เป็นเทพก็ต้องทำบุญ (การแสวงหาบุญของชาวสวรรค์บนเทวโลก)
จิตใจของเรานี้จำเป็นต้องชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการสวดมนต์เจริญภาวนา เหมือนกับร่างกายที่เราใช้ในการประกอบภารกิจการงานอยู่ทุกวัน ยังมีความจำเป็นจะต้องชำระล้างให้สะอาดด้วยน้ำที่สะอาด พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสั่งสอนให้พุทธบริษัทเจริญภาวนาอยู่ในหนทางสายกลาง ให้เราเห็นความสำคัญของการฝึกฝนใจว่า ใจที่ผ่องใสย่อมเป็นเหตุนำสุขมาให้ ใจผ่องใสเป็นทางมาแห่งมหากุศล เป็นเครื่องนำสัตว์โลกทั้งหลายไปสู่สุคติภูมิ และนำทุกชีวิตไปสู่เป้าหมายอันสูงสุด คือการบรรลุมรรคผลนิพพาน ดังนั้นวันเวลาที่ผ่านไป เราควรชำระล้างทั้งร่างกายและจิตใจ ให้สะอาดผ่องใสควบคู่กันไปพร้อมๆ กัน
* มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ทานสูตร ว่า
“ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลาย พึงรู้ผลแห่งการจำแนกทาน เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้แสวงหาคุณใหญ่ตรัสแล้ว โดยวิธีที่ผลนั้นเป็นผลใหญ่ไซร้ สัตว์ทั้งหลาย พึงกำจัดความตระหนี่ที่เป็นมลทิน มีใจผ่องใส พึงให้ทาน ทานที่ให้แล้วจะมีผลมากในพระอริยบุคคลทั้งหลายตามกาลสมควร ทายกเป็นอันมาก ครั้นให้ทักษิณาทาน ในทักขิไณยบุคคลทั้งหลายแล้ว ละจากความเป็นมนุษย์นี้แล้วย่อมไปสู่สวรรค์ ทายกผู้ไม่มีความตระหนี่เหล่านั้น ครั้นไปสู่สวรรค์แล้ว ย่อมบันเทิงอยู่ในสวรรค์เสวยผลแห่งกุศลกรรมของตัวเอง”
การให้ทานนั้นเป็นบันไดก้าวแรกของหนทางที่จะนำขึ้นสู่สวรรค์ และเป็นเสบียงใหญ่สนับสนุนเพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพาน แต่มนุษย์ในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่แล้ว มักยินดีที่จะเป็นผู้รับมากกว่าการเป็นผู้ให้ เนื่องจากมนุษย์ถูกความโลภครอบงำจิตใจ ดังนั้นการจะหาผู้ที่ยินดีในการเสียสละ รักในการบริจาคเพื่อสลัดความตระหนี่ออกจากใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เหมือนหาแหล่งน้ำกลางทะเลทราย ในหลายพันล้านคนจะมีเพียงกลุ่มคนไม่มากนัก ที่จะรู้ซึ้งถึงบุญที่เกิดจากการให้ว่า มีอานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาล สามารถอำนวยสุขในสุคติโลกสวรรค์และนิพพานได้
แม้เทวดาเองบางครั้งก็ยังประมาท คือ เมื่อได้อัตภาพอันเป็นทิพย์แล้ว บางองค์ยังเพลิดเพลินในเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ ลืมเสวยสุธาโภชน์ ทำให้ต้องจุติก่อนกำหนด บางองค์ทำบุญให้ทานไว้น้อยมาก ไม่ได้สั่งสมบุญเพื่อต่ออายุของตัวเองในสวรรค์ เมื่อถึงขีดถึงคราวบุญในตัวหมด ก็ต้องจุติจากสวรรค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะฉะนั้น การที่ท้าวสักกะทรงมีวิริยะอุตสาหะ ขวนขวายอยากทำทานเพื่อต่ออายุขัย หรือทรงเนรมิตพระมหาจุฬามณี แล้วชักชวนเหล่าเทพบุตรเทพธิดามาสักการบูชาเป็นประจำก็ดี หรือทรงวางระเบียบให้มีการสดับธรรมะที่สุธรรมาเทวสภาทุกวันพระก็ดี ที่ทรงทำไปก็เพื่อจะได้เป็นทางแห่งบุญกุศลแก่เหล่าทวยเทพทั้งหลาย รวมทั้งพระองค์เองก็จะได้บุญพิเศษเหล่านี้ด้วย พวกเราอาจจะสงสัยว่า กว่าจะมาเกิดเป็นเทวดาในดาวดึงส์นี้ได้ ก็ต้องประกอบการกุศลเอาไว้มากอยู่แล้ว ครั้นมาเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ ได้เสวยทิพยสมบัติเป็นสุขตามกำลังบุญแล้ว ยังจะต้องมาทำบุญเพิ่มอีกหรือ
อันที่จริงแล้ว เกิดเป็นเทวดาใช่ว่าจะไม่ตาย ไม่ว่าเทวดาจะอยู่สวรรค์ชั้นไหน เมื่อหมดบุญก็ต้องจุติ คือ ตายจากสวรรค์ชั้นนั้น บางองค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือแล้วแต่กำลังบุญที่เคยทำเอาไว้ในภพชาติก่อนว่า จะได้ไปเกิดเป็นอะไร ซึ่งไม่พ้นจากภพ ๓ นี้ ส่วนพวกเทวดาที่รู้คุณค่าของชีวิต ไม่เห็นแก่ความเพลิดเพลินในสุขอันเป็นทิพย์มากเกินไป ไม่ประมาท จะเร่งสร้างกุศลเพิ่มเติมเพื่อสืบต่ออายุสังขารของตัว สำหรับเทวดาที่สร้างบุญเอาไว้มาก ก็สามารถที่จะอยู่ในสวรรค์ได้นานจนกว่าจะสิ้นอายุขัยในสวรรค์ชั้นนั้นๆ
ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับมนุษย์เราในโลก คนไหนมีปัจจัยสี่มาหล่อเลี้ยงตัวเองน้อย เนื่องจากไม่มีมรดก แต่เป็นคนมีวิชาความรู้ ทั้งมีปัญญาฉลาดหลักแหลม ไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิตของตัว ต่อสู้ชีวิตคิดทำงานเพื่อเก็บสะสมเงินไว้ เหมือนพยายามหาข้าวเปลือกข้าวสารมาใส่ยุ้งฉางให้เต็มบริบูรณ์อยู่เสมอ คนเช่นนี้ ก็จะไม่อดไม่อยาก มีกินมีใช้สมบูรณ์สุขสบายในที่สุด
พวกเทวดาที่ไปอุบัติบนสวรรค์ ไปด้วยกำลังบุญมากๆ ก็มี กำลังบุญน้อยก็มี บางองค์ไปได้เพราะใจใสก่อนตาย แต่ไม่ได้ทำบุญไว้ หรือทำไว้น้อยมาก เทวดาองค์นั้นก็จะเสวยผลอันเล็กน้อยของตนไปพลาง โดยไม่รู้วันตายของตัวเองว่า ต้องจุติจากสวรรค์เมื่อไร จะรู้ก็ต่อเมื่อ ๗ วันก่อนจุติเมื่อเกิดบุพนิมิต อย่างไรก็ดี เทวดาส่วนมากมักจะหลงเพลินกับสมบัติอันเป็นทิพย์ ไม่สนใจกับความตายที่กำลังจะมาถึง
มนุษย์เราในโลกนี้ ถึงบางคนจะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่เป็นคนประมาทในชีวิต เกียจคร้านบ้าง เอาแต่นั่งกินนอนกิน การงานไม่ทำ เมื่อสมบัติหมด หรือถูกความวิบัติเข้าครอบงำ ต้องกลายเป็นคนยากจนอนาถา ทำนองเดียวกับพวกเทวดาทั้งหลายที่มีบุญมาก เสวยแต่ผลบุญเก่า ไม่ได้ต่อเติมบุญใหม่เพิ่ม ครั้นสิ้นบุญเก่าที่ทำไว้ก็จะถึงความตกต่ำ ไม่สามารถอยู่ในสวรรค์ต่อไปได้ จำเป็นต้องจุติจากเทวโลก หมดเวลาเสวยสุขอีกต่อไป
นอกจากนี้ยังมีอีกประเภทหนึ่งที่เกิดมาในโลกนี้ ไม่มีสมบัติติดตัวมา เกิดเป็นคนยากจน แทบจะกลายเป็นมหาทุคตะอยู่แล้ว ทั้งสติปัญญาที่จะสอนตัวเองก็ไม่มี มีความเกียจคร้าน ไม่มีวิริยะอุตสาหะที่จะต่อสู้ชีวิต และไม่คิดที่จะพลิกผันชีวิตตัวเองให้เจริญรุ่งเรือง เกิดมาเพียงแค่ได้ชื่อว่าเป็นคน มีชีวิตอยู่บนโลกเพียงไม่กี่ปี ก็ถูกโรคภัยคุกคามเพราะอดอาหารบ้าง หนาวตายเพราะไม่มีเสื้อกันหนาวสวมใส่บ้าง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งพวกเราคงเห็นกันอยู่เป็นประจำ เทวดาที่มีบุญน้อยก็เช่นเดียวกัน เสวยทิพยสมบัติจากผลบุญเก่า แต่ไม่ได้ขวนขวายทำบุญอื่นเพิ่ม ครั้นหมดบุญเก่าต้องจุติจากเทวโลก หมดเวลาเสวยสุขเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โลกของเรายังมีมนุษย์ที่มีใจสูงอยู่อีกมาก โดยเฉพาะนักสร้างบารมีทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ที่สมบูรณ์ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติถึงพร้อมทุกอย่าง ทั้งยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถสอนตัวเองได้ แม้เกิดมาชาตินี้ไม่ได้มีสมบัติมากมาย แต่ก็มีความวิริยะอุตสาหะเพียรพยายามในการแสวงหาทรัพย์ อีกทั้งรู้จักใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย ยิ่งหากนำทรัพย์หยาบๆ ที่หามาได้ ออกมาทำบุญด้วยการบริจาคบ้าง สร้างศาสนวัตถุบ้าง รู้จักรักษาศีลและเจริญภาวนา หมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างบารมีในทุกรูปแบบ ชีวิตก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ
ทำนองเดียวกัน หากชาวสวรรค์ผู้ไม่ประมาททำบุญต่างๆ เช่น มาสักการบูชา พระมหาจุฬามณี หรือสดับธรรมะที่ ศาลาสุธรรมา บุญจากการบูชาสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับพระรัตนตรัย หรือบุญจากการฟังธรรม ก็จะเป็นเหตุให้ได้เสวยสุขในทิพสมบัติอยู่บนสวรรค์ได้นานขึ้นไปอีก เป็นการต่ออายุขัยของตัวเองให้ยืนยาวออกไป บางทีก็ได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นไป ดังเช่น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน ท้าวชนวสภยักษ์ อดีตพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระโสดาบัน หรือสูงขึ้นไปจนถึง ท้าวสักกจอมเทพ อเนกวรรณเทพบุตร จูฬรถเทพบุตร มหารถเทพบุตร อนาถปิณฑิกโสดาบันเทพบุตร วิสาขาเทพนารี เป็นต้น รวมทั้งเทพบุตรโพธิสัตว์อีกมากมาย แต่ละท่านล้วนมีบุญญาธิการมาก ท่านจะเป็นตัวอย่างของทวยเทพที่ไม่ประมาทในการบำเพ็ญบุญ ไม่หลงระเริงในเทวโลกจนเกินไป จึงเป็นเหตุให้ท่านท่องเที่ยวอยู่ในสุคติโลกสวรรค์ได้ยาวนาน และได้เลื่อนชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเรื่องการแสวงหาบุญของชาวสวรรค์บนเทวโลก ซึ่งอยากจะชี้ให้พวกเราเห็นว่า แม้เทวดาก็ยังต้องทำบุญเหมือนกัน เมื่อมองกลับมายังโลกมนุษย์ เทวดาก็จะแสวงหาบุญกับมนุษย์ผู้สร้างความดีด้วยการอนุโมทนาบุญ และคอยปกปักรักษามนุษย์ผู้ประพฤติธรรม เป็นการเพิ่มเติมบุญของชาวสวรรค์ พวกเราทั้งหลายโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสสร้างบุญได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นอย่าประมาท ให้ใช้โอกาสนี้ ตักตวงบุญกุศลกันให้เต็มที่เต็มกำลัง บุญที่เราทำไว้ในโลกนี้แม้เป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่จะส่งผลไปอีกยาวนานมากในสุคติโลกสวรรค์ ดังนั้น ให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน และอดทนสร้างบารมีในทุกรูปแบบ เพื่ออนาคตอันสดใสในสัมปรายภพของพวกเราทุกๆ คน
* มก. เล่ม ๔๕ หน้า ๑ ๖๘
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/15705
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน