พญานาค ๔ ตระกูล
ความเมตตาปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก เป็นทางมาแห่งสันติภาพอันไพบูลย์ เป็นคุณธรรมพื้นฐานที่จะทำให้มนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่มีการแก่งแย่ง รบราฆ่าฟันกันอย่างที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำ เมตตาธรรมจะช่วยคํ้าจุนโลก เปลี่ยนแปลงกระแสโลกที่กำลังร้อนแรงด้วยไฟกิเลส เป็นกระแสแห่งความดีที่เกิดจากใจใสบริสุทธิ์ รุกเงียบไปในบรรยากาศโลก มวลมนุษยชาติจะปรองดองกัน มีสมบัติสิ่งของเครื่องใช้อะไรที่พอจะแบ่งปันกันได้ ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป โดยถือว่าสมบัติทั้งหลายเป็นของกลางของโลก โลกทั้งโลกก็คือบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกในบ้านมากมาย พวกเราทุกคนคือหมู่ญาติเพื่อนพ้องพี่น้องกัน ที่ยังต้องเดินทางไกลในสังสารวัฏไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานด้วยกัน
* พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้แผ่เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมไปถึงเหล่านาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้แผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง ๔ นี้ เพื่อจะได้ปกป้อง คุ้มครองรักษาตนเองให้ปลอดภัย”
จากนั้นท่านก็ให้สวดมนต์แผ่เมตตาไปให้พญางูทั้ง ๔ ว่า
วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ เอราปเถหิ เม ฉพฺยาปุตฺเตหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ กณฺหาโคตมเกหิ จ เป็นต้น แล้วก็ไล่เรื่อยไปจนจบ ซึ่งเวลาพระสงฆ์ไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้านหรือในงานพิธีต่างๆ พวกเราก็คงจะได้ยินกันอยู่บ้าง ความหมายย่อๆ คือ ขอให้พวกเรากับพญางูตระกูลวิรูปักขะก็ดี ตระกูลเอราปถะก็ดี พญางูตระกูลฉัพยาปุตตะก็ดี หรือพญางูตระกูลกัณหาโคตมกะก็ดี จงได้มีเมตตาต่อกัน อย่าได้รบกวนเบียดเบียนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์สองเท้า สี่เท้า มีเท้ามากเท้าน้อย หรือไม่มีเท้าก็ตาม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์บก สัตว์นํ้า ที่มีทุกข์ก็ขอให้พ้นทุกข์ ที่มีสุขแล้วก็ขอให้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป
พญางู หรือที่เราเรียกว่า พญานาค เป็นเจ้าแห่งสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมด แม้พญานาคจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็เป็นผู้มีฤทธานุภาพมากทีเดียว จัดอยู่ในภูมิของจาตุมหาราชิกา นาคแบ่งออกเป็น ๔ ตระกูลใหญ่ๆ คือตระกูลวิรูปักษ์ เป็นตระกูลนาคที่ใหญ่ที่สุด ต่อมาคือตระกูลเอราปถะ ตระกูลฉัพยาปุตตะ และกัณหาโคตมะ นอกจากนั้นยังแบ่งเป็นตระกูลย่อยๆ อีกถึง ๑,๐๒๔ ชนิด คือ พวกสัตว์เลื้อยคลานประเภทงู ทั้งที่เป็นงูเห่า งูจงอาง งูเหลือม และงูทุกชนิด เป็นลูกเป็นหลานของพญานาคทั้งนั้น
โดยเฉพาะพญานาคตระกูลวิรูปักษ์ มีท้าววิรูปักษ์เป็นหัวหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในท้าวโลกบาลทั้ง ๔ ที่ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาอีกด้วย นาคพิภพทั้งหมดจะอยู่ในความดูแลของท่าน พญานาคนี่มีฤทธิ์มาก สามารถเนรมิตกายเป็นเทวดาได้ เหาะขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ได้ เนรมิตกายเป็นมนุษย์เดินทางท่องเที่ยวไปในมนุษย์โลกเหมือนพวกเราก็ได้ แม้ว่าพญานาคจะมีฤทธิ์มีเดชสามารถแปลงร่างได้ แต่ในขณะปฏิสนธิและเวลาลอกคราบ หรือในขณะกำลังเสพเมถุนกับนางนาค ในขณะที่นอนหลับ จะขาดสติ และในเวลาตายจะต้องกลายร่างเป็นนาคเหมือนเดิม
เหมือนในสมัยพุทธกาล นาคบางตนปรารถนาจะบวชเป็นพระภิกษุ ถึงกับแปลงร่างมาเป็นมนุษย์แล้วมาขอบวช แต่เวลานอนหลับเผลอสติ ก็ต้องกลับกลายร่างเป็นพญานาคเหมือนเดิมใหญ่โตมากทีเดียว พระเณรตกอกตกใจไปทั่วทั้งวัด พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงต้องให้ท่านลาสิกขาไป เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่สามารถปฏิบัติธรรมให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ แต่ก็ให้ไปรักษาอุโบสถศีลให้ดี จะได้เกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
นอกจากนี้ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทว่า “ห้ามภิกษุสามเณรฉันเนื้องู” เพราะงูเป็นสัตว์ในตระกูลนาค ถ้าหากนาครู้ว่าภิกษุฆ่างูหรือฉันงู ซึ่งเป็นพวกเดียวกับตน ก็จะเกิดความโกรธ ผูกพยาบาทอาฆาตและเป็นปฏิปักษ์กับพระภิกษุ เมื่อได้โอกาสก็อาจจะมาทำร้ายพระภิกษุ และหากพญานาคเกิดโมโหขึ้นมา ก็สามารถพ่นพิษใส่ หรือฉกกัดมนุษย์ให้ถึงแก่ความตายได้ เวลาพญานาคบังหวนควันไฟ ก็สามารถที่จะเผาเมืองทั้งเมืองให้มอดไหม้เป็นจุณได้ มีนาคหลายตนที่เก่งกล้าสามารถต่อสู้กับผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพได้
ในสมัยแรก พระบรมศาสดาก็เคยทรมานพญานาค จากที่เคยมีฤทธิ์มีเดชมาก จนพระองค์ต้องจับใส่ในบาตร พระมหาโมคคัลลานะก็เคยต่อสู้กับพญานาคนันโทปนันทะ ที่มาขวางทางเสด็จไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ ในที่สุดท่านก็ชนะ แล้วให้พญานาคมาขอขมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนเกิดความเลื่อมใส และยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
อายุของพญานาคนั้นไม่แน่นอน บางตนมีอายุยืนยาวมาก บางตนมีอายุไม่กี่ปีก็ตาย พวกที่มีอายุยืนมากนั้น ขนาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ก็ยังมีชีวิตอยู่ อย่างพญากาลนาคราชมีอายุตั้งแต่พระกกุสันธะพุทธเจ้า โกนาคมนะพุทธเจ้า กัสสปะพุทธเจ้า จนถึงพระสมณโคดมพุทธเจ้าของเรา แล้วยังจะมีอายุยืนต่อไปจนถึงพระศรีอริยเมตไตรย
ในวันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้อธิษฐานให้ถาดทองคำลอยทวนกระแสนํ้านั้น ถาดก็ได้ลอยทวนกระแสขึ้นไปอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วก็จมลงไปในแม่นํ้าเนรัญชรา พญากาลนาคราชได้ยินเสียงถาดทองคำกระทบกับพื้น ก็ตื่นจากหลับ และอุทานว่า “โอ พระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติเป็นองค์ที่ ๔ แล้วหรือนี่” แล้วก็หลับต่อ
ในนาคพิภพสวยงามมากทีเดียว มีอุทยานที่น่ารื่นรมย์ เต็มไปด้วยรัตนะ เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นนี้มีพวกกายทิพย์ที่แตกต่างกันมาก ทั้งนาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ และมีฤทธิ์มีเดชมีอานุภาพมาก ในมหาสมุทรมีสัตว์ตัวโตๆ และที่พิศดารอีกมาก เวลานาคเล่นนํ้า ตัวใหญ่เป็นร้อยโยชน์ก็มี สองร้อยโยชน์ก็มี บางทีก็มาปรากฏตัวให้คนเห็น แต่ก็ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
พญานาคเองก็รู้ตัวว่า เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน มีกบเป็นภักษาหาร จึงอยากเกิดเป็นมนุษย์บ้าง หรืออยากไปเป็นเทวดาเสวยสุขในสวรรค์บ้าง เหมือนพญานาคภูริทัตตะ ท่านเป็นลูกของท้าววิรูปักษ์ ในวันพระได้ติดตามบิดาไปเฝ้าพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เห็นสมบัติในสวรรค์แล้ว ก็อยากมาเกิดเป็นเทวดาเพื่อเสวยทิพยสมบัติเหล่านั้นบ้าง ครั้นกลับลงมาเมืองบาดาล จึงตั้งใจสมาทานอุโบสถศีล
เมื่อพญานาคตั้งใจจะรักษาศีลในนาคพิภพนั้น มักจะมีพวกนางนาคมาณวิกามาคอยรบกวนเป็นประจำ ทำให้ศีลไม่บริสุทธิ์ ท่านจึงตัดสินใจขึ้นไปรักษาอุโบสถศีลอยู่บนเมืองมนุษย์ โดยขนดตัวล้อมจอมปลวกเอาไว้ และอธิษฐานจิตมั่นว่า แม้จะมีผู้มาทำร้าย หรือจับไปฆ่าเป็นอาหาร ก็จะไม่ยอมให้ศีลด่างพร้อยเด็ดขาด จะข่มความโกรธเอาไว้ เพราะถ้าพญานาคโกรธขึ้นมา ก็สามารถพ่นไฟเผาคนนั้นให้ตายได้ในทันที
ต่อมาท่านถูกพราหมณ์อาลัมพายน์จับไปทรมาน แล้วสั่งให้ฟ้อนรำบ้าง หรือแม้จะสั่งให้ทำอะไร ท่านก็ทำตามโดยไม่โกรธแม้แต่นิดเดียว ท่านใช้ขันติธรรม อดทนเพื่อหวังบ่มบารมีให้แก่รอบ มหาชนที่มาดูการแสดงต่างชอบอกชอบใจ และมอบเงินทองให้กับพราหมณ์จนรํ่ารวย แต่แม้จะร่ำรวยแล้วพราหมณ์ก็ไม่ยอมปล่อยพญานาคให้เป็นอิสระ สุดท้ายนางนาคต้องมาช่วยเหลือให้เป็นอิสระดังเดิม นี่พญานาคยังอยากสร้างบารมีเลย แล้วเราซึ่งเป็นมนุษย์ได้กายที่เหมาะที่สุดสำหรับการสร้างบารมี ก็ควรที่จะสร้างบารมีกันให้เต็มที่
เราจะเห็นว่า ยังมีสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก ในภพทั้งสามนี้ ที่มีชีวิตจิตวิญญาณเหมือนๆ กับเรานี่แหละ เพียงแต่มีรูปกายที่แตกต่างกันไป แต่ใจนั้นก็ปรารถนาอยากจะพ้นจากทุกข์ มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งคราวนี้เราได้รู้แล้วว่า เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บตายอีกประเภทหนึ่งของเรานั้น ก็คือพญานาค เราควรทำความรู้จักและมีเมตตาจิตเป็นมิตรไมตรีต่อกัน อีกทั้งควรมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์สองเท้า สี่เท้า มีเท้ามาก มีเท้าน้อย หรือไม่มีเท้าก็ตาม เราจะได้เป็นที่รักของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ถ้าท่านใดสวดมนต์บทขันธปริตรได้ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นบทสวดที่หลวงพ่อได้กล่าวไว้ในตอนต้น เวลาเดินทางใกล้ไกลจะได้สะดวกปลอดภัย จะเที่ยวป่าเที่ยวเขา ลงนํ้าลงทะเล พวกสัตว์ร้ายทุกชนิดจะได้ไม่มาเบียดเบียน เราเป็นมนุษย์นับว่าได้อัตภาพที่ประเสริฐที่สุดแล้ว แม้จะไม่มีฤทธิ์มีเดชเหมือนพญานาค แต่ถ้าฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ก็สามารถทำอภิญญาสมาบัติให้เกิดขึ้นได้ และที่โชคดียิ่งไปกว่านั้นอีกก็คือ สามารถทำจิตให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งหลายได้ดีกว่าการได้อัตภาพเป็นนาคหรือเป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ให้รักษาความเป็นผู้มีโชคเอาไว้ให้ดี และหมั่นฝึกฝนอบรมกาย วาจา ใจ ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยการปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกาย จะได้มีที่พึ่งที่ระลึกภายในกันทุกๆ คน
* มก. เล่ม ๓๕ หน้า ๒๑๔
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13623
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน
🌟น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
🏵️🌺🌸💮🌼🌷🌟🌷🌼💮🌸🌺🏵️