอัตภาพอยู่ด้วยความลำบากยากแค้นหิวกระหาย  นี่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอบายภูมิ ทุคติ วินิบาต นรก ซึ่งเรามักจะได้ยินจนคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว ให้ทุกคนหมั่นเพิ่มเติมความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจให้กับตัวเอง ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในตัวให้ได้ ชีวิตเราจะได้ปลอดภัยทั้งในโลกนี้และโลกหน้ากันทุกคน

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13503
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “นิรยภูมิสำหรับคนบาป”

  1. น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🏵️🌺🌸💮🌼🌷🌷🌼💮🌸🌺🏵️

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *