วิธีทำบุญให้ถูกหลักวิชชา (ญาติของนายเสมียนกว่าจะพ้นจากอัตภาพเปรต)

วิธีทำบุญให้ถูกหลักวิชชา (ญาติของนายเสมียนกว่าจะพ้นจากอัตภาพเปรต)

จุดประสงค์ของชีวิต คือ เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง มิใช่เพื่อมาทำอย่างอื่น ใครทำความดีก็มีความสุขเป็นผลทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ส่วนผู้ที่ทำบาปอกุศลไว้ ย่อมได้รับผลกรรม เสวยวิบากกรรมทุกข์ทรมาน บุญกุศลที่ทำไว้ไม่ได้หนีหายไปไหน จะติดตามตัวเราไปเหมือนเงาตามตัว บาปกรรมที่ทำไว้เปรียบเสมือนล้อเกวียน ที่หมุนตามบดขยี้รอยเท้าโค ไม่มีผู้ใดหลีกพ้นบาปกรรมที่ทำไว้ได้ พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้ละชั่ว และทำความดีด้วยกายวาจาใจ อีกทั้งทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ ให้ใจใสสะอาดบริสุทธิ์ จะได้พบที่พึ่งที่ระลึกภายใน คือ พระรัตนตรัย นั่นเอง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ติโรกุฑฑสูตร ความว่า

“อทาสิ เม อกาสิ เม ญาติ มิตฺตา สขา จ เม
เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ

กุลบุตรเมื่อหวนระลึกถึงอุปการคุณที่ท่านทำแล้วในกาลก่อนว่า คนโน้นได้ให้สิ่งของแก่เราแล้ว คนโน้นได้ทำอุปการคุณแก่เราแล้ว ญาติมิตร และสหายได้ให้สิ่งของแก่เรา และได้ช่วยทำกิจของเรา ดังนี้ พึงให้ทักษิณาทานแก่เปรตทั้งหลาย”

ทักษิณาทาน หมายถึง การทำบุญด้วยวัตถุสิ่งของแด่ภิกษุสงฆ์ แล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่หมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้วายชนม์ต้องการมากที่สุด เพราะบุญนั้นจะตามส่งผลให้หมู่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว แม้ตกไปในอบาย หากมีบุญมากก็สามารถส่งผลให้หลุดพ้นจากความทุกข์ในอบายได้ หรือหากบังเกิดในสุคติภูมิอยู่แล้ว ย่อมมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป ญาติเหล่านั้นย่อมได้เป็นเจ้าของสมบัติใหญ่ที่เราอุทิศไปให้

การทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลแก่บุคคลผู้ละโลกไปแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของผู้ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่า ญาติของเราเคยประมาทพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศลใดไว้บ้าง ดวงบุญในตัวที่จะส่งผลให้พวกญาติได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามีมากน้อยเพียงไรเช่นกัน ฉะนั้น เพื่อความมั่นใจในการเดินทางไปสู่สัมปรายภพของหมู่ญาติ หรือเมื่อนึกถึงคุณความดีของท่านเหล่านั้น เราจึงควรหาโอกาสทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับหมู่ญาติของเรา

* มีเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ในกัปที่ ๙๒ แต่ภัทรกัปนี้ มีพระโอรส ๓ พระองค์ซึ่งเป็นพี่น้องกัน มีความศรัทธาเลื่อมใส อยากทำบุญใหญ่ด้วยการถวายสังฆทานตลอด ๓ เดือน แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ผุสสะ พร้อมด้วยพระอรหันตสาวก เนื่องจากอยากได้บุญมาก คือ ผู้ให้ก็บริสุทธิ์ ผู้รับก็บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ทั้งทายกและปฏิคาหก ทั้งสามพี่น้องจึงมอบหมายให้ขุนคลังเป็นผู้ดูแลการเบิกจ่ายเงินในการสร้างมหาทานบารมี ส่วนพระโอรสพากันนุ่งขาวห่มขาวสมาทานศีล ๘ พร้อมด้วยบุรุษ ๒,๕๐๐ คน ได้ร่วมกันอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระภิกษุสงฆ์โดยความเคารพ

นายเสมียนเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดแจงมหาทานด้วยความเคารพ เขาได้ชวนหมู่ญาติในชนบท พร้อมด้วยชาวบ้าน ๑๑,๐๐๐ คน มาช่วยกันทำอาหาร แต่เนื่องจากหมู่ญาติและชาวบ้านบางกลุ่มไม่ได้มาด้วยจิตศรัทธา ดังนั้นบางคนทำอาหารไปก็แอบกินของพระไปด้วย หรือเก็บตุนอาหารที่ดีกลับไปกินที่บ้านบ้าง ส่วนผู้มีศรัทธาต่างตั้งใจถวายทานด้วยความเลื่อมใสยิ่งนัก

เมื่อละโลก พระโอรสทั้งสาม นายเสมียน และหมู่ญาติผู้ถวายทานด้วยความเคารพ ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติอยู่เป็นเวลายาวนาน ส่วนผู้ที่ไม่เคารพในทาน ขโมยของที่จะถวายพระ ได้ไปบังเกิดเป็นสัตว์นรก เสวยความทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนานเช่นกัน ครั้นมาในภัทรกัปนี้ เริ่มตั้งแต่ในสมัยของพระกกุสันธพุทธเจ้า หมู่ญาติของนายเสมียนได้พ้นจากสัตว์นรก มาเกิดเป็นเปรตผู้หิวโหย

เปรตญาติของนายเสมียนอยากพ้นจากอัตภาพนั้น จึงพากันไปเข้าเฝ้า พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทูลถามว่า “เมื่อไรจะพ้นจากอัตภาพเปรตนี้เสียที” พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ท่านยังไม่พ้นในยุคนี้หรอก แต่ในอนาคตเมื่อแผ่นดินนี้หนาขึ้น ๑ โยชน์ จักมี พระโกนาคมนพุทธเจ้า เสด็จอุบัติขึ้น ให้พวกท่านไปถามพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นเถิด” พวกเปรตได้ฟังแล้วก็ปีติดีใจ รอคอยด้วยความหวัง ระคนกับความทุกข์ทรมาน ตั้งหน้าตั้งตารอคอยไปอีก ๑ พุทธันดร

เมื่อแผ่นดินหนาขึ้น ๑ โยชน์ พระโกนาคมนพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้น พวกเปรตก็พากันเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ต่างได้รับคำตอบว่า “ให้รอไปก่อน เมื่อใดแผ่นดินนี้หนาขึ้น ๑ โยชน์ ให้ไปถามพระกัสสปพุทธเจ้า” เปรตต้องอดทนรอไปอีก ๑ พุทธันดร ครั้นมาในยุคของ พระกัสสปพุทธเจ้า เปรตได้รับพยากรณ์ว่า “ให้รอไปอีก ๑ พุทธันดร ญาติของท่านซึ่งเคยทำบุญร่วมกันมาในกัปที่ ๙๒ แต่ภัทรกัปนี้ จะจุติจากสวรรค์มาเป็นพระราชาพระนามว่า พิมพิสาร เมื่อพระราชาทำบุญแล้ว จะอุทิศส่วนกุศลแก่พวกท่าน” พวกเปรตได้ยินพุทธพยากรณ์เช่นนั้นก็ดีใจ เสมือนจะได้พ้นจากความทุกข์ทรมานในวันรุ่งขึ้น ฉะนั้น

ครั้น ๑ พุทธันดรผ่านไป พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทรงอุบัติขึ้นในโลก ราชโอรสทั้ง ๓ พร้อมด้วยบุรุษ ๒ , ๕ ๐๐ คน ได้จุติจากเทวโลกมาเกิดในสกุลพราหมณ์ในแคว้นมคธรัฐ และได้พากันบวชเป็นฤๅษีเป็นชฏิล ๓ พี่น้อง ฝ่ายนายเสมียนได้เป็นพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อพระราชาได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ทรงมีดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ๑๑,๐๐๐ คน ทรงมีกุศลศรัทธาแรงกล้า และได้ถวายวิหารเวฬุวันแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือว่าเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา

พวกเปรตพากันมายืนล้อมด้วยหวังว่า พระราชาจะอุทิศส่วนบุญให้ แต่พระราชาก็ไม่ได้อุทิศส่วนบุญ เมื่อพวกเปรตไม่ได้รับบุญ รู้สึกสิ้นหวัง ตกกลางคืนจึงพากันส่งเสียงร้องคร่ำครวญน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง พระราชาทรงตกพระทัยในเสียงโหยหวนน่าขนพองสยองเกล้าเช่นนั้น รุ่งเช้าพระองค์รีบเสด็จไปกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว พระองค์จึงถวายทานพร้อมกับอุทิศส่วนกุศลไปให้เปรตผู้เคยเป็นญาติทั้งหลายเหล่านั้น

ทันทีที่กล่าวคำอุทิศส่วนกุศล สระโบกขรณีอันดารดาษด้วยดอกบัวได้บังเกิดขึ้นแก่พวกเปรต เปรตพากันอาบและดื่มน้ำในสระโบกขรณีนั้น เพื่อระงับความหิวกระหาย และได้กลับกลายเป็นผู้มีกายงดงามดั่งทองคำ นอกจากนั้นของขบเคี้ยวของบริโภค และเสื้อผ้าอาภรณ์ที่พระองค์ทรงอุทิศให้ ก็กลายเป็นทิพยสมบัติบังเกิดขึ้นมากมาย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลให้พระราชาเห็นเปรตด้วยตาเนื้อ อีกทั้งเห็นทิพยวิมาน และทิพยสมบัติมากมายของหมู่ญาติ ทำให้พระองค์ทรงปลื้มปีติมาก

พระบรมศาสดาได้ตรัสสอนว่า ในเปตวิสัย ไม่มีกสิกรรม ไม่มีการทำมาค้าขาย การซื้อการขายด้วยเงินตราก็ไม่มี หมู่สัตว์ผู้ทำกาละไปบังเกิดในเปตวิสัยแล้ว ย่อมยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยทานที่ทายกให้แล้วอุทิศให้จากมนุษยโลก เหมือนน้ำฝนตกลงในที่ดอนย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม ฉันใด ทานที่หมู่ญาติมิตรให้แล้วจากมนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่เปรตทั้งหลาย ฉันนั้น

ฉะนั้น เมื่อเราหวนระลึกถึงอุปการคุณของผู้มีพระคุณ หรือบรรพบุรุษของเราที่เคยทำความดีกับเรา ก็ควรทำทักษิณาทาน อุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเหล่านั้น เพราะบุญเท่านั้นเป็นสิ่งที่หมู่ญาติผู้ล่วงลับต้องการมากที่สุด และเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ส่วนการร้องไห้ เศร้าโศก พิไรรำพัน อาลัยอาวรณ์ ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดแก่ผู้ล่วงลับ ญาติเหล่านั้นจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อ เราได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่านั้น ด้วยการทำทานก็ดี รักษาศีลหรือเจริญภาวนาก็ดี แล้วแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ จึงจะเป็นเสบียงสำคัญในการเดินทางในวัฏสงสารได้สะดวกสบายขึ้น เมื่อรู้จักหลักวิชชาเช่นนี้แล้ว ให้ทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้หมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย

* มก. เล่ม ๓๙ หน้า ๒๗๖

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/15016
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “วิธีทำบุญให้ถูกหลักวิชชา (ญาติของนายเสมียนกว่าจะพ้นจากอัตภาพเปรต)”

  1. ✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *