การดำรงอยู่ได้นานแห่งพระสัทธรรม (๑)

การดำรงอยู่ได้นานแห่งพระสัทธรรม (๑)

ความเสื่อมของมนตราอยู่ที่การไม่ทบทวน ความเสื่อมของเรือนอยู่ที่การไม่ซ่อมแซม ความเสื่อมของใจอยู่ที่การไม่ฝึกฝน  เมื่อใจของเราเสื่อม ความคิดคำพูด และการกระทำของเราย่อมจะเสื่อมตามไปด้วย บาปอกุศลก็จะเข้าครอบงำใจของเราได้ง่าย การฝึกฝนใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ภายใน ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นประจำสม่ำเสมอนั้น เป็นการพัฒนาคุณภาพจิตใจของเรา ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพาน  เมื่อจิตใจนุ่มนวลควรแก่การงาน ความคิดคำพูด และการกระทำของเรา จะพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะเป็นไปเพื่อบุญกุศลล้วนๆ บาปอกุศลจะไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาในใจได้ ชีวิตจะมีแต่ความสุขทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพ เพราะจิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน พุทธวรรควรรณนาว่า
“กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ  กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ     กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท
ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก การได้ฟังพระสัทธรรม เป็นการยาก การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นการยาก”

การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นยากมาก เพราะจะต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๒๐ อสงไขยกับ ๑๐๐,๐๐๐ มหากัป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าว่ายากแล้ว แต่การได้ฟังพระสัทธรรมจากพระองค์นั้นยากยิ่งกว่า เพราะเว้นจากพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว พุทธบริษัทต้องอาศัยการฟังธรรมจากพระพุทธองค์หรือพระสาวก จึงจะสามารถบรรลุธรรมได้

แม้กระทั่งพระอัครสาวกทั้งสองนั้น ต่อเมื่อได้สดับพระสัทธรรมแล้ว จึงสามารถบรรลุธรรม กำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้ พวกเราถือว่าเป็นผู้ที่โชคดีมีบุญอย่างยิ่ง เพราะแม้จะไม่ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ยังมีโอกาสได้มาพบพระธรรมคำสอน และพระสงฆ์สาวกของพระองค์ ทำให้เรามีโอกาสได้รับแสงสว่างแห่งพระธรรมส่องนำทางชีวิตในสังสารวัฏ เราจะได้ดำเนินชีวิตในสังสารวัฏที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้อย่างปลอดภัย และมีชัยชนะ

หากเราไปเกิดในบางยุคที่พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้ไม่นาน นอกจากจะไม่ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ชีวิตของเราย่อมว่างเปล่าจากประโยชน์ทั้งในภพนี้ และประโยชน์ในสัมปรายภพ ในอดีตกาล พระพุทธเจ้าบางพระองค์นั้นทรงแสดงธรรมแต่เพียงโดยย่อ มิได้ทรงแสดงโดยพิศดาร พุทธบริษัทที่เกิดในยุคเดียวกับพระองค์นั้น ล้วนเป็นผู้มีบุญมาก แม้ฟังธรรมโดยย่อก็สามารถบรรลุธรรมได้แล้ว แต่หลังจากพระพุทธองค์ และพระสาวกปรินิพพานแล้ว พระธรรมคำสอนมีการสืบทอดกันมาอีกไม่กี่ช่วงอายุคน ในสมัยนั้นก็อันตรธานไปจากโลก เพราะไม่มีใครสามารถทรงจำคำสอนของพระพุทธองค์ ดังเช่นบางยุคบางสมัยของพระพุทธเจ้าในอดีตที่มีการกล่าวถึงไว้

* ในสมัยพุทธกาล ขณะที่ พระสารีบุตรเถระ อยู่ในที่สงัด หลีกเร้นอยู่ตามลำพัง ท่านเกิดความสงสัยขึ้นว่า “พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายในพระองค์ใดดำรงอยู่ได้ไม่นาน และในพระองค์ใดดำรงอยู่ได้นาน”

บางท่านอาจสงสัยว่า พระอรหันต์เป็นผู้หมดกิเลสแล้ว ท่านยังมีปัญหาหรือความสงสัยในเรื่องโลกๆ ด้วยหรือ อันที่จริง พระอรหันต์ท่านไม่ได้รู้ทุกเรื่อง แต่รู้เป็นบางเรื่อง อีกทั้งท่านหายสงสัยเฉพาะในเรื่องมรรคผลนิพพาน เพราะท่านแทงตลอดในไตรลักษณ์แล้ว และสัมมาทิฏฐิของท่านทั้งที่เป็นโลกียะ และโลกุตระก็สมบูรณ์แล้ว ท่านเป็นผู้รู้แจ้งที่เอาตัวรอด หรือหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้แล้ว แต่ความรู้ที่เสมือนใบไม้ในป่านั้นเป็นสิ่งที่จะรู้ก็ได้ หรือไม่รู้ก็ได้ อีกทั้งท่านไม่ได้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า จึงไม่รู้หมดทุกเรื่อง

พระสารีบุตร แม้ท่านสามารถพิจารณาได้ด้วยตนเอง แต่การอยู่ในสถานที่เดียวกันกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากท่านวินิจฉัยเอง ก็เปรียบเหมือนการทิ้งตราชั่งแล้วมาชั่งด้วยมือ

เมื่อถึงเวลาเย็น ท่านจึงไปทูลถามความตามที่สงสัยนั้น พระบรมศาสดาตรัสว่า “พระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามวิปัสสี สิขี และเวสสภู ดำรงอยู่ไม่ได้นาน ส่วนพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ โกนาคมนะ และกัสสปะดำรงอยู่ได้นาน”

พระเถระทูลถามต่อว่า “อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย พระพุทธเจ้าข้า” พระองค์ตรัสตอบว่า “ดูก่อนสารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี สิขี และเวสสภู มิได้ทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย  ดังนั้น นวังคสัตถุศาสน์ของพระพุทธเจ้าทั้ง๓พระองค์นั้น จึงมีน้อย อีกทั้งสิกขาบทก็มิได้ทรงบัญญัติ ปาฏิโมกข์ก็มิได้ทรงแสดงแก่สาวก  ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น และพระสาวกปรินิพพานแล้ว สาวกรุ่นหลังที่ต่างชื่อ ต่างโคตร ต่างเชื้อชาติ หรือออกบวชจากตระกูลต่างกัน ๓เหตุเหล่านี้ทำให้พระศาสนาอันตรธานในกาลไม่นาน”

พระสารีบุตรเถระทูลถามต่อไปว่า “อะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามกกุสันธะ โกนาคมนะ และกัสสปะ ดำรงอยู่ได้นาน พระพุทธเจ้าข้า”  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า “ดูก่อนสารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ โกนาคมนะและกัสสปะ มิได้ทรงท้อพระทัยเพื่อแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย นวังคสัตถุศาสน์ของพระพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์นั้นจึงมีมาก อีกทั้งสิกขาบทก็ทรงบัญญัติไว้ ปาฏิโมกข์ก็ทรงแสดงแก่สาวก  และพระสาวกผู้ตรัสรู้ตาม สาวกรุ่นหลังที่ต่างชื่อ ต่างโคตรกัน หรือออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงดำรงพระศาสนานั้นไว้ได้ยาวนาน”

เปรียบเหมือนดอกไม้หลากสีที่ใช้ด้ายร้อยไว้ และวางบนพื้นกระดาน ลมย่อมพัดกระจัดกระจายไม่ได้ กำจัดดอกไม้เหล่านั้นไม่ได้ ฉันใด  แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น และพระสาวกผู้ตรัสรู้ตามจะนิพพานแล้ว  แต่สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ก็สามารถดำรงพระศาสนานั้นไว้ได้นาน ฉันนั้น  ดูก่อนสารีบุตร อันนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้พระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามกกุสันธะ โกนาคมนะ และกัสสปะดำรงอยู่ได้นาน”

จากพระดำรัสนี้ จะเห็นได้ว่า เราเป็นผู้โชคดีมากๆ ที่แม้ไม่ได้เกิดในสมัยที่พระพุทธองค์ทรงมีพระชนม์อยู่ แต่ยังได้เกิดในยุคที่มีพระธรรมคำสอนของพระองค์ดำรงอยู่ อีกทั้งยังมีพระสงฆ์ผู้ยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระบรมศาสดา พระพุทธศาสนาก็ยังเจริญรุ่งเรือง ผู้คนส่วนใหญ่ยังมีจิตใจงามใฝ่ในการศึกษาเรียนรู้ธรรมะ พระสงฆ์ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมทั้งภาคปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ท่านยังเมตตาแสดงธรรมสั่งสอนให้เราได้รู้เป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ และการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงาม

พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย กล่าวไว้ว่า “เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ จะเกิดมาทำอะไร” หมายถึง  เมื่อเรามีบุญได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และรู้จักพระรัตนตรัย คือ แก้ว ๓ ประการแล้ว หากไม่ตั้งใจสั่งสมคุณงามความดี ไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ก็น่าเสียดาย เกิดมาฟรี เสียชาติเกิด นี่เป็นความหมายของท่าน  ดังนั้น เราต้องใช้ความมีโชคดีของเราให้คุ้มค่าด้วยการสั่งสมบุญกุศลให้เต็มที่ ทั้งทาน ศีล ภาวนา ปฏิบัติธรรมอย่าให้ขาด ให้เข้าถึงพระธรรมกาย ภพชาติต่อไปเราจะได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนา และทุกภพทุกชาติจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมกันทุกคน

*สมันตปาสาทิกา

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/9210
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพระพุทธคุณ

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

1 thought on “การดำรงอยู่ได้นานแห่งพระสัทธรรม (๑)”

  1. ✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *