วิธีทำตนให้คนอื่นรัก (เด็กๆ ถวายขนมแก่พระมหากัสสปเถระ)
การประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตัวเราเองและมวลมนุษยชาติ หากผู้ใดรู้วิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องสมบูรณ์ และมีความเพียรอย่างสม่ำเสมอ คุณธรรมที่ดีงามต่างๆ จะเพิ่มพูนขึ้นในใจ บุคคลนั้นจะเป็นผู้มีธรรมะเป็นอาภรณ์ เป็นที่รักของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย อีกทั้งเป็นบุคคลผู้ทรงคุณค่า ธรรมะจะเป็นที่พึ่งของเราได้ตลอดเวลา แม้คนอื่นก็เคารพเลื่อมใส ดังนั้น ธรรมะจึงเป็นอาภรณ์ประดับกายที่อมตะมั่นคงที่สุด ที่จะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ ขอให้หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้ดี เราจะได้เป็นเจ้าของสมบัติอันล้ำค่านี้กันทุกคน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน คาถาธรรมบท ว่า
“สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ ธมฺมฏฺฐํ สจฺจวาทินํ
อตฺตโน กมฺมกุพฺพานํ ตํ ชโน กุรุเต ปิยํ
ชนย่อมกระทำบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและทัสสนะ ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ผู้พูดคำจริงเป็นปกติ ผู้ทำงานอันเป็นหน้าที่ของตน ให้เป็นที่รัก”
คนที่จะเป็นที่รัก หรือต้องการให้บุคคลอื่นรักและเคารพด้วยความจริงใจนั้น ต้องมีคุณธรรมอย่างน้อย ๕ ประการข้างต้น คือ ต้องมีศีล มีญาณทัสสนะ ตั้งอยู่ในธรรม พูดคำสัตย์จริงเป็นปกติ และทำงานที่เป็นหน้าที่ของตน
คำว่าศีลนั้นโดยความหมาย คือ ภาวะความเป็นปกติของมนุษย์ทุกคน ผู้มีศีล คือ ผู้ที่ประพฤติสุจริตทางกายและวาจา อย่างน้อยต้องเป็นผู้มีศีล ๕ เป็นปกติ ถ้าเป็นสามเณรก็มีศีล ๑๐ เป็นพระภิกษุต้องรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ไม่ให้ด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว และควรทำศีลนั้นให้เจริญยิ่งขึ้นไป ให้เป็น “อธิศีล ” ซึ่งแปลว่า ศีลอันยิ่ง เป็นศีลที่เห็น ไม่ใช่ศีลที่สักแต่ว่ารู้จักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เราจะเห็นดวงศีลได้ต้องหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรม จนกระทั่งใจหยุดนิ่งถูกส่วนตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ทำใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อใจถูกส่วนจะเห็นดวงธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ หยุดต่อไปตรงกลางดวงธรรมนั้น จะเห็นดวงศีลผุดซ้อนขึ้นมา เป็นดวงใสบริสุทธิ์ เป็นศีลเห็น คือ เห็นเป็นดวงเกิดขึ้นมา ถ้าศีลนั้นบริสุทธิ์ก็เห็นว่าบริสุทธิ์ ศีลไม่บริสุทธิ์ก็เห็นว่าไม่บริสุทธิ์ ใสสว่างหรือมัวหมองเพียงไหนก็เห็นได้ด้วยใจของเราเอง
ถ้าเราประพฤติปฏิบัติได้จนถึงอธิศีล เห็นเป็นดวงใสแจ่มอยู่ตลอดเวลา จะมีแต่ความสุขกายสุขใจ ไม่ต้องฝืนใจหรือพยายามข่มใจ รักษาศีลอย่างมีความสุขไม่เคร่งเครียด มีหน้าตาชื่นบาน ผิวพรรณวรรณะผ่องใส ใครพบเห็นก็อยากเข้าใกล้ นี่เป็นคุณสมบัติประการแรก ที่ทำให้เป็นที่รักของมนุษย์และเทวา
คุณสมบัติประการที่ ๒ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ คือ มีความเห็นถูกต้อง ตรงไปตามความเป็นจริงของธรรมทั้งหลายทั้งปวง เบื้องต้นจะต้องมีสัมมาทิฏฐิ คือ เห็นว่า การบูชามีผลจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว โลกนี้มี โลกหน้ามี เช่นนี้เป็นต้น โดยความหมายเบื้องสูงในทางปฏิบัตินั้น หมายถึงสัมมาทิฏฐิในอริยมรรค อันหมายถึงปัญญารู้เห็นอริยสัจ ๔ ต้องหยุดใจให้สนิท จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย จึงจะรู้ชัดเห็นชัด รู้แจ้งด้วยญาณทัสสนะ เห็นแจ้งด้วยธรรมจักษุของธรรมกาย ทำได้เช่นนี้จึงจะเรียกว่าเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ เพราะเห็นได้รอบตัว เห็นทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคตในเวลาเดียวกัน
คุณสมบัติประการที่ ๓ คือ ตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย อย่างน้อยมีกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ ในที่นี้ท่านหมายถึง ตั้งอยู่ในโลกุตรธรรม ๙ คือ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ โดยนำใจของเรามาตั้งอยู่ในกลางธรรมกาย มาหยุดอยู่ในกลางนี้ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ยืน เดิน นั่ง นอน เราจะมีความสุขอยู่ในธรรมตลอดเวลา หน้าตาผ่องใส น่าเข้าใกล้น่าเลื่อมใสยิ่งนัก
คุณสมบัติประการที่ ๔ คือ พูดคำจริงเป็นปกติ ไม่พูดให้คลาดเคลื่อนจากธรรม จากความเป็นจริง ความถูกต้องดีงาม คนพูดความจริงเป็นปกตินี้ จะเป็นที่รักที่นับถือ ที่เคารพและยำเกรงของทุกๆ คน จะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องระแวงระวังว่า ใครจะมาจับผิด ไม่ต้องเสียเวลาจำเรื่องที่โกหก จะมีแต่เรื่องดี ๆ ในใจเสมอ
คุณสมบัติประการสุดท้าย คือ การทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ด้วยการทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับตนเองและชาวโลก เป็นผู้นำยอดนักสร้างบารมี นำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงสันติสุขภายใน และพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ต้องทำเช่นนี้จึงจะได้ชื่อว่า ทำหน้าที่ของตนได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
คนที่พร้อมด้วยคุณสมบัติ ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของทุกคน เช่นเดียวกับคุณสมบัติของพระมหากัสสปเถระ เรื่องมีอยู่ว่า
* วันหนึ่ง พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จำนวน ๕๐๐ รูป และพระอสีติมหาเถระ เสด็จไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ พระพุทธองค์ทอดพระเนตรเห็นเด็กประมาณ ๕๐๐ คน ถือขนมออกจากเมืองไปยังสวนแห่งหนึ่ง เพื่อขายในงานมหรสพ เด็กๆ เห็นพระศาสดา จึงถวายบังคมแล้วเดินจากไป มิได้ถวายขนมแด่พระพุทธองค์หรือภิกษุสงฆ์แต่อย่างใด พระบรมศาสดาตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอต้องการฉันขนมไหม” “ขนมที่ไหน พระเจ้าข้า” พวกภิกษุทูลถาม
พระบรมศาสดาตรัสว่า “เธอทั้งหลายไม่เห็นพวกเด็กที่ถือกระเช้าขนมเดินผ่านไปหรือ” พวกภิกษุกราบทูลว่า “เห็นพระเจ้าข้า แต่พวกเด็กเหล่านั้นคงไม่ถวายขนมให้ใครๆ หรอก พระเจ้าข้า” พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย แม้เด็กเหล่านั้นไม่นิมนต์เราหรือพวกเธอให้รับขนมก็ตาม แต่ภิกษุผู้เป็นเจ้าของขนม กำลังเดินตามพวกเธออยู่ด้านหลัง พวกเธอรอฉันขนมก่อนแล้วจึงไป”
ขณะที่พวกเด็กๆ ยืนหลีกทางให้พระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป เดินผ่านไปนั้น พวกเขาเห็นพระมหากัสสปเถระ กำลังเดินตามมาข้างหลัง เด็กเหล่านั้นเกิดความเคารพในตัวท่านมาก ต่างรีบวางกระเช้าลง กราบพระเถระด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วกราบนิมนต์ท่านรับขนม พระเถระพูดว่า “พระศาสดาพาพระภิกษุสงฆ์ประทับนั่งอยู่ที่ใต้โคนไม้ พวกเธอจงนำไปถวายพระศาสดา แล้วแบ่งถวายแด่พระภิกษุสงฆ์เถอะ” พวกเด็กๆ ต่างรับคำท่าน พากันเดินถือกระเช้าขนมไปพร้อมกับพระเถระ พวกเขาถวายขนมแล้วยืนมองดูอยู่ ณ ที่สมควร เพื่ออุปัฏฐากรับใช้ หลังจากพระภิกษุสงฆ์ฉันแล้ว จึงพากันกราบลาไปพร้อมๆ กัน
เมื่อเด็กเหล่านั้นจากไปไม่นาน ภิกษุทั้งหลายต่างโจษจันกันว่า “พวกเด็กเหล่านี้พากันถวายขนม เพราะเห็นแก่หน้าพระมหากัสสปะ ไม่ต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระมหาเถระทั้งหลายเลย” พระบรมศาสดาตรัสชี้แจงว่า “ภิกษุทั้งหลาย มหากัสสปะผู้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ด้วยญาณทัสสนะ ตั้งอยู่ในธรรม พูดคำจริงเป็นปกติ มีการงานอันเป็นหน้าที่ของตนสมบูรณ์แล้ว ย่อมเป็นที่รักของเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้มีบุญทั้งหลายย่อมทำการบูชาเธอด้วยปัจจัยสี่โดยเคารพ”
เราจะเห็นว่า ผู้มีคุณธรรมย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวา ผู้มีศีลมีวัตรบริบูรณ์ย่อมเป็นที่สรรเสริญของบัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย ศีลเป็นเบื้องต้นของคุณธรรมทั้งปวง หากบุคคลใดตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ภารกิจการงาน ชำระกายวาจาใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว ตัวเราเองก็ติเตียนตนเองไม่ได้ ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วย่อมสรรเสริญ ไม่ว่าจะย่ำเท้าย่างกรายไป ณ แห่งหนตำบลใด ย่อมไม่เก้อเขิน จะองอาจไม่หวั่นไหวไม่พรั่นพรึงต่ออันตรายทั้งปวง สุขภาพร่างกายย่อมสมบูรณ์แข็งแรง ผิวพรรณวรรณะก็ผ่องใส เป็นที่รักที่เคารพยิ่งของเหล่ามนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกท่านพึงตั้งใจรักษาศีล หมั่นชำระกายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ให้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ด้วยญาณทัสสนะ เป็นผู้มีใจตั้งมั่นอยู่ในธรรม เป็นคนพูดคำจริง ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ หมั่นเจริญสมาธิภาวนาทุกวัน อานิสงส์นี้จะส่งผลให้เรามีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง สามารถสร้างบารมีได้เต็มอิ่มเต็มกำลัง จะมีผิวพรรณวรรณะที่ผ่องใส เป็นที่รักของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย มีคุณธรรมเพียบพร้อมบริบูรณ์ทั้งภายนอกและภายใน เราจะเป็นผู้มีความสุขอยู่ในธรรมตลอดเวลา มีความสุขทุกอิริยาบถกันทุกๆ คน
* มก. เล่ม ๔๒ หน้า ๔๑๓
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/15064
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน
✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧🫧