คุณคือคนสำคัญ (เศรษฐีในอดีตสร้างมหาเจดีย์บูชาพระกัสสปพุทธเจ้า)

คุณคือคนสำคัญ (เรื่อง การสร้างมหาเจดีย์บูชาพระกัสสปพุทธเจ้าของเศรษฐี)

ความปรารถนาของมวลมนุษยชาติ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ล้วนปรารถนาให้โลกมีสันติสุขที่แท้จริง แต่ไม่มีใครรู้ว่า สันติสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ไหน จะเข้าถึงได้อย่างไร จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบว่า การจะให้สันติสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นนั้น มนุษย์ทุกคนจะต้องปฏิบัติให้เข้าถึงสันติสุขภายใน คือเข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก ไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันโดยเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ หากได้ลงมือปฏิบัติอย่างถูกวิธี จะสามารถเข้าถึงพระธรรมกายด้วยกันหมดทั้งสิ้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ปุญญสูตร ความว่า

“ปุญฺญเมว โส สิกฺเขยฺย อายตคฺคํ สุขุทฺรยํ
ทานญฺจ สมจริยญฺจ เมตฺตจิตฺตญฺจ ภาวเย
เอเต ธมฺเม ภาวยิตฺวา ตโย สุขสมุทฺทเย
อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลกํ ปณฺฑิโต อุปปชฺชติ

กุลบุตรผู้ใคร่ประโยชน์ พึงศึกษาบุญนั่นแล อันสูงสุดต่อไป ซึ่งมีสุขเป็นกำไร คือ พึงเจริญทาน ๑ ความประพฤติสงบ ๑ เมตตาจิต ๑ บัณฑิตครั้นเจริญธรรม ๓ ประการอันเป็นเหตุเกิดแห่งความสุขเหล่านี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุข”

ความตระหนี่เป็นมลทินของใจ แม้เราจะมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่หากไม่รู้จักนำออกด้วยการให้ทาน ทรัพย์นั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด บุญจากการให้ทานก็ไม่เกิดขึ้น เหมือนกับห้วงมหาสมุทรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ แต่ว่ามีรสเค็ม ใครๆ ก็ไม่สามารถดื่มกินได้ แม้สิ่งนั้นมีอยู่ แต่ก็เหมือนไม่มี เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่ใครเลย

นักปราชญ์บัณฑิตผู้ปรารถนาบุญ จะเริ่มต้นชีวิตด้วยการให้ทาน เหมือนพระบรมโพธิสัตว์ เมื่อท่านตัดสินใจว่าจะสร้างบารมี เพื่อให้บรรลุสัพพัญญุตญาณอันประเสริฐ ช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากห้วงทุกข์ บารมีแรกที่ท่านสร้างคือทานบารมีนี่แหละ เพราะทานบารมีเป็นบันไดก้าวแรก และก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความเต็มเปี่ยมของชีวิต

การให้ทานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เหมือนลมหายใจ เราต้องหมั่นให้ทาน ให้คุ้นเคยกับการสละออก บริจาคจนเป็นปกติ เพื่อขจัดความตระหนี่ออกจากใจ และทุกครั้งที่ให้แล้ว เราจะมีความปลื้มปีติ และบุญกุศลเป็นเครื่องตอบแทน ทรัพย์สมบัติที่เราสละออกไป จะกลายเป็นบุญบารมี ที่จะดึงดูดแต่สิ่งที่ดีๆ มาสู่ตัวเรา ทำให้เราสร้างบารมีได้สะดวกสบาย

* สมัยหนึ่งเมื่อพระกัสสปพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานไปแล้ว มหาชนได้พร้อมใจกันสร้างมหาเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา พุทธศาสนิกชนต่างก็ขวนขวายในบุญกุศล คิดว่าทำอย่างไรมหาเจดีย์ถึงจะยิ่งใหญ่ สมกับที่เป็นเจดีย์ของบุคคลผู้เลิศที่สุด เพราะตระหนักถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระองค์ จึงตกลงกันว่า จะเอาทองคำแท่งบริสุทธิ์มาก่อเป็นพระเจดีย์ ทำเป็นอิฐทองคำ แต่ละก้อนมีราคาถึงหนึ่งแสน และยังมีจิตรกรรมเกี่ยวกับประวัติการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าอยู่ที่หน้ามุขด้านนอก มหาเจดีย์นี้งดงามสุกปลั่งด้วยทองคำ เป็นเจดีย์ที่มีค่าหาประมาณมิได้

เมื่อพุทธศาสนิกชนช่วยกันสร้างเจดีย์จนสำเร็จแล้ว เวลาจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ภายในมหาเจดีย์ ก็ตั้งกติกากันว่า ถ้าใครบริจาคทรัพย์มากที่สุด จะได้เป็นประธานใหญ่ในการบรรจุ และเป็นประธานฉลองพระเจดีย์ สมัยนั้น มีเศรษฐีชนบทท่านหนึ่ง เป็นผู้มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ปรารถนาจะได้บุญใหญ่ในการเป็นประธานครั้งนั้น จึงปวารณาว่าจะขอบริจาคทรัพย์ ๑ โกฏิเพื่อเป็นประธานใหญ่ พร้อมกับได้ถวายทรัพย์จำนวน ๑ โกฏิบูชาพระเจดีย์ มหาชนต่างก็อนุโมทนาในความใจบุญของท่านเศรษฐี ฝ่ายเศรษฐีในเมืองก็อดรนทนอยู่ไม่ได้ อยากเป็นประธานใหญ่บ้าง จึงบอกว่า จะถวายทรัพย์ ๒ โกฏิเพื่อขอเป็นประธานใหญ่เอง

เศรษฐีชนบทไม่ยอม เพราะรู้ว่านี่เป็นบุญใหญ่ ซึ่งตลอดชีวิตจะหาบุญใหญ่อย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงเพิ่มทรัพย์ให้มากขึ้นเป็น ๓ โกฏิ เศรษฐีในเมืองก็ไม่ยอม เพิ่มเงินเข้าไปอีกเป็น ๔ โกฏิ ต่างฝ่ายต่างก็เพิ่มทรัพย์ขึ้นเรื่อยๆ จนสูงถึง ๘ โกฏิ เศรษฐีชนบทมีทรัพย์เพียง ๙ โกฏิเท่านั้น ส่วนเศรษฐีในเมืองมีถึง ๔๐ โกฏิ

เพราะฉะนั้น เศรษฐีชนบทจึงคิดหาวิธีเป็นประธานใหญ่ในการฉลองพระเจดีย์ ท่านตัดสินใจทุ่มเทชีวิตจิตใจถวายทรัพย์ทั้ง ๙ โกฏิที่มีอยู่ทั้งหมด พร้อมกับประกาศว่า ทั้งตนเอง และครอบครัว คือภรรยา ลูกชาย ลูกสาวรวม ๗ คน เขย และสะใภ้อีก ๗ คน รวมเป็น ๑๖ คน จะขอมอบกายถวายชีวิต ยอมตนเป็นทาสพระเจดีย์ จะคอยปัดกวาด ทำความสะอาดดูแลมหาเจดีย์ไปจนตลอดชีวิต

มหาชนได้ฟังแล้วต่างปลื้มปีติใจ พร้อมใจกันยกตำแหน่งประธานใหญ่ให้ท่านเศรษฐีชนบท เพราะเห็นความตั้งใจจริงในการทุ่มเททำบุญกุศลของท่าน ผู้นำมหาชนกล่าวว่า “ทรัพย์สมบัติเป็นของนอกกาย หากยังมีลมหายใจอยู่ ใครๆ ก็สามารถหาใหม่ได้ แต่เศรษฐีชนบทพร้อมทั้งลูก และภริยา มอบตัวรับใช้พระเจดีย์ไปตลอดชาติเช่นนี้ เป็นความมหัศจรรย์ที่หาได้ยากยิ่งในโลก บุคคลผู้มีบุญมีปัญญาเช่นนี้ จึงเป็นผู้ที่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาเป็นประธานใหญ่ในงานฉลองพระเจดีย์”

เมื่องานฉลองพระเจดีย์ และการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว มหาชนพร้อมใจกันให้ท่านเศรษฐี และครอบครัว ยกเลิกการเป็นผู้เฝ้าดูแลทำความสะอาดพระเจดีย์ เพื่อไม่ให้ต้องมาลำบาก แต่ถึงกระนั้น ท่านเศรษฐีก็ยังเต็มใจที่จะมาปัดกวาดลานพระเจดีย์ตามปกติ เพราะรู้ว่าเป็นบุญพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง

เมื่อเศรษฐีละโลกไปแล้วได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติยาวนานถึง ๑ พุทธันดร ครั้นมาถึงสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านเศรษฐีพร้อมทั้งครอบครัวได้มาเกิดร่วมกันอีก เพราะเคยสั่งสมบุญมาร่วมกัน ทั้งหมดมีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธองค์ จนมีดวงตาเห็นธรรม ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันกันหมดทุกคน

เราจะเห็นได้ว่า บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนแท้ในทุกหนทุกแห่ง บุญจะติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ มหาทานบารมีที่เราได้ทุ่มเททำ จะกลั่นเป็นดวงบุญที่สุกใสสว่าง ติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรา และจะคอยหล่อเลี้ยงให้เราได้ประสบความสุข และความสำเร็จในชีวิต สมบัติทั้งหลายในเมืองมนุษย์ คือรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จะบังเกิดขึ้นกับเรา ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี่เอง แม้ละโลกไปแล้ว ก็จะจากไปอย่างผู้มีชัยชนะ ไปเสวยทิพยสมบัติครองความเป็นใหญ่ในเทวโลก จะสมบูรณ์ด้วยสมบัติอันเป็นทิพย์ทุกอย่าง กระทั่งบารมีเต็มเปี่ยม นิพพานสมบัติจะเกิดขึ้น สมบัติทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยบุญอย่างเดียวเท่านั้น

* มก. เล่ม ๔๒ หน้า ๓๖

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/14346
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *