อานิสงส์ถวายผ้าหนึ่งคู่

อานิสงส์ถวายผ้าหนึ่งคู่ (ยสุตตราเทพนารี)

     พระพุทธศาสนากว่าจะบังเกิดขึ้นมาในโลกนี้ยากแสนยาก จะต้องอาศัยพระโพธิสัตว์ผู้มีใจใหญ่ ทุ่มเทสร้างบารมีอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบาก ยอมทุกอย่างเพื่อสร้างบารมีให้แก่รอบ จนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นนาถของโลกมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น จึงมีพระพุทธศาสนาอยู่คู่โลก การบังเกิดขึ้นของพระพุทธองค์ จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ใครก็ตามที่ได้กระทำตามพระพุทธโอวาท ชีวิตก็ย่อมมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

มีวาระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน นาควิมาน ความว่า
“พุทฺธสฺสาหํ วตฺถยุคํ อทาสึ
ปาทานิ วนฺทิตฺวา ฉมา นิสีทึ
อปฺปายุกี กาลกตา ตโต จุตา
อุปฺปนฺนา ติทสานํ ยสฺสินี
     เราได้ถวายผ้าคู่หนึ่งแก่พระพุทธเจ้า ถวายบังคมพระยุคลบาท แล้วนั่งอยู่บนพื้นดิน เรารู้สึกปลื้มปีติในบุญนั้น แม้เรามีอายุน้อย  พอละจากโลกไป ก็ไปเกิดในชั้นไตรทศ เป็นผู้เรืองยศ”
.
     บุคคลใดก็ตาม มีจิตเลื่อมใส มีใจมุ่งตรงต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ไม่คลอนแคลนในพระรัตนตรัยแล้ว ตั้งใจสั่งสมบุญอย่างเต็มกำลัง ชีวิตของผู้นั้นย่อมจะประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตาม บุญที่บังเกิดขึ้นจะคอยส่งผลให้ประสบความสุขในทุกสถาน  เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ หากไม่สร้างบารมีแล้ว ก็เท่ากับว่าเสียเวลาไปฟรีๆ  และเราไม่รู้เลยว่า อายุของความเป็นมนุษย์จะสิ้นสุดลงในวันใด เพราะฉะนั้นการดำรงตนด้วยความไม่ประมาทในชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง

     * เหตุการณ์ที่หลวงพ่อจะนำมาเล่าในครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล  ตอนนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในเขตกรุงพาราณสี ทุกท่านคงรู้จักป่าอิสิปตนะกันดีแล้ว ป่านี้มีความสำคัญกับพระพุทธศาสนามาก  เพราะเป็นที่แสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ ทำให้พระอัญญาโกญทัญญะมีดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน บังเกิดสังฆรัตนะขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ทำให้พระรัตนตรัยครบถ้วนบริบูรณ์ นี่คือความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีเกร็ดอีกเล็กน้อยที่ควรจะรู้เอาไว้ว่า  ป่าอิสิปตนมฤคทายวันนี้  แท้ที่จริงแล้วมีอยู่สองชื่อที่แยกกัน คือคำว่า อิสิปตนะและมฤคทายวัน  เนื่องจากป่านี้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับการประพฤติปฏิบัติธรรม บรรดาฤๅษีทั้งหลายจึงมักจะพากันเหาะมาลงที่ป่าแห่งนี้เพื่อบำเพ็ญเพียร  จึงทำให้ผู้คนทั้งหลายเรียกป่านั้นว่า อิสิปตนะ แปลว่า ที่ลงมาแห่งพวกฤๅษี  ส่วนคำว่า มฤคทายะ นั้น แปลว่า ที่ให้อภัยแก่ฝูงเนื้อ เนื่องจากเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์จึงทำให้มีเหล่าฝูงเนื้อมาอาศัยอยู่ พระราชาก็พระราชทานอภัยให้กับสัตว์เหล่านั้น จึงทำให้ป่านั้นได้ขนานนามว่า อิสิปตนมฤคทายวัน

     ในสมัยนั้น ได้มีอุบาสิกาท่านหนึ่งที่อยู่กรุงพาราณสี เป็นผู้ที่มีศรัทธามาก สมบูรณ์ด้วยศีล คือรักษาศีลจนเป็นอุปนิสัย และเป็นอุบาสิกาที่มีความประพฤติงดงาม สมกับเป็นผู้ที่มีธรรมเป็นอาภรณ์เรียกได้ว่า  งามทั้งกายและใจทีเดียว ทุกๆ วันเธอจะหาโอกาสสั่งสมบุญอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยว่างเว้นจากการทำความดีเลย  วันหนึ่งเธอคิดว่า  เราน่าจะสร้างบุญพิเศษสักอย่างหนึ่งกับพระผู้มีพระภาคเจ้า จะได้เป็นอานิสงส์พิเศษติดตัวเราไปในภพชาติเบื้องหน้า

     เมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็ตั้งใจทอผ้าขึ้นมาคู่หนึ่ง ทำอย่างประณีต ซักและย้อมอย่างดีแล้วก็เดินทางออกจากบ้าน  มุ่งตรงไปทางที่พระบรมศาสดาประทับอยู่ เมื่อเข้าเฝ้าแล้วก็น้อมถวายผ้าที่ตั้งใจกระทำมาอย่างดีนั้นแด่พระพุทธองค์ จากนั้นก็กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าคู่นี้ หม่อมฉันตั้งใจทำมาอย่างประณีต หวังจะเอาบุญกับพระองค์ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดอนุเคราะห์รับผ้าคู่นี้ เพื่อเป็นประโยชน์สุขแก่หม่อมฉันตลอดกาลนานเทอญ”

     พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับผ้าคู่นั้นเอาไว้ เพราะทรงเห็นอุปนิสัยของอุบาสิกาที่สั่งสมมายาวนาน  จากนั้นพระองค์ได้แสดงธรรมโปรด พอจบพระธรรมเทศนาเท่านั้น อุบาสิกาผู้มีศรัทธาก็ได้มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล  พอนางฟังธรรมจบแล้ว ด้วยความปิติใจอย่างยิ่งยวด อุบาสิกาท่านนั้นก็ก้มลงกราบพระพุทธองค์กับพื้นดินนั่นแหละ  ได้กระทำประทักษิณแล้วก็เดินทางกลับบ้าน  อยู่ต่อมาไม่นานนัก เธอก็หมดอายุขัยลง แล้วไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

     เป็นเทพนารีที่โปรดปรานของท้าวสักะผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  และก็เป็นที่เกรงอกเกรงใจของเหล่าเทวดาทั้งหลาย ได้นามว่า ยสุตตรา แปลว่า ผู้ยิ่งด้วยยศ ด้วยบุญญานุภาพของเทพธิดานั้น ได้บังเกิดกุญชรชาติตัวประเสริฐ คลุมด้วยข่ายทองอันเป็นทิพย์ ที่คอช้างมีมณฑปแก้วมณีบังเกิดขึ้น กลางมณฑปก็บังเกิดรัตนบัลลังก์ที่ตกแต่งไว้อย่างดีแล้ว และที่งาทั้งสองก็มีสระโบกขรณีอยู่สองสระ  ดารดาษไปด้วยดอกปทุมบานสะพรั่ง สวยงามมาก ที่กลีบดอกปทุมนั้นมีเทพธิดา  ยืนประโคมทิพยดุริยางค์และขับร้องกันอย่างไพเราะเสนาะโสต สร้างความบันเทิงใจ  ให้กับเทพนารีผู้มีบุญมากท่านนั้น

     ต่อมาวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จไปสู่กรุงสาวัตถี ประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร เทพธิดาท่านนั้นได้ตรวจดูมหาทิพยสมบัติของตน ได้เห็นสมบัติอันเป็นทิพย์ที่ดีเลิศเป็นพิเศษเกิดขึ้นมากมายอย่างอัศจรรย์  รู้สึกปลื้มปีติมากจึงตรวจดูว่า สมบัติที่บังเกิดขึ้นนี้  มีความพิเศษกว่าเทพองค์อื่นๆ นั้นเป็นเพราะบุญอะไร ก็เห็นว่า  สมบัติที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะบุญที่ได้ถวายผ้าคู่ที่ละเอียดประณีตกับพระศาสดา ก็เกิดความปีติโสมนัส ปรารถนาที่จะลงมาถวายบังคม จึงนั่งบนคอช้างทิพย์ลงมาจากสรวงสวรรค์มาเข้าเฝ้าถวายบังคมพระศาสดา

     ครั้นมาถึงโลกมนุษย์ก็ลงจากคอช้าง ยืนประคองอัญชลีอยู่ที่ใกล้ๆ พระวังคีสะเถรเจ้าผู้เป็นพระอรหันตสาวกผู้เลิศทางด้านปฏิภาณ มีปัญญาดี ท่านมองเห็นสมบัติของเทพธิดาที่พิเศษกว่าเทพองค์อื่น เพราะมีช้างแก้วอันวิจิตรพิสดาร จึงขอโอกาสพระศาสดาเพื่อถามเทพนารี เมื่อพระพุทธองค์ประทานอนุญาต พระเถระจึงเอ่ยถามว่า “ดูก่อนเทพนารีผู้งดงาม ท่านประดับองค์แล้วนั่งบนคชสารตัวประเสริฐ งามไปด้วยแก้วและทอง  วิจิตรด้วยข่ายทอง ที่งาทั้งสองของคชสารก็มีสระโบกขรณี ดารดาษด้วยดอกปทุมทิพย์ เทพอัปสรพากันขับร้องประสานเสียงไพเราะ สมบัติอันพิเศษกว่าเทพเหล่าอื่นบังเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะผลแห่งบุญอะไร”

     ยสุตตราเทพธิดาถูกพระวังสีสเถรเจ้าถามถึงบุพกรรมของตนจึงตอบว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ เมื่อครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ดิฉันได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า สร้างบุญพิเศษอย่างหนึ่งคือ ถวายผ้าคู่หนึ่งแก่พระพุทธองค์ ด้วยจิตที่เบิกบานเลื่อมใส ครั้นถวายแล้วก็นั่งถวายบังคมพระยุคลบาทที่พื้นดิน พระองค์ทรงแสดงธรรม ทำให้ดิฉันมีดวงตาเห็นธรรม แต่ก็น่าเสียดายที่ดิฉันมีอายุน้อยเกินไป ไม่เช่นนั้นก็คงจะได้สร้างบุญพิเศษที่ยิ่งไปกว่านี้อีก”  พอพระเถระฟังบุพพกรรมของเทพนารีแล้วก็กล่าวชื่นชมอนุโมทนา

     เราจะเห็นว่า  ผู้ที่มีบุญมีปัญญานั้น มักจะแสวงหาบุญที่พิเศษที่ประณีต เพื่อสร้างบารมีในวาระที่พิเศษด้วยใจที่เปี่ยมล้นด้วยมหาปีติ มีศรัทธาถวายกับทักขิไณยบุคคล บุญพิเศษนี้ ใช่ว่าจะบังเกิดขึ้นได้ง่ายๆ  มักจะเกิดเป็นวาระๆ ไป ใครที่รู้จักไขว่คว้าหาบุญพิเศษเหมือนเทพนารีนี้ ก็จะได้สมบัติที่พิเศษยิ่งกว่าผู้อื่น เหมือนบุญพิเศษที่หลวงพ่อได้ชักชวนให้ทุกท่าน ได้ถวายมหาสังฆทานแก่ภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศ  บุญนี้เป็นบุญใหญ่ มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ต่อตัวเราและชาวโลกอย่างมหาศาลทีเดียว  ก็ขอให้ตั้งใจตักตวงบุญให้เต็มที่

* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๓๔๑
   

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11981
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *