มงคลที่ ๓๔ ทำพระนิพพานให้แจ้ง – ผู้มีชัยชนะที่ไม่กลับแพ้
สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นล้านๆชีวิต ไม่มีใครที่จะประทับรอยเท้าไว้บนผืนทรายได้จีรังยั่งยืน เพราะไม่นานรอยเท้านั้น ก็ถูกคลื่นพัดให้จางหายไป เหมือนชีวิตที่เกิดขึ้นมาแล้วหาความยั่งยืนคงที่ไม่ได้ ไม่ช้าก็ถูกคลื่นแห่งกาลเวลาพัดพาไปสู่ความเสื่อมสลาย คงเหลือไว้แต่คุณงามความดีให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและเอาเป็นแบบอย่าง ในโลกนี้มีมนุษย์เพียงส่วนน้อยที่ไม่ประมาท ส่วนใหญ่ยังประมาทอยู่ ยังไม่เร่งขวนขวายสร้างความดี กลับปล่อยชีวิตให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า แสวงหาแต่สิ่งที่ไร้สาระ ต้องตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา มิอาจเป็นตัวของตัวเองได้ ชีวิตจึงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ร่ำไป
มีวาระพระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน ขัคควิสาณสูตร ว่า
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ
อวิเหฐยํ อญฺญตรมฺปิ เตสํ
บุคคลควรวางอาชญาในสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
ไม่ควรเบียดเบียนสัตว์อื่น แม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก
ความเมตตาปรารถนาดีต่อกันและกัน ด้วยความจริงใจ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนเหล่าพุทธบริษัท ให้เป็นผู้มีจิตประกอบด้วยเมตตา ไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นอกจากไม่เบียดเบียนกันแล้ว ก็ให้ประกอบด้วยมหากรุณา คือ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ให้พ้นทุกข์ ได้พบกับความสุขยิ่งๆขึ้นไป ผู้ที่เจริญเมตตาอยู่เป็นประจำ ทำให้เป็นผู้มีอารมณ์เยือกเย็น ใครเข้าใกล้ จะสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเย็น เหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร อันตรายใดๆไม่สามารถมากล้ำกรายได้ เมื่อเกิดภาวะวิกฤติขึ้น กระแสแห่งความเมตตาจะแปรผันสภาวะนั้น ให้กลับดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์
มีเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยก่อนพุทธกาล เกี่ยวกับการให้อภัย นำมาซึ่งชัยชนะที่ไม่มีวันกลับแพ้ คือ การได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เรื่องมีอยู่ว่า * พระปัจเจกโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ภพชาติสุดท้าย ได้บังเกิดเป็นพระราชาพระนามว่า พรหมทัต ทรงทำกสิณบริกรรมเจริญเมตตาพรหมวิหารเป็นประจำ พระองค์ทรงสอนตนเองว่า “ความสุขจากสมาบัติ มากกว่าความสุขจากราชสมบัติ”_จึงเสด็จขึ้นปราสาทชั้น๗ รับสั่งให้อำมาตย์บริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์
เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน พระมเหสีซึ่งเป็นหญิงรุ่นสาว มีความยินดีและพอใจในเบญจกามคุณ ได้ประพฤติออกนอกลู่นอกทางกับอำมาตย์ เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทราบเข้า จึงกราบทูลพระราชาให้ทรงสำเร็จโทษเสีย แต่พระราชาผู้ประกอบด้วยมหากรุณา ตรัสว่า “ถ้าหากเราฆ่าหรือทรมานอำมาตย์ชั่วนี้ ก็จะเป็นการทำปาณาติบาต หากแม้นอายัดทรัพย์ทั้งหมด ก็จะเป็นอทินนาทาน” จึงทรงลงโทษสถานเบา ด้วยการเนรเทศอำมาตย์ไปอยู่เมืองอื่น
เนื่องจากอำมาตย์คนนี้ เป็นคนมีใจบาปอกตัญญู มีความอาฆาตแค้นต่อพระราชา ทั้งๆที่ตนเองเป็นผู้ทำความผิด เมื่อหลบหนีไปอยู่เมืองอื่น ก็ไปยุยงพระราชาให้มารบกับพระเจ้าพรหมทัต เพราะตนเองรู้เรื่องภายในพระราชวังของพระเจ้าพรหมทัตเป็นอย่างดี ครั้งแรกๆพระราชาเมืองนั้นไม่มั่นใจ ตรัสถามไปว่า “เธอประสงค์จะนำฉันไปตายหรือ ได้ยินข่าวว่าพระเจ้าพรหมทัตเป็นผู้มีอานุภาพมาก สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนนกบินไปในอากาศ”
อำมาตย์ทูลให้สบายพระทัยว่า “พระองค์อย่าได้ตรัสอย่างนี้ ถ้าไม่ทรงเชื่อ ก็จงทรงส่งสายสืบไปดูเถิด”
พระราชาส่งสายสืบไปตรวจดู โดยให้ขุดซุ้มประตูทางขึ้นพระตำหนักบรรทมของพระเจ้าพรหมทัต เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นแล้ว ตรัสถามว่า “พวกเจ้ามาเพื่ออะไรกันหรือ”
พวกสายสืบทูลว่า “พวกข้าพระองค์เป็นโจร”
พระราชาจึงรับสั่งให้ประทานทรัพย์แก่พวกโจร แล้วให้โอวาทว่า “อย่าได้ทำอย่างนี้อีก”
จากนั้น จึงปล่อยไป พวกสายสืบกลับมาทูลให้พระราชาของตนทราบหลายครั้ง จนสามารถทำให้พระองค์เชื่อว่าพระเจ้าพรหมทัตเป็นผู้มีศีล ไม่ยินดีในการฆ่าหรือทำร้ายคนอื่น
อำมาตย์ผู้มากไปด้วยความพยาบาท ทูลยุยงว่า “ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในชมพูทวีป”
ฝ่ายพระราชาหลงเชื่อในคำยุยง จึงจัดกองทัพเพื่อออกรบกับพระเจ้าพรหมทัต อำมาตย์ของพระเจ้าพรหมทัตแต่ละนาย ล้วนเป็นผู้มีอานุภาพที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ ครั้นได้ฟังพระบรมราชโองการว่า “ถ้ารบกัน ปาณาติบาตก็พึงมีแม้แก่พวกเรา พวกท่านจงออกไปจับพระราชาผู้เป็นปฏิปักษ์ โดยไม่ให้เสียเลือดเสียเนื้อมาให้เราก็พอแล้ว”
อำมาตย์และเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหลาย รับราชโองการแล้ว ปรึกษาหารือกันว่าจะจับพระราชาผู้มายึดราชสมบัติอย่างไรดี จึงจะไม่เกิดการรบราฆ่าฟันกัน มิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต ด้วยความเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ในขณะที่พระราชาฝ่ายตรงข้าม และทหารกำลังนอนหลับอยู่นั้น นายทหารของพระเจ้าพรหมทัตสามารถลอบเข้าไปจับพระราชา อำมาตย์ชั่วผู้คอยยุยง และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้ทั้งหมด ทำให้พลทหาร ทั้งกองทัพต้องยอมจำนนโดยปริยาย
เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ทรงไต่สวนพระราชา และทรงพิจารณาต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ้น ก็ทราบได้ทันทีว่าเกิดขึ้นจากใคร แทนที่จะสำเร็จโทษ ทรงให้อภัยพระราชาผู้เป็นปฏิปักษ์ พร้อมกับสนทนากันฉันพระสหาย
ตั้งแต่นั้นมา พระเจ้าพรหมทัตให้พระราชาช่วยบริหารงานแผ่นดิน พระองค์จะได้ใช้เวลาไปบำเพ็ญเพียรจิตภาวนา เพราะอาศัย ธรรมาวุธ คือ ความเมตตาต่อกัน ทำให้สงครามไม่เกิดขึ้น พระราชาทั้งสองพระองค์ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ จึงเคารพนับถือกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งยังส่งผลลงมาถึงเหล่าอำมาตย์ข้าราชบริพาร และพสกนิกรของทั้งสองเมือง ต่างก็สมานฉันท์ไปมาหาสู่กันอย่างไร้พรหมแดนมากางกั้นอีกต่อไป
วันหนึ่ง พระเจ้าพรหมทัตทรงประทับนั่งบนคอช้างเพื่อตรวจเยี่ยมพสกนิกร เห็นประชาชนทั้งสองฝ่าย ต่างชื่นชมยินดีต่อกัน ทรงดำริว่า “หยดโลหิตแม้เพียงแมลงวันตัวเล็กๆจะดื่มได้ ก็ไม่บังเกิดในหมู่ชน การตามรักษาจิตของเราเพียงคนเดียว โอ…ดีจริงหนอ ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุขเถิด อย่ามีเวรมีภัย อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย”_แล้วทรงทำเมตตาฌานให้เกิดขึ้น ทรงพิจารณาสังขารทั้งหลาย ในที่สุดกระทำให้แจ้งซึ่งปัจเจกโพธิญาณ ได้บรรลุความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
เมื่อพวกอำมาตย์กราบทูลให้เสด็จกลับ พระเจ้าพรหมทัตจึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย เราไม่ใช่พระราชาแล้ว เราชื่อว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า”_แล้วทรงเอาพระหัตถ์เบื้องขวาลูบพระเศียร ทันใดนั้นเอง เพศคฤหัสถ์ก็อันตรธานไป เพศบรรพชิตเกิดขึ้นมาแทนที่ ทรงเหาะขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ประทับนั่งบนดอกปทุม ให้โอวาทพสกนิกรทั้งหลายว่า อย่าได้เป็นผู้ยินดีในการเบียดเบียนกันและกันเลย ให้มีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน แล้วพวกท่านจะบรรลุถึงสุขอันไพบูลย์ จากนั้นก็เหาะไปที่ภูเขาคันธมาทน์
นี่คือตัวอย่างของผู้รู้ที่รบกับสงครามภายใน จนได้รับชัยชนะที่ไม่มีวันกลับแพ้ ได้พบกับความสุขอันเป็นอมตะ จะเห็นได้ว่าหากมนุษยชาติมีความรักและความปรารถนาดีต่อกันอย่างแท้จริงแล้ว สงครามโลกไม่ว่าจะเป็นสงครามใหญ่หรือสงครามย่อย จะไม่บังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหากผู้นำประเทศหันมาประพฤติธรรม สันติสุขที่แท้จริงจะแผ่ขยายไปทุกหนทุกแห่ง ความร่มเย็นเป็นสุขจะบังเกิดขึ้นในโลกได้ เพราะฉะนั้น ให้พวกเราทุกคนได้ชักชวนกันมาประพฤติธรรม รักษาศีล เจริญภาวนา มาทำสงครามภายในจิตใจกันดีกว่า โดยรบกับกิเลสอาสวะ เมื่อชนะได้เราจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันกลับมาแพ้อีก
ดังนั้น ให้หมั่นนั่งสมาธิให้เข้าถึงพระธรรมกายกันให้ได้ทุกคน เราจะได้แผ่กระแสแห่งความเมตตาปรารถนาดี ซึ่งเกิดจากใจที่ใสบริสุทธิ์ไปให้แก่คนทั้งโลก สันติสุขที่แท้จริงจะได้บังเกิดขึ้นในโลก
* มก. ขัคควิสาณสูตร เล่ม ๔๖ หน้า ๙๔
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/5303
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๖
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article