เส้นทางจอมปราชญ์ (๑) พระนาคเสนกับพระยามิลินท์
กิเลส กรรม วิบาก คือการเวียนวนของวัฏจักรชีวิต ตราบใดที่บุญบารมีของเรายังไม่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เราก็ต้องผจญกับกิเลส มีกรรม และวิบากเป็นผลกันต่อไป หนทางของชีวิตจะยืดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้เบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร หากเกิดมาแล้วไม่มีเป้าหมาย ชีวิตก็จะยิ่งไม่ปลอดภัย ดังนั้น การมีเป้าหมายชัดเจนว่า เราเกิดมาสร้างบารมี จึงเป็นเหมือนเกราะแก้วที่ป้องกันภัยให้กับเรา เมื่อเรามีคำนี้อยู่ในใจตลอดเวลา วิกฤติทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะเป็นโอกาสแห่งการสร้างบารมี ทุกลมหายใจเข้าออกของเราจะมีคุณค่า วันเวลาที่ผ่านไปจะมีแต่บุญกุศล เราจะมีความสุขสมหวังในชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน นิธิกัณฑสูตร ความว่า
“เอส เทวมนุสฺสานํ สพฺพกามทโท นิธิ
ยํ ยํ เทวาภิปฏฺฺเฐนฺติ สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
ขุมทรัพย์คือบุญนั้น สามารถให้สมบัติที่น่าใคร่ทุกอย่างได้ มนุษย์และเทวดาทั้งหลายปรารถนาผลใด ผลทั้งปวงย่อมได้ด้วยบุญนิธินั้น”
อานุภาพของบุญนั้นไม่มีประมาณ สิ่งที่ปุถุชนคนธรรมดาคิดว่าเป็นสิ่งที่เหลือวิสัย แต่สำหรับผู้มีบุญแล้วในใจคิดอยู่อย่างเดียวว่า เป็นไปได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าบุญเรามากพอ และใจเราต้องการให้เป็นอย่างนั้น เหมือนพระบรมโพธิสัตว์ในอดีต ที่ท่านดำรงมั่นอยู่ในการสั่งสมคุณงามความดี ทำให้พลิกผันชีวิตจากปุถุชนคนธรรมดา มาเป็นพระบรมศาสดาของเราได้ หรือเหล่าพระอริยสาวก ล้วนสมปรารถนาดังตั้งใจไว้ ก็ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลที่ไม่มีประมาณ ดังนั้นทุกคนอย่าดูเบาในบุญแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อเรา ทุ่มเทใจทำด้วยจิตใจผ่องใส ผลแห่งบุญนั้นมีผลไม่น้อย ดังเช่น เส้นทางของสองจอมปราชญ์ในพระพุทธศาสนา ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงภูมิปัญญามหาศาล
หลังพุทธปรินิพพานประมาณ ๕๐๐ ปี สองจอมปราชญ์นี้ ได้ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตในพระพุทธศาสนา แต่ทางมาแห่งมหาปัญญาที่เกิดกับท่านนั้น เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ในอานุภาพของบุญอย่างยิ่ง เพราะว่าท่านได้สร้างบุญไว้ในพระพุทธศาสนาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผลแห่งบุญเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ บุคคลสองท่านนี้คือ พระนาคเสน กับ พระยามิลินท์ พระนาคเสนเป็นพระภิกษุผู้เรืองปัญญา พระยามิลินท์ก็เป็นพระราชาเจ้าปัญญาเช่นกัน ท่านทั้งสองเคยมีอดีตร่วมกัน
* ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ครั้งนั้น มีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งท่านเป็นผู้ที่มีศีลาจารวัตรงดงาม ตอนเช้าท่านจะลุกขึ้นมากวาดลานวิหาร ลานเจดีย์ และที่พักสงฆ์ กวาดไปใจท่านก็ตรึกระลึกนึกถึงพระพุทธคุณ ในใจมีแต่พระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ กวาดเสร็จรวมหยากเยื่อไว้เป็นกอง เรียกสามเณรลูกศิษย์ของตัวเอง ให้สามเณรช่วยนำเอาขยะที่ท่านกวาดกองไว้ไปทิ้ง
สามเณรเองเนื่องจากยังเป็นเด็ก ก็ซุกซนบ้างเป็นธรรมดา ได้ยินเสียงพระอาจารย์เรียกอย่างนั้นทำเป็นไม่ได้ยิน ยังนิ่งเฉยไม่กระตือรือร้นขวนขวายทำตามคำสั่งของพระอาจารย์ แม้เรียกถึง ๓ ครั้ง สามเณรก็ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ท่านเกรงว่าสามเณรลูกศิษย์ จะพลาดจากการได้บุญกุศลจึงเอาไม้ตีพร้อมดุว่า ทำไมจึงว่ายากนักหนา สามเณรถูกไม้เรียวก็ร้องไห้ วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ขนเอาหยากเยื่อที่พระอาจารย์กวาดรวมกันไว้ไปทิ้ง มือสองข้างกอบขยะทั้งๆ ที่น้ำตาอาบแก้ม แต่สามเณรนี้เป็นผู้มีปัญญา ไม่ดูถูกว่าบุญนั้นเพียงเล็กน้อย ครั้นขนกองหยากเยื่อจากลานพระเจดีย์ไปทิ้งแล้ว เกิดความปีติในบุญที่ตัวเองได้ทำ จึงตั้งความปรารถนาในใจอย่างแรงกล้าว่า
ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้ากอบเอาหยากเยื่อออกจากลานพระเจดีย์ ทำพระเจดีย์ให้สะอาดดูน่าเลื่อมใสนี้ ไม่ว่าตัวข้าพเจ้าจะไปเกิดในภพภูมิใดๆ ขอให้ข้าพเจ้ามีเดชมีอานุภาพแผ่ไพศาล ดุจแสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน จนกว่าจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ดูนะเด็กอายุไม่กี่ขวบ แต่รู้จักคิด รู้จักอธิษฐาน เห็นดวงอาทิตย์ยังสามารถเอามาเป็นเหตุแห่งการอธิษฐานได้ ไม่ธรรมดา หลังจากอธิษฐานแล้ว ลงสรงน้ำในแม่น้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด ดำผุดดำว่ายอยู่กลางแม่น้ำที่เป็นระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่า เห็นและเกิดปัญญา ปรารถนาจะมีปัญญาที่เฉลียวฉลาดไม่รู้สิ้นสุดเหมือนคลื่นในแม่น้ำ แล้วสามเณรน้อยก็ยกมือขึ้นจบศีรษะ ตั้งความปรารถนาย้ำลงไปอีกว่า
ด้วยบุญกุศลที่ตัวของข้าพเจ้านี้ทำตามคำของพระอาจารย์ ตัวท่านเองปรารถนาให้ตัวของลูกศิษย์ได้ดี จึงบังคับให้ทำบุญกุศล บุญเกิดมากมายเพียงไรก็ตาม ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีปัญญา เหมือนกระแสคลื่นในแม่น้ำที่ไม่รู้จักหมดจักสิ้น จนกว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพาน
ในขณะเดียวกันนั้น ฝ่ายพระภิกษุที่เป็นอาจารย์ หลังจากที่เอาไม้กวาดเก็บเข้าที่เรียบร้อยก็เดินมายังท่าน้ำ เพื่อจะสรงน้ำชำระร่างกาย ได้ยินคำที่สามเณรอธิษฐาน จึงฉุกใจคิดว่า ความปรารถนาของลูกศิษย์เราจะสำเร็จได้แน่นอนด้วยอำนาจแห่งบุญกุศล ตัวเราเองควรที่จะตั้งความปรารถนาไว้บ้าง จึงพนมมือขึ้นระลึกถึงบุญกุศลที่ทำไป ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าข้าพเจ้ายังไม่บรรลุความสิ้นไปแห่งกิเลสอาสวะตราบใด จะไปเกิดในภพใดก็ดี สามเณรขอมีปัญญาเหมือนสายน้ำในท้องนที ข้าพเจ้านี้ขอให้มีปัญญาเหมือนฝั่งแห่งสมุทร แม้สามเณรไปเกิดพบปะกับข้าพเจ้าในภพชาติใดๆ จะไต่ถามปัญหายากแค้นแสนเข็ญเพียงไหน ก็ขอให้ข้าพเจ้าแก้ปัญหานั้นได้ทุกถ้อยกระทงความ ด้วยอานิสงส์ที่ข้าพเจ้ากวาด และใช้สามเณรให้เอาหยากเยื่อเททิ้งนอกลานพระเจดีย์ในครั้งนี้
พระอาจารย์กับลูกศิษย์ได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมนุษย์และสวรรค์ถึงหนึ่งพุทธันดร ครั้นล่วงเลยมาถึงยุคของพวกเรา ขณะที่สมเด็จพระบรมศาสดาจะเสด็จเข้าสู่อายตนนิพพาน ได้ตรัสพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อตถาคตปรินิพพานล่วงไป ๕๐๐ ปี จะมีพระภิกษุองค์หนึ่งชื่อว่า นาคเสน จะมาแก้ปัญหาของพระยามิลินท์ผู้ทรงภูมิปัญญาอย่างไม่มีประมาณ
ครั้นพระศาสนาล่วงมาตามพุทธทำนาย ฝ่ายสามเณรนั้นได้บังเกิดเป็นบรมกษัตริย์พระนามว่า พระยามิลินท์ ครองราชย์อยู่ในเมืองสาคละ มีปัญญาเฉลียวฉลาดด้วยอานุภาพของบุญในครั้งนั้น แตกฉานในศาสตร์ทุกๆ ศาสตร์ ศึกษาหลักธรรมก็รู้รอบรู้ลึก พระยามิลินท์นั้นมีไหวพริบปฏิภาณปรากฏขจรขจายไปทุกเขตคาม ไม่มีผู้ใดเปรียบเทียบได้ ทรงภูมิปัญญากว่าชนทั้งปวงในชมพูทวีป ท่านจะประกอบด้วยบุญ ๓ อย่าง คือ ๑ ประกอบด้วยไหวพริบปฏิภาณ ๒ ประกอบด้วยกำลังรี้พลพหลโยธิน และสุดท้ายประกอบด้วยโภคอิสริยสมบัติเป็นอันมาก
สิ่งเหล่านี้บังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพบุญที่เอาขยะไปทิ้ง เมื่อเรานึกถึงบุญแล้วอธิษฐาน บุญหนุนนำชีวิตของพระยามิลินท์ จากสามเณรจอมซุกซน กลายมาเป็นจอมปราชญ์ที่ชาวโลกครั่นคร้าม วันดีคืนดี ก็เสด็จไปไต่ถามปัญหากับครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ยกตัวอย่าง เช่น วันหนึ่งท่านเสด็จไปถามพระภิกษุว่า “มหาปฐพีนี้รองรับสัตว์โลกไว้ แล้วเหตุใดจึงให้สัตว์โลกไปตกนรกอเวจี ทำไมมหาปฐพีจึงรองรับไม่ได้” คนโดนถามนี่อึ้งไปเลย ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ใครได้ยินชื่อก็ไม่ปรารถนาจะพบหน้า ต่างหลบหน้าหลบตา ทำให้เมืองของท่านว่างเปล่าจากเหล่าผู้รู้ถึง ๑๒ ปี ในที่สุดไม่มีนักปราชญ์อยู่ให้ถามปัญหา พระอรหันต์จึงต้องไปเชิญมหาเสนเทวบุตรลงมาเกิด เพื่อที่จะมาปกป้องหมู่พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจากวาทะของพระยามิลินท์
นาคเสนเทพบุตรลงมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในตระกูลพราหมณ์ กว่าจะออกบวชได้ยากเย็นแสนเข็ญ เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยอานุภาพของความเพียรของพระอรหันต์ท่านจึงสามารถนำนาคเสนกุมารออกบวชได้ เมื่อออกบวชเท่านั้น ก็ฉายแววของจอมปราชญ์ทันที ครูบาอาจารย์สอนอะไร นาคเสนสามเณรรู้แจ้งแทงตลอดหมดในศาสตร์ทุกศาสตร์ ธรรมะทุกบททุกตอน ทรงจำได้หมด ด้วยอานุภาพของบุญที่สร้างไว้ในอดีต หนทางของสองจอมปราชญ์มาพบเจอกัน ทำให้เกิดตำนานอันเป็นอมตะในวงการพระพุทธศาสนา ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร หลวงพ่อจะทยอยนำมาเล่าให้พวกเราฟังเป็นตอนๆ ไป
เรื่องของบุญนั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของเรา บุญที่เราทำ กรรมที่เราสร้าง เป็นเหมือนเงาตามตัวเราไปทุกหนทุกแห่ง เวลาทำบุญอะไรก็ตาม ให้รู้จักอธิษฐาน อย่างนี้เรียกว่าหาบุญได้ใช้บุญเป็น แล้วเอาบุญนี้ทำบุญต่อบุญยิ่งๆ ขึ้นไป ชีวิตเราจะได้ประสบแต่ความสุขความสำเร็จสมหวัง จะอธิษฐานอะไรก็ตาม อย่าลืมอธิษฐานให้เข้าถึงพระธรรมกาย ให้ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายไปทุกภพทุกชาติ จะได้รู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องราวของตัวเราเอง ทำอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไป แล้วพวกเราทุกคนจะสมหวังในชีวิตอย่างแน่นอน
* มิลินทปัญหา (ฉบับแปลโดย ปุ้ย แสงฉาย)
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/14362
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๑
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน